"...เมื่อได้เห็นข้อมูลตามคำชี้แจง ประกอบพยานเอกสารและภาพถ่าย ที่แสดงว่าผู้รับเหมาเข้าไปทำงานปรับปรุงศาลจังหวัดพระโขนงก่อนมีการทำสัญญาจ้างถึง 3 เดือน เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้รับเหมา ซึ่งไม่น่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในสำนักงานศาลยุติธรรมที่ได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานสนับสนุนการทำงานของศาลยุติธรรมและเป็นหน้าตาของศาลยุติธรรมในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เป็นบทความเกี่ยวกับปัญหาในการปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง ที่เผยแพร่อยู่ในไลน์กลุ่มผู้พิพากษาและผู้บริหารศาลยุติธรรม เขียนโดยผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาท่านหนึ่ง สำนักข่าวอิศราได้ติดต่อขออนุญาตในการนำบทความนี้มาเผยแพร่เพราะเห็นว่า เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน เบื้องต้นได้รับแจ้งว่า เป็นการเขียนเพื่อส่งให้อ่านกันในไลน์ส่วนตัว แต่ไม่ทราบว่า ใครนำไปเผยแพร่ ท่านไม่มีอำนาจที่จะอนุญาตเพราะต้องทำตามกฎระบียบของทางราชการ แต่ถ้าสำนักข่าวอิศรานำเสนอข้อเท็จจริงที่ถูกต้องก็พร้อมที่จะยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว
เพื่อให้สาธารณชนได้ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ สำนักข่าวอิศรา จึงนำบทความชินนี้มาเผยแพร่ โดยตัดทอนข้อความบางส่วนเกี่ยวกับชื่อบุคคล หรือข้อความอื่นเพื่อมิให้กระทบกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
------------
หลังจากที่ท่าน.... อดีต ก.ต. อภิปรายในที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการ ( ก.ต.) เมื่อ 16 มี.ค.2563 ฝากให้ ก.ต. ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในโครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง โดยส่งข้อมูลเข้าในกลุ่มไลน์ที่มี ก.ต.เป็นสมาชิก แต่ในเบื้องต้นแทบไม่มี ก.ต.ให้ความสนใจที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้
อันที่จริง ก่อนหน้านี้มีคนส่งเอกสารคำชี้แจงของท่าน...มาให้ผมนานแล้ว โดยบอกว่า มีการฮั้วประมูลงานปรับปรุงศาลจังหวัดพระโขนง แต่ผมเห็นว่าเอกสารมีจำนวนมาก ประกอบกับ ผมไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง จึงเก็บเอกสารไว้ในลิ้นชัก
ครั้นทราบจาก ก.ต.บางท่านเล่าให้ฟังว่า ในการประชุมครั้งนั้น ท่าน....พูดถึงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการว่า เป็นเรื่องใหญ่และมีความสำคัญต่อชื่อเสียงของศาลยุติธรรม แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจาก ก.ต.ท่านอื่น ผมจึงนำเอกสารคำชี้แจงของท่าน....ที่เก็บไว้มาเปิดอ่านดู
เมื่อได้เห็นข้อมูลตามคำชี้แจง ประกอบพยานเอกสารและภาพถ่าย ที่แสดงว่าผู้รับเหมาเข้าไปทำงานปรับปรุงศาลจังหวัดพระโขนงก่อนมีการทำสัญญาจ้างถึง 3 เดือน เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้รับเหมา ซึ่งไม่น่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในสำนักงานศาลยุติธรรมที่ได้ชื่อว่าเป็นหน่วยงานสนับสนุนการทำงานของศาลยุติธรรมและเป็นหน้าตาของศาลยุติธรรมในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต(!)
ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลที่ปฏิเสธความไม่ถูกต้อง โดยไม่ยอมอนุมัติเบิกจ่ายเงินค่างวดแก่ผู้รับจ้างเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย สมควรหรือที่จะได้รับผลตอบแทนที่เป็นผลร้ายด้วยการถูกตำหนิและยกเอาเรื่องการไม่อนุมัติจ่ายค่างวดแก่ผู้รับเหมา มาเป็นเหตุผลว่า ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น โดยอ้างว่า การที่ไม่อนุมัตินั้นถือว่า เป็นคนเอาความเห็นตัวเองเป็นใหญ่ ไม่มีวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำ และไม่มีความยืดหยุ่นเพื่อให้ภารกิจสำเร็จตามเป้าหมาย ตามความเห็นของอนุ ก.ต.
หรือว่า ท่าน…จะต้องกล้าเซ็นอนุมัติจ่ายเงินงวดแก่ผู้รับจ้าง ทั้งที่รู้ว่าเป็นการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ มีความยืดหยุ่นในการบริหารงานศาลเพื่อให้บรรลุภารกิจและเป้าหมายขององค์กรศาลยุติธรรม(!)
และไม่น่าเชื่อ เมื่อต่อมามีผู้พิพากษาเล่าให้ผมฟังว่า วิทยากรผู้ใหญ่ในสำนักงานศาลยุติธรรมท่านหนึ่งซึ่งไปบรรยายในการอบรมหลักสูตรผู้พิพากษาหัวหน้าศาล กล่าวว่า “ ถ้าท่านใดไม่กล้ารับผิดชอบเซ็นอนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้าง ก็ไม่ควรออกไปเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล“ (!)
จึงมีคำถามว่า กรณีของท่าน...ถือว่าเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษาโดยไม่เป็นธรรม หรือไม่(!?)
ท่าน....ถูกกลั่นแกล้งเพราะไม่สนองนโยบายของผู้มีอำนาจในศาลยุติธรรมในขณะนั้น หรือไม่(!?)
และเมื่อผมทราบว่า ภายหลังจากท่าน....ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ อนุ ก.ต.แล้ว ได้ขอถอนความประสงค์ที่จะเป็นรองอธิบดีศาลชั้นต้น ผมจึงติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงไปยังท่าน.... จึงได้ความว่า เหตุที่ถอนความประสงค์ก็เพราะถูกกดดันจากหลายทาง ทั้งจากเพื่อนและผู้ใหญ่บางท่านมาพูดว่า “อย่าสู้เขาดีกว่า ยังไงๆ ผู้มีอำนาจขณะนั้นก็ไม่ให้เป็นรองอธิบดีอยู่แล้ว...น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง ...บางท่านถึงกับพูดว่า บางทีความถูกต้องก็นำมาอ้างว่าเหมาะสมกับตำแหน่งไม่ได้”
นอกจากนั้น ท่าน....ยังพยายามติดต่อขอพบ ก.ต. บางท่านเพื่อชี้แจง แต่ท่านก็ไม่ยอมให้พบ ภายหลังทราบว่า อนุ ก.ต. มีความเห็นว่า ตนไม่เหมาะสมที่จะเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ท่าน....รู้สึกท้อใจจึงขอถอนความประสงค์ที่จะดำรงตำแหน่งรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นในเช้าวันที่ 9 ก.ย.62 ซึ่งเป็นวันนัดประชุม ก.ต. จนเป็นเหตุให้ไม่มีการนำเรื่องที่ไม่เซ็นอนุมัติจ่ายค่างวดเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ก.ต.ว่า เหตุใดท่าน.....จึงไม่อนุมัติจ่ายเงินงวดแก่ผู้รับเหมา
อย่างไรก็ตาม อนุ ก.ต.ได้เสนอรายงานผลการสอบข้อเท็จจริงต่อ ก.ต. พร้อมส่งบันทึกถ้อยคำของพยานบุคคลและถ้อยคำของท่าน....ที่ยืนยันว่า โครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนงได้ดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะผู้รับจ้างเริ่มต้นเข้ามาดำเนินการปรับปรุงอาคารก่อนทำสัญญาจ้างกับ สำนักงานศาลยุติธรรม ประมาณ 3 เดือน โดยมีผู้พิพากษาศาลจังหวัดพระโขนงอีกท่านหนึ่งให้ถ้อยคำต่ออนุ ก.ต.ด้วยว่า มีการส่งคนงานของผู้รับจ้างเข้าไปปรับปรุงศาลตั้งแต่ช่วงปีใหม่ ก่อนเซ็นสัญญาจ้างเมื่อ 10 เม.ย.62 ซึ่งนาย.....ในฐาน.....เป็นผู้ให้ข้อมูลว่า ท่าน.....ไม่อนุมัติเบิกจ่ายเงินงวดแก่ผู้รับเหมา ย่อมจะต้องทราบข้อเท็จจริงตามคำชี้แจงของท่าน.......แล้ว เพราะเป็นผู้ทำบันทึกข้อความนำผลการประชุมของ อนุ ก.ต. และคำชี้แจงของนาย......กับพยานปากอื่น เสนอต่อท่านชีพ จุลมนต์ ประธานกรรมการตุลาการในขณะนั้น เพื่อนำเสนอต่อ ก.ต. ก่อนถึงวันนัดประชุม ก.ต. ในวันที่ 9 ก.ย. 62 เพื่อพิจารณาความเหมาะของท่าน.....
ดังนั้น ก.ต. ทุกท่านในขณะนั้น(ยังเป็น ก.ต.ชุดนี้ 9 ท่าน)ย่อมมีโอกาสได้อ่านบันทึกถ้อยคำของท่าน.....เพื่อเตรียมตัวเข้าประชุม ก.ต. ในวันนั้นแล้ว และท่านไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกาคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นก.ต.ในขณะนั้นด้วย ก็ย่อมจะได้รับข้อมูลที่ท่าน......ชี้แจงตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเข่นกัน
ผมจึงมีความเคลือบแคลงใจว่า (ไม่เข้าใจ) เหตุใดผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในขณะนั้น จึงไม่สั่งให้สอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว หรือเป็นเพราะรู้ว่า หากมีการสอบข้อเท็จจริงก็จะทราบว่า ใครเป็นคนสั่งการให้ผู้รับเหมานำคนงานเข้ามาปรับปรุงศาลจังหวัดพระโขนงก่อนเข้าทำสัญญาจ้าง ใช่หรือไม่ ???
ภายหลัง เมื่อได้พูดคุยกับท่าน.......ท่านรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากและต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมเพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตัวเอง กับไม่ต้องการมีประวัติที่ไม่ดีติดตัว และผมก็รู้สึกว่าท่าน......ควรต้องได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมา จึงได้ส่งข้อมูลหลักฐานในหนังสือชี้แจงของท่าน......ต่อ อนุ ก.ต. ที่ผมตรวจสอบแล้ว เชื่อว่า มีการทุจริตในโครงการดังกล่าวจริงไปให้ท่านเลขานุการศาลฎีกาเพื่อนำเรียนท่านไสลเกษ วัฒนพันธ์ ประธานศาลฎีกา ซึ่งต่อมาผมทราบจากท่าน........ว่า ท่านประธานให้เลขานุการศาลฎีกาโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลในเรื่องนี้ แต่หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็กลับเงียบต่อไป
จนกระทั่งสำนักข่าวอิศรา นำเสนอข่าวเมื่อ 30 เม.ย.63 แล้วมี ก.ต. ท่านหนึ่งกับอดีต ก.ต.อีกท่านหนึ่งไปพบท่านประธานศาลฎีกาเพื่อขอให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ก็ไม่มีทีท่าว่า ท่านประธานศาลฎีกาจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด จนกระทั่งมี ก.ต. 4 ท่าน เข้าชื่อขอให้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ก.ต.เมื่อ 8 มิ.ย.63 เพื่อพิจารณาว่า ควรจะให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือไม่ โดยท่าน…..ยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ ก.ต.ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงด้วย
แต่ที่ประชุม ก.ต.เสียงข้างมากกลับมีมติให้เลื่อนการพิจารณาออกไปอีกเพื่อให้โอกาสสำนักงานศาลชี้แจงชี้แจงต่อที่ประชุม ก.ต. ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 9 ก.ค. 63 ทั้งที่ไม่มีใครปฏิเสธว่า มีคนงานได้เข้าไปปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนงก่อนเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และก่อนมีการเซ็นสัญญาจ้างนานถึง 3 เดือน คงมีแต่การให้ข่าวของนาย.......ว่า หากมีเหตุการณ์เช่นนั้นจริง หน.พระโขนง ก็ต้องรับผิดชอบ จึงคล้ายกับว่า หากนาย.....ชี้แจงแล้ว จะไม่ตั้งกรรมการก็ได้ หรืออย่างไร???
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 63 ท่าน.... โทรศัพท์มาปรึกษาผมว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน( สตง.)โทรศัพท์นัดไปให้ถ้อยคำในวันที่ 5 มิ.ย.63 เวลา 9 น. ก่อนประชุม ก.ต. นัดก่อน 3 วัน และหารือว่า ควรไปพบเจ้าหน้าที่ สตง.ดีหรือไม่ ผมจึงแนะนำว่าควรไปให้ข้อเท็จจริงตามความจริงทั้งหมด โดยไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร และเมื่อท่าน....ไปพบเจ้าหน้าที่ สตง. แล้ว ได้โทรศัพท์มาบอกว่าถูกเจ้าหน้าที่ สตง.พูดชักจูงใจและข่มขู่ไม่ให้ยืนยันเอกสารหลักฐานที่ระบุว่า มีการนำคนงานของผู้รับจ้างเข้าไปทำงานปรับปรุงศาลก่อนมีการทำสัญญาจ้าง แต่หากยังจะยืนยัน เขาจะต้องเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาว่า ท่าน.......มีความผิดที่ยอมให้คนงานเข้าไปปรับปรุงอาคารศาล เช่นเดียวกับที่นาย......เคยให้ข่าวว่าเป็นความผิดของท่าน.......ที่ยินยอมให้บุคคลภายนอกเข้าไปในศาล ท่าน.....จึงไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่เจ้าหน้าที่ สตง. เพราะเขื่อว่า น่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำของเจ้าหน้าที่ สตง.
แม้ว่าท่านนรพัฒน์เคยรู้สึกท้อแท้ผิดหวังจนถึงขั้นปรึกษาภริยาและบุตรว่าจะลาออกจากการเป็นผู้พิพากษา แต่เมื่อท่านเห็นว่า พอมีช่องทางที่จะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมา ท่านจึงมีกำลังใจที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
ผมเชื่อว่า ผู้พิพากษาส่วนใหญ่ที่มีจิตใจรักความเป็นธรรมซึ่งทราบข้อมูลการทุจริตประพฤติมิชอบในโครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงศาลจังหวัดพระโขนงและศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ได้มีการเผยแพร่แก่ท่านผู้พิพากษา เมื่อวันที่ 1 และที่ 4 มิ.ย.63 จะเป็นกำลังใจให้แก่ท่าน.... และร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในศาลยุติธรรม และช่วยกันผลักดันให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการตรวจสอบการทุจริตในโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ และโครงการอื่นๆ ของสำนักศาลยุติธรรมอย่างเอาจริงเอาจัง และโปร่งใส ปราศจากอคติ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนต่อไป
การแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษาทุกระดับต้องเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และองค์กร ก.ต. ต้องทำหน้าที่ได้อย่างสง่างาม และเที่ยงตรง สมกับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องการบริหารงานบุคคล
ขออย่าให้มี......คนที่ 2 เกิดขึ้นในศาลยุติธรรมอีกเลยครับ
โปรดช่วยกันตรวจสอบการทำหน้าที่ของบุคคลที่ท่านเลือกตั้งเข้ามาดูแลองค์กร เพื่อความโปร่งใส และความเข้มแข็งขององค์กร เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
ติดตามผลการประชุม ก.ต. วันที่ 9 ก.ค.63 ต่อไปนะครับ
อ่านประกอบ :
ผู้พิพากษาไม่จ่ายเงินจ้างปรับปรุงศาลพระโขนง อ้างมีกรณีเอื้อปย.-เลขาฯ ศาล ยันทำถูกต้อง
จ่ายเงินครบแล้ว! เลขาฯศาล ยธ.ไม่รู้ปมเอกชนเข้าไปสำรวจก่อนคว้างาน-หน้าที่ศาลพระโขนงสอบ
ต้องทำตามกฎหมาย! ปธ.ศาลฎีกาเผย ก.ต.สั่งสอบปมผู้พิพากษาร้องปรับปรุงศาลพระโขนงแล้ว
เปิดตัว‘โปรเกรส ซีวิลฯ’เอกชนผู้ชนะปรับปรุงศาลพระโขนง 42.3 ล.-ผู้บริหารยังไม่พร้อมแจง
ผู้พิพากษาแจ้งความโดน 2 จนท.สตง. 'ล็อบบี้' ไม่รับรองหลักฐานคดีเอื้อปย.ปรับปรุงศาลพระโขนง
โชว์บันทึกแจ้งความ! กล่าวหา 2 จนท.สตง. ล็อบบี้ไม่รับรองหลักฐานคดีปรับปรุงศาลพระโขนง
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage