"...วัคซีนโควิดนี้เป็นวัคซีนใหม่ ผลการศึกษาที่ออกมาทั้งหมด ไม่ว่าจะยี่ห้อใด ประสิทธิผลที่ชัดเจนที่สุดคือการลดอาการของโรคและลดอัตราการเสียชีวิต ซึ่งยังไม่มีผลการศึกษาอันไหนที่ออกมาว่าสามารถลดการติดโรค ลดการเป็นพาหะของโรค หรือป้องกันการติดโรค เหมือนกับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วเราจะไม่เป็นโรคคอตีบ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ ซึ่งก็เหมือนกับผลการศึกษาของวัคซีนโควิดในปัจจุบัน ดังนั้นแพทย์จึงเลือกกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่เมื่อเป็นแล้วมีโอกาสนอนภายในโรงพยาบาลสูง หรือมีโอกาสเสียชีวิตสูง..."
....................................
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2564 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการเลือกกลุ่มรับวัคซีนโควิด โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
"วัคซีนโควิดนี้เป็นวัคซีนใหม่ ผลการศึกษาที่ออกมาทั้งหมด ไม่ว่าจะยี่ห้อใด ประสิทธิผลที่ชัดเจนที่สุดคือการลดอาการของโรคและลดอัตราการเสียชีวิต ซึ่งยังไม่มีผลการศึกษาอันไหนที่ออกมาว่าสามารถลดการติดโรค ลดการเป็นพาหะของโรค หรือป้องกันการติดโรค เหมือนกับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วเราจะไม่เป็นโรคคอตีบ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ ซึ่งก็เหมือนกับผลการศึกษาของวัคซีนโควิดในปัจจุบัน ดังนั้นแพทย์จึงเลือกกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่เมื่อเป็นแล้วมีโอกาสนอนภายในโรงพยาบาลสูง หรือมีโอกาสเสียชีวิตสูง" ศ.นพ.ยง กล่าว
ศ.นพ.ยง กล่าวว่า หากถามว่าทำไมไม่ฉีดให้แรงงานหรือคนหนุ่มสาวก่อน เพื่อที่จะได้ไม่เอาโรคไปให้ผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน เหตุผลอันนี้ในวัคซีนยังไม่เคยมีผลออกมาว่าวัคซีนจะป้องกันการติดโรค และก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่าเมื่อป่วยแล้วจะแพร่โรคต่อได้อีกหรือไม่ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลว่าจะต้องฉีดวัยแรงงานก่อน ซึ่งมันต้องรอพิสูจน์ให้ได้ก่อน
นอกจากนั้นสาเหตุที่ยังไม่ให้วัคซีนกับวัยเด็ก เนื่องจากยังไม่มีที่ไหนทำการศึกษาในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะเดียวกันจากผลการสำรวจจะพบว่าวัยเด็กจะแสดงอาการป่วยที่น้อย และมีอัตราการเสียชีวิตที่น้อยมาก โดยโอกาสในการเสียชีวิตอาจจะ 1 ใน 10,000 หรือ 1 ใน 1,000 เพราะฉะนั้นวัคซีนในวัยเด็กยังจะต้องรอการศึกษาให้แน่นอนก่อนว่าวัคซีนไหนสามารถให้ในเด็ก แล้วปริมาณโดสที่จะให้วัยเด็กควรจะเป็นเท่าไร เพื่อความปลอดภัย
ส่วนกลุ่มสตรีมีครรภ์ ซึ่ง ศ.นพ.ยง แนะนำว่า ขณะนี้เรายังไม่แนะนำให้รับวัคซีน เนื่องจากยังเป็นของใหม่ที่ตามหลักทางการแพทย์นั้น จะไม่ให้สตรีมีครรภ์ใช้ของใหม่ แต่เมื่อมีข้อมูลในผู้ใหญ่มากแล้วนั้น อาจจะต้องชั่งน้ำหนักว่าถ้าสตรีมีครรภ์อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง แล้วถ้าหากท้องแก่ขึ้นมา โอกาสติดโรคของเขาจะสูงมาก หากถึงระยะแบบนั้น เราจะต้องมาชั่งใจว่าถ้าให้วัคซีนความเสี่ยงเป็นอย่างไร หากเขาเป็นโรคแล้วรุนแรงกว่าเราก็จะให้ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูล เราจึงต้องบอกว่าไม่ให้ไว้ก่อน แต่ในกรณีจำเป็นจริงๆ เราจะพิจารณาเป็นรายๆไป
"เราต้องยอมรับว่าวัคซีนเป็นตัวช่วยเสริมในการควบคุมป้องกันโรค เรายอมรับโรคทุกโรคป้องกันได้ ควรจะได้รับการป้องกัน ขณะนี้เรารู้อยู่แล้วว่าการป้องกันที่ดีคือ ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ดังนั้นเมื่อมีวัคซีน วัคซีนก็จะเป็นเพียงมาตรการเสริม จนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนว่าวัคซีนใดที่มีประสิทธิผล เราก็คงจะมีบทเรียนมากขึ้นๆว่าต้องทำอย่างไร อย่างไรก็ตามขอให้พวกเราทุกคนช่วยกันมีระเบียบวินัย วัคซีนเป็นเพียงตัวเสริม ซึ่งขอเน้นย้ำว่าเราพยายามเลือกวัคซีนที่ดีที่สุดมาให้กับประชาชน และผมเชื่อว่าหากทุกคนรู้จักป้องกัน เราก็จะผ่านวิกฤติไปด้วยกัน" ศ.นพ.ยง กล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage