
"...ผู้เป็นหัวหน้า เป็นนักปกครองพึงถือธรรมาธิปไตยเป็นหลัก โดยมีความสามารถ มีศิลปะในการใช้ทั้งพระเดชและพระคุณอย่างเหมาะสม ท่านนายกฯ ลืมบารมีด้านพระเดชไปไม่ได้ และท่านไม่ต้องเกรงการกระทบกระทั่ง เพราะถึงอย่างไรท่านก็ไม่ได้จะอยู่ค้ำฟ้า มีวันหนึ่งที่ต้องลงจากเวที ขอให้สามารถมองย้อนหลังกลับไปและภูมิใจว่าท่านได้ทำหน้าที่ของท่านโดยยึดความถูกต้องเป็นหลัก..."
...................................
“กรณีโควิดระบาดรอบ 2 และรอบ 3 เป็นเรื่องน่าเสียใจ เพราะคนบางพวกสร้างปัญหาให้เกิดการระบาด ทั้งๆ ที่รู้” คุณหมอนักวิจัยและนักบริหารคนหนึ่งโพสต์ในเฟซบุ๊ก
เพื่อ
(1) เติมกำลังใจให้ความเหนื่อยและเครียดของคนด่านหน้า ที่ประเมินตามหลักวิชาแล้วเริ่มกังวลว่า แพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์ทางการแพทย์เท่าที่มีจะพอหรือไม่ แถมด้วยคนไข้ทำเฉยๆ ไม่แจ้งว่าเป็นอะไรมา ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ติดโรค และโรงพยาบาลขาดกำลังพลไปอีกส่วนหนึ่ง และ
(2) ฟื้นฟูความอดทนของผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่ปฏิบัติตนเป็นคนดีมีวินัย มิให้ท้อถอย ท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า executive จำเป็นต้อง “execute” บางอย่าง
execution ไม่ใช่แค่การมอบนโยบาย การแถลงข่าว หรือการสั่งการ แต่คือการจัดการให้งานบรรลุผล
ถ้าให้เลือกวิธีเดียวในยามนี้ว่า ท่านนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล (chief executive of the country) ควรทำอะไรให้บรรลุผล ขอเสนอว่าต้องใช้พระเดชเสียบ้าง เพื่อให้รู้ว่าสังคมนี้ยังมี rule of law เหลืออยู่ นั่นก็คือ ท่านมีหน้าที่จัดการให้เกิดระเบียบในสังคมนี้ด้วยการบังคับใช้กฎหมายและกฏระเบียบต่างๆ ที่กำหนดไว้แล้วว่าอย่างเป็นธรรม และทันที
การใช้พระเดช “จัดการ” บุคคลที่แหกคอกจำเป็นมาก และจะได้ผล 3 ประการคือ
1. ยั้งการระบาดอันเป็นภัยเงียบที่คุกคามประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างแทบตั้งตัวไม่ติดในเวลานี้ ได้อย่างตรงจุด
2. เพื่อไม่ให้ความทุ่มเททั้งปวงที่รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนจำนวนมาก ได้ทำมาตลอดเวลา ต้องมลายหายไปเพราะคนบางหมู่เหล่าทั้งใกล้และไกลตัวภาครัฐแหกคอก ทั้งเจาะรู ทั้งเอาเท้าราน้ำ ทั้งรวมกันทำให้เรือโคลง
3. ดับร้อนของคนที่รู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมจากสิ่งที่เขามองเห็นว่าเป็นความลำเอียง ทั้งในการกระจายวัคซีน และการปิดกิจการครอบจักรวาล แทนการจัดการคนที่แตกแถวหรือแหกกฎให้ตรงตัว คือ “คนทำผิดกำลังได้รับรางวัล ส่วนคนทำถูกต้อง กำลังถูกลงโทษ”
สิ่งที่ต้อง execute
1. เช็คลิสต์รายการบุคคลหรือกิจการที่เจาะตาข่ายความมั่นคงด้านการป้องกันโรคจนขาดกระจุย เรียงตามลำดับเหตุการณ์ และถามตัวเองว่า ท่านได้ “จัดการ” อะไรไปแล้วบ้าง
ก. ตลาด แรงงานต่างด้าว ทั้งผู้นำพา เจ้าหน้าที่ที่ละเลยการปฏิบัติตามกฎหมาย นายจ้าง และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ป้องกัน ตรวจสอบ ดูแล การปฏิบัติตามกฎหมาย
ข. นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงที่ติดเชื้อ
ค. ผู้จัดการคลับ พนักงานคลับ เจ้าพนักงานในพื้นที่ (ตำรวจ เขต กทม. มหาดไทย) ที่เกี่ยวข้อง และผู้ใช้บริการคลับที่ละเมิดกติกาด้านการป้องกันการระบาด (ถ้าผู้ใช้บริการเป็นบุคคลในภาครัฐ ต้องมีการ “จัดการ” ในด้านวินัยขององค์กรด้วย) และรวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่าเป็นตัวการแพร่เชื้อ
ข้อ ข. จำเป็น เพื่อรักษาจริยธรรมทางการเมืองและระบบราชการ เอาไว้บ้าง เพราะบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องเป็นแบบอย่างให้สังคม
ยกตัวอย่างกรณีที่เผยแพร่ทางไลน์ (ถ้าจริง) คือ ตำรวจนอร์เวย์ปรับนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์กรณีผิดกฎว่าด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม เพราะจัดงานวันเกิดโดยมีสมาชิกในครอบครัวร่วมงาน ๑๓ คน ทั้งๆ ที่กฎหมายห้ามปาร์ตี้ที่มีคนเกิน ๑๐ คน เธอกล่าวขอโทษ พร้อมทั้งเสียค่าปรับไปเป็นเงินไทย ๗ หมื่นบาท ถ้าเป็นคนอื่นตำรวจอาจจะผ่อนผัน แต่นี่คือนายกฯ คือต้นแบบของคนที่พึงปฏิบัติตามกฎ
บ้านเรามีกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดแต่ไม่รู้ว่ามีบทปรับในเรื่องแบบนี้หรือไม่ ถึงไม่มี ท่านนายกฯ ก็ควรจะจัดการให้บุคคลในกลุ่มนี้ออกมาชี้แจงต่อสาธารณะชนว่า ตนได้บกพร่องในกระบวนการป้องกันตนเองตรงไหน และได้แก้ไขปรับปรุงไปอย่างไร เพื่อเป็นบทเรียนในการเรียนรู้สำหรับทุกๆ คน เป็นต้น
ข้อ ค. ควรชัดเจนว่า
(1) ไม่ว่าสถานบริการหรูหรือสามัญ ไม่ว่าการจัดคอนเสิร์ตหรือปาร์ตี้ระดับใด ทุกกิจการต้องทำตามกฎ
(2) ลงโทษเฉพาะสถานบริการที่ผิดกฎ และลงโทษผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม ฯลฯ ที่ผิดกฎ (ต้องมีกฎระบุชัดเจน และมีคนกำกับดูแล) ไม่ให้กระเทือนคนอื่นในธุรกิจเดียวกัน ที่รักษาวินัยได้เป็นอย่างดี
(3) เพื่อให้เป็นไปได้ตาม (2) ต้องสร้างระบบให้แต่ละอุตสาหกรรมและแต่ละพื้นที่ต้องช่วยกันดูแลกันเอง ใครผิดก็ลงโทษ ถ้าไม่กระจายการตัดสินใจลงไป และไม่ลงโทษคนทำผิด ก็จะเกิดการห้ามปิดทั้งอุตสาหกรรมเรื่อยๆ ซึ่งเดือดร้อนคนทำดี และคนที่ทำมาหากิจโดยสุจริตทั่วไปหมด และซ้ำเติมให้เศรษฐกิจที่ซบเซาอยู่แล้ว ทรุดลงไปอีก
2. การ execute ไม่ใช่แค่การสั่งการ แต่ต้องไปให้ถึงผลสุดท้าย เช่น การถูกลงโทษ แบบต่างๆ ทั้งด้วยวินัย การให้แก้ไขการทำงาน การปรับและ/หรือปิดสถานประกอบการ การให้ผู้ติดเชื้อต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง เป็นต้น
ความหมายของคำว่า execute
1 : to carry out fully : put (something) completely into effect.
2 : to do what is required by execute a decree.
3 : to put to death especially in compliance with a legal sentence.
บุคลากรทางการแพทย์กำลังทำงานของเขาอย่างสุดกำลัง ตามความหมายข้อ 1. กับนโยบายกระทรวงสาธารณสุขที่ให้มาว่า ไม่อยากให้มีคนตายด้วยโควิด และตามจรรยาบรรณที่แพทย์ไทยยึดถือสืบทอดกันมาว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” แต่สำหรับดิฉันเองมองว่า ถ้าผู้อื่น (ทั้งที่ป่วยและไม่ป่วย) ไม่ทำตนเป็นเพื่อนมนุษย์ แต่ประพฤติตนแค่เป็นแค่สิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่ง วันหนึ่งการถือประโยชน์ตนเป็นที่สองก็อาจจะถูกกัดกร่อนไปได้เพราะพลังใจที่อ่อนล้า
กระทรวงอื่นๆ ที่มีหน้าที่เช่นกัน ทำงานอย่างเต็มที่หรือยัง
ความหมายข้อ 2. รอท่านนายกฯ ใช้พระเดช execute กฎหมายและวินัยอย่างเอาเรื่องจริงจัง และถ้าดื้อด้านมาก อาจจะจำเป็นต้องมี execution ตามข้อ 3. การเป็น executioner นั้น จะเชือดไก่ให้ลิงดู หรือเชือดลิงให้ฝูงลิงหรือฝูงไก่ดู ก็ขึ้นกับผลลัพธ์ที่ต้องการ
ฝากไว้ในแผ่นดิน
อธิปไตย ในพระสูตร มี 3
อัตตาธิปไตย การถือตนเป็นใหญ่
โลกาธิปไตย การถือโลกเป็นใหญ่ กระทำการโดยยึดถือความนิยมของ “โลก” เป็นประมาณ
ธัมมาธิปไตย การถือธรรมคือความถูกต้องเป็นใหญ่
ในการเมืองทุกแห่ง ระหว่างอัตตาธิปไตยกับประชาธิปไตย มีอีกอธิปไตยหนึ่งคือ คณาธิปไตย การถือพวกพ้อง หรือกลุ่มคนบางกลุ่มเป็นใหญ่ กระทำการเพื่อประโยชน์คนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้เท่านั้น
ผู้เป็นหัวหน้า เป็นนักปกครองพึงถือธรรมาธิปไตยเป็นหลัก โดยมีความสามารถ มีศิลปะในการใช้ทั้งพระเดชและพระคุณอย่างเหมาะสม ท่านนายกฯ ลืมบารมีด้านพระเดชไปไม่ได้ และท่านไม่ต้องเกรงการกระทบกระทั่ง เพราะถึงอย่างไรท่านก็ไม่ได้จะอยู่ค้ำฟ้า มีวันหนึ่งที่ต้องลงจากเวที ขอให้สามารถมองย้อนหลังกลับไปและภูมิใจว่าท่านได้ทำหน้าที่ของท่านโดยยึดความถูกต้องเป็นหลัก
ที่มา : https://thaidialogue.wordpress.com/2021/04/21/executive-must-execute/

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา