“...ส่วนตัวผม เมื่อให้ข่าว มีทั้งคนชมและคนด่า อยู่เสมอ แต่ก็ชินแล้ว เพราะผมโดนมาเยอะ ตั้งแต่เป็นผู้การ ผู้พัน โดนพาดหัวในสื่อหลาย ๆฉบับมาตลอดหลายอย่างที่พูดออกมา ก็เป็นวาทกรรม แต่ทุกอย่างนั้น หากนำไปคิดก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในชาติบ้านเมือง…”
...............................
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2563 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวเปิดใจก่อนเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 2563 ว่า ตั้งแต่เข้ามารับราชการ และเป็นผู้บัญชาการทหารบก 2 ปีได้รู้จักกับสื่อมวลชนมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ (พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด) ในห้วง 30 กว่าปีที่ผ่านมาก็ได้สัมผัสกับสื่อหลาย ๆ คน ยังจำภาพความเปลี่ยนแปลงทั้งทางทหาร ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและที่สำคัญรวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการ disruption ในวงการในการสื่อ
แต่อยากให้สื่อมวลชน ยึดความเป็นกลางในการนำเสนอข่าวที่เป็นสาระและอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง ส่วนการพาดหัวข่าวทั้งหลาย ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน ที่จะดึงดูดให้เว็บไซต์ เพจ หนังสือพิมพ์ ของตัวเองเพื่อเรียกคนดู เปรียบเหมือนการตลาด อย่างหนึ่งที่เป็นเทคนิค ดังนั้นการพาดหัวข่าว ขึ้นมาแต่ข้างในเนื้อหา อาจจะไม่เกี่ยวข้อง
เมื่อครู่ก็คนถามว่าผมสนใจ สื่อโซเชียลมีเดีย แต่ไม่เล่นเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม อยากจะบอกว่าที่สนใจก็เพื่อ จะดูถึงความเปลี่ยนแปลงที่ตนพูดมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ หรือพูดบนเวทีก็ตาม
ทั้งนี้ทหารสิ่งสำคัญมากที่สุดคือ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้สึกของเราในฐานะผู้บังคับบัญชาผ่านทางแอพพลิเคชั่นใดก็ตามในโลก ที่จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่า เราดูแลเอาใจใส่เขา ได้เท่ากับที่เราลงไปทำจริง ๆ
ที่ผ่านมาจะเห็นว่าการให้ข่าวของ ผบ.ทบ.แต่ละท่าน ต้องพิจารณาถึงความสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ส่วนตัวผม เมื่อให้ข่าว มีทั้งคนชมและคนด่า อยู่เสมอ แต่ก็ชินแล้ว เพราะผมโดนมาเยอะ ตั้งแต่เป็นผู้การ ผู้พัน โดนพาดหัวในสื่อหลาย ๆฉบับมาตลอดหลายอย่างที่พูดออกมา ก็เป็นวาทกรรม แต่ทุกอย่างนั้น หากนำไปคิดก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในชาติบ้านเมือง
หลังจากเกษียณราชการไป ผมคงไม่มีโอกาสมาให้ข่าวสื่อ แต่ขอให้สื่อรักษาจรรยาบรรณจริยธรรม เป็นสิ่งที่เรายังต้องดำรงอยู่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อชนิดใดก็ตาม การรักใคร ชอบใคร ต้องคำนึงถึงมนุษยธรรมและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศชาติบ้านเมือง ที่มีอัตลักษณ์ของประเทศชาติ ที่ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองจะเชียร์หรือด่า ไม่เคยรู้สึกอะไร ไม่ได้โกรธ หรือ น้อยใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ แนะนำสื่อไปดูภาพยนตร์ The social dilemma มีเนื้อหาเกี่ยวกับผลของการที่มนุษย์ใช้ social media ทุกวัน โดยภาพยนตร์ดังกล่าว เป็นภาพยนตร์สารคดีที่ออกอากาศทาง net flix เป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ในการใช้”โซเชียลมีเดีย”เป็นประจำจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จนถูกครอบงำจาก เอไอ โดยไม่รู้ตัว
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พล.อ.อภิรัชต์ จาก https://siamrath.co.th/
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage