สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ออกแถลงการณ์ 3 ข้อ เรียกร้องรัฐบาล งดเว้นการกลั่นแกล้ง ขัดขวางการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และยุติการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งผู้ชุมนุม
-------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2563 สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ออกแถลงการณ์ เรื่องรัฐบาลต้องยุติการกลั่นแกล้งดำเนินคดีผู้ชุมนุม โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
จากกรณีที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่มีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาลได้ใช้สิทธิและเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยทั้งในที่สาธารณะและสถาบันการศึกษาทั่วประเทศต่อเนื่องกันมาตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. พ.ศ.2563 จนมีการชุมนุมใหญ่เมื่อวันที่ 19 ก.ย. พ.ศ.2563 บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวงโดยกิจกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมได้แก่ การปราศรัย การร้องเพลง การแสดงละคร และการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองและยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ยุติการคุกคามประชาชน ยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปการปกครองให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริงนั้น
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) องค์กรสิทธิมนุษยชนท้ายแถลงการณ์นี้ เห็นว่าผู้ชุมนุมได้ใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตามหลักสิทธิมนุษยชนที่ประชาชนในสังคมประชาธิปไตยพึงกระทำได้ ทั้งนี้เพราะสิทธิในการชุมนุมและเสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ได้รับการรับรองไว้ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 44 และมาตรา 34 และถือเป็นเครื่องมือสำคัญในระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนสามารถใช้เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพและคุ้มครองสิทธิในด้านอื่นๆของประชาชนในสังคม อันได้แก่ สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รัฐจึงต้อง เคารพและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพดังกล่าว และจะต้องไม่ยินยอมให้มีการแทรกแซง ลิดรอน หรือขัดขวางการใช้สิทธิของประชาชนซึ่งสอดคล้องกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Universal Declaration of Human Right : UDHR) ข้อ 19-20 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (UN International Covenant on Civil and Political Right :ICCPR) ข้อ 21 ซึ่งประเทศไทยมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตามอย่างที่ให้สัญญาไว้ด้วย
สสส. และองค์กรสิทธิมนุษยชนท้ายแถลงการณ์นี้ ได้ติดตามสถานการณ์ที่ผ่านมาพบว่ารัฐบาลไทยล้มเหลวในการในการ ยอมรับ เคารพและคุ้มครองสิทธิในการชุมนุมและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนที่มีความเห็นต่างทางการเมือจากรัฐบาล โดยนอกจากไม่อำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิเสรีภาพได้โดยปราศจากการแทรกแซงตามหน้าที่ที่รัฐบาลพึงกระทำแล้ว กลับปล่อยปละละเลยหรือกระทั่งสั่งการให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐจำกัด ขัดขวาง ข่มขู่ คุกคาม นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนไม่ให้ใช้สิทธิในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นและชุมนุมอีกด้วย ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และในที่สาธารณะ จนไม่สามารถจัดการชุมนุมและแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี โดยต้องเผชิญกับการข่มขู่คุกคามในหลายรูปแบบจากเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งตำรวจ ทหาร สันติบาล ฝ่ายปกครองในท้องถิ่น และผู้ที่มีความเห็นต่างกันทางการเมืองมีการติดตามนักเรียน นักศึกษา และประชาชนไปถึงบ้าน เข้าไปในสถานศึกษา เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมต่างๆ ขัดขวางไม่ให้ใช้พื้นที่สาธารณะไม่อนุญาตให้นำเครื่องเสียงเข้าสถานที่จัดการชุมนุม ไม่อนุญาตให้รถสุขาเข้าไปพื้นที่ที่เตรียมไว้ เป็นต้น
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่รัฐยังได้ดำเนินคดีและข่มขู่คุกคามว่าจะดำเนินคดีกับผู้จัดการชุมนุมและผู้ที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีเป็นจำนวนมาก เช่น ทนายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน นายภาณุพงศ์ จาดนอก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และคนอื่น ๆ อีกรวมกว่า 13 คน โดยมีการตั้งข้อหาทางอาญาหลายข้อหาเช่น ข้อหายุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กีดขวางทางสาธารณะความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ศ.2535 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 โดยมีการแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำคนอื่นในข้อหาลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายคนโดยตำรวจยืนยันว่าได้ออกหมายจับนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยแล้ว 15 คน ซึ่ง สสส. เห็นว่า เป็นการใช้มาตรการทางกฎหมายที่ไม่ชอบธรรม เป็นเครื่องมือดำเนินคดีเพื่อกลั่นแกล้ง (Judicial Harassment) ผู้ที่มีความเห็นต่างและคัดค้าน หรือฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชนท้ายแถลงการณ์นี้ จึงขอเรียกร้องดังต่อไปนี้
1.ขอให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง งดเว้นการกลั่นแกล้ง ขัดขวางการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองและการชุมนุมอันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนในสังคมประชาธิปไตย ไม่ว่าจะโดยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบางคนใช้วิธีการนอกกฎหมายหรือละเลยให้มีการใช้วิธีการนอกกฎหมาย
2.ขอให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ยุติการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งดำเนินคดี (Judicial Harassment) ผู้ที่ใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็น และใช้สิทธิในการชุมนุมโดยสงบและโดยปราศจากอาวุธวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและสถาบันทางสังคมการเมือง เช่น การนำมาตรา 112 หรือ มาตรา 116 มาใช้เป็นเครื่องมือจัดการกับผู้เห็นต่างทางการเมือง
3.ขอให้พนักอัยการและศาล ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระในกระบวนการยุติธรรม ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐในการใช้อำนาจหน้าที่ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวใช้อัยการและศาลเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์และการชุมนุมโดยชอบธรรมดังกรณีการพิจารณาอนุญาตให้ออกหมายจับตามคำร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควรพิจารณาโดยรอบคอบภายใต้ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่ปรากฏ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีและยืนยันใช้เสรีภาพในการชุมนุมอย่างเปิดเผย จึงไม่มีเหตุผลในทางกฎหมายที่จะอนุญาตให้ออกหมายจับได้
สสส.และองค์กรสิทธิมนุษยชนท้ายแถลงการณ์นี้ เห็นว่าศาล มีหน้าที่ตัดสินคดีระหว่างบุคคลต่อบุคคลหรือระหว่างบุคคลและรัฐ ให้เป็นไปโดยยุติธรรม จึงต้องตระหนักถึงการใช้อำนาจอย่างเป็นอิสระเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย สสส.หวังเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชน สถาบันตุลาการจะมีบทบาทในการถ่วงดุลการใช้อำนาจรัฐ และไม่ปล่อยให้มีการละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนผ่านกลไกในกระบวนการยุติธรรม
ด้วยความเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
21 กันยายน พ.ศ2563
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
มูลผสานวัฒนธรรม (CrCF)
มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF)
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage