“...ไม่ใช่ลัทธิสมคิด ผมทำงานรับใช้รัฐบาล รับใช้บ้านเมืองมา 10 ปี เบื่อเต็มทีแล้ว อยากจะสร้างคนใหม่ๆ เพื่อทดแทนคนเก่าที่มีอายุมาก... ทั้งหมดคิดไว้แล้วว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ประเทศเสียหาย เพื่อประคองประเทศให้ถึงปีหน้า...”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งเป็นวันที่ห้า ของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา พ.ร.ก. 3 ฉบับที่เกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์จากเชื้อโควิด โดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงเหตุผลของการออกกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ก่อนที่จะมีการลงมติในวันนี้
นายสมคิด กล่าวว่า ได้รับฟังความคิดเห็นจาก ส.ส.ตลอด 5 วัน นับเป็นความเห็นที่เป็นประโยชน์ และเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับความเห็นไปปรับปรุง อย่างน้อยก็ทราบว่า สภาแห่งนี้ไม่มีใครไม่เห็นด้วย และมีข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ไทยมีผู้ติดเชื้ออันดับสอง นายกรัฐมนตรีหารือกับผู้เกี่ยวข้องว่า ถ้าไม่รีบหาทางยุติ ภายในไม่กี่วันจะมีผู้ติดเชื้อเป็นหมื่นคน เวลานั้นจะเบรกกันไม่อยู่ รัฐบาลทราบดีว่าถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ และการทำให้ทุกคนอยู่บ้าน ไม่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จะได้เริ่มผลกระทอย่างหนัก
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ในการเยียวยาประชาชนช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐไม่มีฐานข้อมูล แต่โชคดีที่มีพร้อมเพย์ ทำให้การโอนเงินให้ประชาชนดำเนินการแล้วเสร็จใน 2 เดือน ขณะเดียวกันเริ่มเห็นปัญหาในตลาดตราสารหนี้ หลังจากประชาชนเริ่มไถ่ถอนเงินออกจากกองทุนต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหา
“ผมผ่านวิกฤติต้มยำกุ้งมาแล้ว เมื่อไรก็ตามที่เศรษฐกิจมีปัญหา จะมีความพัวพันถึงตลาดเงินตลาดทุนทันที ยุคนี้ตลาดตราสารหนี้ใหญ่มาก กิจการส่วนใหญ่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ นี่คือที่มาของการตั้งกองทุนดูแลตราสารหนี้ อย่าคิดว่าไปอุ้มเจ้าสัว เพราะมีผู้คนหลากหลายในนี้ ช่วงที่คนแห่ถอนเงินออก ถ้าเราช่วยไม่ทัน ก็ล้มทันที และจะกระทบถึงสถาบันการเงินด้วย” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ได้มีการทำนายกันไว้แล้วว่า สถานการณ์การโรคระบาดจะไปถึงปลายปีหน้า จึงจำเป็นต้องเดินหน้าแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ และไทยที่มีเกษตรกร มีผลผลิตเกษตรกรรม จึงเป็นหลักการสำคัญที่จะสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น เพื่อรอให้ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวต่อไป
“ผมคิดล่วงหน้าไว้แล้ว ผมไม่เคยอยู่เฉยๆ และไม่ใช่ลัทธิสมคิด ผมทำงานรับใช้รัฐบาล รับใช้บ้านเมืองมา 10 ปี เบื่อเต็มทีแล้ว อยากจะสร้างคนใหม่ๆ เข้ามาดูแล เพื่อทดแทนคนเก่าคนแก่ที่มีอายุมากแล้ว ถ้าวันนี้เงินไม่พอ ผมคูณตัวเลขในใจออกมาแล้วว่าเยียวยาต้องใช้เท่าไร ต้องกู้ หนี้ต่อจีดีพีเป็นเท่าไร ทั้งหมดคิดไว้แล้วว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ประเทศเสียหาย เพื่อประคองประเทศให้ถึงปีหน้า ให้คนไทยมีรายได้ มีอันจะกิน และการดึงเอกชนมาช่วย ไม่ใช่ดึงเขามากิน” นายสมคิด กล่าว
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า รัฐบาลเข้าใจดีถึงความยากลำบากของประชาชน และได้พยายามลดผลกระทบทางเศรษฐกิจให้กับคนทุกกลุ่ม การจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาทเป็นส่วนหนึ่งของการชดเชยการขาดรายได้เท่านั้น และอยากให้มองในภาพกว้างด้วยว่ามีโครงการอะไรออกมาอีกบ้าง ไม่ใช่แค่เงินกู้อย่างเดียว เพราะหลายอย่างทำจากการใช้จ่ายงบประมาณปกติ ขณะเดียวกันดำเนินการมาตรการลดผลกระทบทางเศรษฐกิจอื่นๆ พร้อมยืนยันไม่เคยเอื้อประโยชน์ใคร เพียงแต่คาดหวังให้เขาดูแรงงานของตัวเอง ซึ่งหลายคนยังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลดำเนินการแก้ปัญหาครั้งนี้ไปแล้ว 5 มิติ คือ ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มสภาพคล่อง เยียวยาให้กับคนทุกกลุ่ม ชะลอหนี้เดิม และการเข้าถึงแหล่งเงินที่กำลังจัดสรรให้กับคนที่มีความพร้อมก่อน ยืนยันไม่ได้เอื้อว่าใครรายใหญ่รายเล็ก และรัฐบาลยังได้ตระหนักถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในเวลานี้ด้วย
“ผมเข้าใจว่าเงินจำนวนนี้ดูใหญ่โต มโหฬาร มันดูหอมหวาน ผมเองก็ไม่เคยสบายใจ เพราะมันมีปัญหาแน่ในแง่การบริหารจัดการ อย่างที่ทุกท่านเป็นห่วง ผมเป็นห่วงยิ่งกว่าท่านอีก ผมต้องดูแลให้ดีที่สุด อยากให้ทุกคนสบายใจและช่วยกันดูแล ช่วยกันติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า การดำเนินโครงการผ่านเงินกู้จะผ่านการกลั่นกรองจากหลายภาคส่วน ตั้งแต่คณะกรรมการระดับจังหวัด จนถึงคณะกรรมการกลั่นกรอง และยังมีที่ปรึกษา มีผู้ทรงคุณวุฒิคอยตรวจสอบรายละเอียดอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นขอให้เข้าใจว่ามีกรรมการตรวจสอบทุกขั้นตอน
“อะไรที่ยังไม่เกิด อย่าไปอ้างของเดิมมาก่อน เดี๋ยวจะกระทบกับใครบางคน นอกจากนั้นเรายังมีองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญคอยตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดิน และยังจัดให้มีการทำเว็บไซต์เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ติดตามความก้าวหน้าการทำแต่ละโครงการ ส่วนการตั้งกรรมาธิการเป็นเรื่องที่จะต้องไปหารือกัน ผมไม่ได้ไปคัดค้าน ผมยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ไปถึงขั้นตอนตรงนั้น และเป็นเรื่องที่สภาจะต้องไปพิจารณากันมา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่ ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นไว้และวางใจตน และรัฐบาลเหมือนช่วงที่ผ่านมา แม้จะมีใครไม่ชอบก็ตาม แต่ขอให้ทุกคนผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันอย่างมีสวัสดิภาพ ในฐานะผู้บริหาร ขอยืนยันว่าจะบริหารราชการแผ่นดินด้วยข้อมูลที่รับฟังจากรอบด้าน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/