ป.ป.ช.ชี้มูลผิด-อัยการคดีทุจริตฯภาค 9 ยื่นฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฯ ปลัด-เลขาฯนายก อบต.เกาะสาหร่าย ทุจริตเก็บเงินค่าธรรมเนียมขยะจากนักท่องเที่ยว เกาะหลีเป๊ะ เป็นเงินกว่า 1.55 ล้านบาท
.............................................................
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2564 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 9 ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 9 เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมไปถึงเกาะหลีเป๊ะ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นมีรายได้เลี้ยงตัวเอง อย่างไรก็ดีระหว่างเดือน ก.พ. 25557-ปลายปี 2558 นาย ธ ปลัด อบต.เกาะสาหร่าย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้มอบหมายให้ลูกจ้าง อบต.เกาะสาหร่าย กับพวกอีก 3 ราย เป็นผู้ช่วยเก็บเงินค่าธรรมเนียมขยะจากนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน โดยผู้ช่วยจะไปประจำอยู่บนโป๊ะหน้าหาดหลีเป๊ะ คอยเก็บค่าธรรมเนียมขยะจากนักท่องเที่ยวรายละ 20 บาท และมอบตั๋วค่าธรรมเนียมให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย ตั๋วดังกล่าวมีตราสัญลักษณ์ของ อบต.เกาะสหร่าย ประทับอยู่
นายโกศลวัฒน์ กล่าวอีกว่า ต่อมา นาย น เลขานุการนายก อบต.เกาะสาหร่าย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มอบหมายให้นาย ส นำเงินที่เก็บได้มอบให้แก่นาย น ทั้งที่ อบต.เกาะสาหร่ายไม่มีอำนาจเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมขยะดังกล่าวจากนักท่องเที่ยวตามกฎหมาย โดยเงินที่เก็บได้แต่ละวันได้มอบให้แก่นาย ธ และบางส่วนถูกนำไปให้นาย น โดยไม่ได้มีการนำเงินดังกล่าวส่งเข้าคลังของ อบต.เกาะสาหร่าย แต่อย่างใด รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,553,220 บาท
นายโกศลวัฒน์ กล่าวด้วยว่า การกระทำของนาย ธ ที่ร่วมกับนาย ด นายก อบต.เกาะสาหร่าย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริตเงินดังกล่าวมาเป็นของตน ทำให้เกิดความเสียหายแก่ อบต.เกาะสาหร่าย ส่วนนาย น เป็นผู้สนับสนุนนาย ด และนาย ธ
โดยคดีนี้ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2564 พนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 9 โดยนายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด เจ้าของสำนวน ได้รับสำนวนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 โดยมีจำเลย 2 ราย คือ นาย ธ และ นาย น ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157 และ 86 ส่วนนาย ด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ถึงแก่ความตาย จึงยุติคดีไป
ทั้งนี้จำเลยมีสิทธิ์ต่อสู้คดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนผลการพิจารณาจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐกฎหมายลงโทษหนักมากสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต ตามมาตรา 147 แต่ถ้าเป็นประชาชนหลอกลวงเก็บเงินกันเองจะผิดตาม มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี ต่ำกว่าความผิดต่อเจ้าพนักงานของรัฐมาก จึงฝากเตือนข้าราชการและหน่วยงานของรัฐทั้งหลาย อย่าทุจริต อย่าทำผิดกฎหมาย อย่าประพฤติมิชอบ ส่วนใหญ่คิดว่าเรื่องนี้เราไม่น่าจะโดนจับ โดนแฉ เมื่อถูกดำเนินคดีอัยการไม่มีสิทธิ์ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ต้องทำหน้าที่ไปตามกฎหมายเท่านั้น
หมายเหตุ : ภาพประกอบเกาะหลีเป๊ะ จาก https://s.isanook.com/
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/