
ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่ากำลังจะได้อ่านการวิจารณ์หนังในบทความชิ้นนี้ เพราะถ้าจะทำจริงผู้เขียนคงจะวิจารณ์ช้าไปสิบกว่าปีเพราะหนังเรื่องนี้ออกฉายในปี พ.ศ. 2553
..............................
ที่ยกเอาหนังเรื่องนี้มาเป็นบทเริ่มเรื่องเพราะเห็นความสำคัญอันเป็นหัวใจของหนังคือ พลังการพูดของผู้นำประเทศ ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับการพูดในคำแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาซึ่งมักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์บ่อยๆและหนักๆขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนที่จะไปถึงเรื่องนั้น ขอเท้าความเกี่ยวกับหนังเรื่อง the King’s Speech เล็กน้อยเผื่อบางท่านอาจจะลืมไปบ้าง
The King’s Speech เป็นเรื่องจริงของพระเจ้ายอร์จที่ 6 ของอังกฤษที่ท่านทรงมีปัญหาในการพูด (ขออนุญาตใช้ภาษาธรรมดาแต่ด้วยการถวายพระเกียรติ) ปัญหาของท่านเป็นที่ล่วงรู้ของคนอังกฤษทั่วไปว่าท่านพูดติดอ่างและค่อนข้างรุนแรง เรื่องการพูดติดอ่างของท่านนั้นบางข้อมูลบอกว่าที่จริงแล้วพระเจ้ายอร์จที่ ๖ นั้นไม่ได้พูดติดอ่างมาตั้งแต่กำเนิด แต่มาทรงมีปัญหาเมื่อเจริญพระชนมพรรษามากขึ้น สาเหตุก็น่าจะเกิดจากการที่มีพระบิดาคือพระเจ้ายอร์จที่ 5 ที่ทรงเข้มงวดมีกฎข้อบังคับมากมายกับพระราชโอรส แรงกดดันที่สองคือจากพระเชษฐาของพระองค์คือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ที่ทรงเป็นหนุ่มหล่อมีเสน่ห์พราวแพรวเป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะสาวๆ รัศมีอันรุ่งโรจน์ของพระเชษฐาสร้างความไม่มั่นใจให้กับพระเจ้ายอร์จที่ 6 อย่างมากบวกกับการที่มักจะถูกพี่ชายทรงเย้าแหย่ในเรื่องความขี้อายและไม่มั่นใจของพระองค์อยู่บ่อยๆ
สภาพการรอบพระองค์เช่นนี้ทำให้พระเจ้ายอร์จที่ 6 กลายเป็นหนุ่มที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง เวลาจะพูดจาอันใดกับพระบิดาก็จะกลัวๆกล้าๆ ขาดๆหายๆ หรือจะพูดกับพี่ชายก็จะโดนล้อหนักไปอีก พระเจ้ายอร์จที่ 6 เลยกลายเป็นคนพูดติดอ่างไปในที่สุด
เรื่องการพูดติดอ่างของท่านอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ถ้าท่านไม่ได้ขึ้นครองราชสมบัติอย่างปัจจุบันทันด่วนแทนพระเชษฐาคือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ที่ทรงสละราชสมบัติเพื่อไปแต่งงานกับหญิงหม้ายชาวอเมริกัน
ไม่เพียงแต่จะไม่ได้เตรียมพระองค์เป็นกษัตริย์อย่างเต็มที่แล้ว อังกฤษยังเจอกับมหาสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นาซีเยอรมันกำลังบุกยุโรป และอังกฤษก็เป็นเป้าหมายสำคัญประเทศหนึ่ง
ในภาวะการณ์ที่คับขันเช่นนี้ประชาชนต้องการขวัญและกำลังใจและการปลุกปลอบจากผู้นำของประเทศให้ลุกขึ้นช่วยชาติให้รอดพ้นจากการคุกคามจากต่างชาติ พระราชดำรัสของพระเจ้ายอร์จที่ 6 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
แต่จะพูดให้ดีมีกำลังใจได้อย่างไรเมื่อพระองค์ทรงพูดติดอ่าง พลังคำพูดแต่ละคำกว่าจะออกมาได้จะสามารถจูงใจได้อย่างไรเมื่อประชาชนต้องคอยลุ้นคอยฟังว่าถ้อยคำจะเสร็จสิ้นกระทงความลงเมื่อใด ประชาชนก็หมดกำลังใจเสียแล้ว
ภาพยนตร์เรื่อง the King’s Speech ทำให้เห็นว่าการแก้ไขพระราชดำรัสของพระเจ้ายอร์จที่ 6 เป็นเรื่องที่สำคัญมากและต้องทำ การค้นหา speech therapist ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคผิดปกติทางการพูด จึงเริ่มขึ้น จนพบหมอคนหนึ่งที่เข้าใจและไม่กลัวว่าเขากำลังรักษาพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ ซึ่งทรงดื้อรั้น ขี้โมโหและขี้น้อยใจจนต้องทะเลาะกันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ด้วยความเข้าใจและเห็นใจในตัวพระเจ้ายอร์จที่ 6 อย่างดีที่สุดหมอ Lionel Logue (ไลโอเนล ล็อก), a speech therapist ได้ทุ่มเทสติปัญญา,วิธีการ,ความตั้งใจและความเป็นมิตร แก้ไขจนทำให้พระเจ้ายอร์จที่ 6 สามารถตรัสกับประชาชนชาวอังกฤษทางวิทยุได้อย่างมั่นพระทัยสำเร็จ ทำให้ชาวอังกฤษมั่นใจในองค์พระประมุขของตนว่าจะทรงพาประเทศรอดพ้นภัยสงครามอันใหญ่หลวงไปได้
อังกฤษในภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 จำเป็นต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง รัฐบาลต้องการการสนับสนุนจากพระเจ้าแผ่นดินเพื่อให้คนอังกฤษมีหลักยึดมั่นว่ามีพระเจ้าแผ่นดินเป็นที่ยึดเหนี่ยว
พระราชดำรัสทางวิทยุออกอากาศไปสู่บ้านเรือนของพสกนิกรของพระองค์ทั่วประเทศนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินพระสุรเสียงกำลังใจก็หลั่งไหลมานำความชุ่มชื่นไปทั่วประเทศ
ความสำเร็จอันนี้ต้องยกย่องสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระชายาของพระองค์ด้วยที่ทรงช่วยหาหมอและอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้ตลอดมา
หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสก้าร์ถึง 4 รางวัล คือเป็นหนังยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม:โคลิน เฟริร์ธและบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและยังชนะเลิศรางวัลจากสถาบันภาพยนตร์ต่างๆอีก 75 รางวัล หนังลงทุนไป 8 ล้านปอนด์ แต่ทำเงินได้ถึงกว่า 235 ล้านดอลลา
ประเด็นสำคัญของหนังเรื่องนี้คือ speech is king and here is the King’s speech. ภาษิตไทยอาจเข้ากว่า ปากเป็นเอก เลขเป็นโท
แล้วมันเกี่ยวกับการแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชาอย่างไร ผู้เขียนขออนุญาตอุปมาอุปมัยด้วยความเคารพทั้งสองท่านคือ พระเจ้ายอร์จที่ 6 ท่านมีปัญหาเรื่องพูดติดอ่าง แต่นายกฯประยุทธ์ท่านพูดเร็วเกินจนออกนอกอ่างเหมือน bullet train เพราะนั่นเป็นบุคลิกของท่าน
แต่ทว่าในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศท่านต้องสื่อสารกับคนทั้งประเทศ ซึ่งในการพูดกับกลุ่มคนต่อหน้า อาจจะไม่มีข้อสังเกตให้ถูกจับผิดได้นัก แต่ในการแถลงทางวิทยุและโทรทัศน์นั้นมีความสำคัญมากในการใช้ถ้อยคำ ความชัดเจนของน้ำเสียง จังหวะช้าเร็ว การเว้นวรรคตอน การเน้นคำที่สำคัญ และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ประเด็นที่ท่านต้องการจะบอกกล่าวกับประชาชนทั้งประเทศว่ามีอะไรบ้าง
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นในความสำคัญของการพูดต่อสาธารณะผ่านโทรทัศน์เปรียบเทียบกับข้อเขียน ขอให้ไปอ่านคำแถลงทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจของนายกฯประยุทธ์ ในวันที่ 23 เมษายน 2564 ในเว็บไซต์ของสำนักข่าวอิศราที่ถอดความออกมาจะเห็นว่ามีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจและน่าฟังอยู่หลายอย่างโดยมีการจับประเด็นสำคัญออกมาแยกย่อยให้เห็น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่ฟังนายกฯพูดออกทางโทรทัศน์ในวันนั้นเราผู้ฟังจับประเด็นสำคัญไม่ได้นัก ความสำคัญกับไปอยู่ที่หน้าตา การพูดจาของนายกฯ ซึ่งมีหลายคนวิจารณ์อย่างหนักว่าฟังแล้วก็ผิดหวัง ไม่เห็นมีอะไร และกลายเป็นเรื่องที่ติเตียนนายกฯว่าออกมาพูดๆๆเหมือนกับท่านไม่ได้ตั้งใจที่จะสื่อสารกับผู้ฟังนัก
การแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีในวันนั้นประชาชนคาดหมายว่าจะได้ข่าวสารที่สำคัญจากรัฐบาลในเรื่องการจัดการกับปัญหาการระบาดของไวรัสซึ่งที่จริงก็มีอยู่ในคำแถลง แต่ว่าวิธีการพูดของนายกฯทำให้คนฟังจับประเด็นไม่ได้ เพราะท่านพูดเร็ว พูดเรื่อยๆ เสียงเรียบๆ บวกกับบุคลิกสีหน้าท่าทางของท่านที่แสดงออกถึงความเรียบเฉยเคร่งเครียด
คำแถลงของนายกรัฐมนตรีในวันนั้นถูกวิจารณ์อย่างมากมาย (รวมทั้งในครั้งก่อนๆ)
และนี่คือจุดประสงค์ของบทความอันนี้ที่จะมาวิจารณ์ท่าทีคำแถลงของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงความสำคัญเมื่อท่านออกมาแถลงการณ์ชทางโทรทัศน์
ที่จริงก่อนออกอากาศนั้นนายกรัฐมนตรีจะมีร่างคำพูดที่เจ้าหน้าที่ตระเตรียมไว้ให้ โดยร่างนั้นเจ้าหน้าที่จะจัดทำมาให้นายกฯอ่านก่อนและจะแต่งเติมเสริมไปอีกก็ได้ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษจะมีเจ้าหน้าที่ร่างคำปราศรัยประจำตัว
แน่นอนสาระสำคัญที่จะนำมาแถลงต่อประชาชนนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญอันหนึ่ง แต่ก็มีปัจจัยที่สำคัญไม่น้อยอีกอย่างหนึ่ง คือ การพูดและบุคลิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางโทรทัศน์
(ขอแทรกตรงนี้สักหน่อยว่า คนที่จะมาทำงานการออกอากาศรายการของสถานีโทรทัศน์ได้จะต้องมีคุณสมบัติของการพูดจาที่ชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงสดใสและมีบุคลิกที่เจริญหูเจริญตา การพูดทางวิทยุและโทรทัศน์นั้นต้องมีการฝึก จะดีได้ช้าเร็วขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนและการฝึก ไม่ใช่จะเป็นใครก็ได้ องค์ประกอบนี้เป็นที่รู้กันอยู่)
Over the years, public speaking in communication has played a major role in education, government, and business. Words have the power to inform, persuade, educate, and even entertain. And the spoken word can be even more powerful than the written word in the hands of the right speaker.
เขาบอกว่าการพูดต่อสาธารณะเพื่อที่จะให้เป็นการสื่อสารกับคนทั่วไปนั้นมีความสำคัญมากเช่นในการเรียนการสอน,ในแวดวงรัฐบาลและธุรกิจ คำพูดมีพลังยิ่งนักในการที่จะใช้ในการบอกกล่าว ชักจูง ให้ความรู้ หรือแม้แต่การให้ความบันเทิง และคำพูดที่พูดออกไปนี่แหละมีพลังอำนาจมากกว่าการเขียนเมื่อมันอยู่ในปากของคนที่พูดเป็น
เพื่อให้เข้าใจกันว่า การพูดต่อสาธารณะนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันได้ง่ายๆต้องมีการฝึกการสอน เหมือนการเรียนรู้อีกอย่างหนึ่งข้อมูลข้างล่างนี้ได้จากเว็บไซท์ที่พูดถึงเรื่อง public speaking ซึ่งบอกว่า 7 นปัจจัยของการพูดต่อสาธารณะอันดับแรกคือ ผู้พูด ถัดไปคือสาระ, วิธีการสื่อสาร,ผู้ฟัง,ข้อคิดเห็นจากผู้ฟัง,สิ่งที่รบกวนและสถานการณ์ และ The speech communication process starts with the speaker – the person who initiated the conversation or talk.
กระบวนการสื่อสารทางการพูดเริ่มที่ ผู้พูด หรือผู้ที่เริ่มการสนทนา (คนพูดสำคัญที่สุด)
นอกจากนี้ยังมีการตั้งคำถามกับผู้พูดอีกด้วยว่าผู้พูดต้องการที่จะทำให้ผู้ฟังมีความทรงจำหรือประทับใจอันใดในสิ่งที่ตนพูดไป เช่น ผู้ฟังมีความพอใจในการสอน- การฝึกอบรม,เห็นด้วยกับการโน้มน้าวชักจูงหรือกระตุ้นให้ทำตาม Teach / Train • Inform / Educate • Persuade • Motivate to action – Select a topic that will hold the audience's attention What impression do you want to leave with the audience?
ที่ยกข้อความเหล่านี้มาให้อ่านก็เพื่อให้เห็นว่า การพูดต่อสาธารณะนั้นโดยเฉพาะจากรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเป็นการสื่อสารทั่วประเทศซึ่งมีสาระสำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญกับการคุกคามของโรคระบาดร้ายแรงที่ประชาชนต้องรู้ว่ารัฐบาลมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร และต้องการความร่วมมือจากประชาชนอย่างไร
เราคงต้องฟังนายกรัฐมนตรีท่านนี้พูดอีกนานจนกว่าสถานการณ์จะควบคุมได้ ขอให้นายกฯให้ความสำคัญกับการแถลงทางโทรทัศน์ โดยท่านอาจศึกษาจากเทปเก่าที่ออกอากาศไปแล้วหรือจะให้ทีมงานของท่านกล้าบอกกับท่านว่าต้องมีการแก้ไขอะไรบ้าง
เขียนโดย อนุดี เซียสกุล
แหล่งที่มาภาพ : https://www.imdb.com/title/tt1504320/

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา