“...6 ปีเรารู้เช่นเห็นชาติกันแล้ว สมควรแก่การสรุปได้ว่า ท่านเก่งพอหรือไม่ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จะให้กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผมกลัวว่าประชาชนจะต้องมารับกรรม วันข้างหน้าใครเป็นรัฐบาลไม่รู้ ผมรู้อย่างเดียวว่าต้องมาอุ้มศพใช้หนี้อย่างเดียว...”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งเป็นวันที่ห้า ของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา พ.ร.ก. 3 ฉบับที่เกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์จากเชื้อโควิด โดย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) อภิปรายสรุปก่อนที่จะมีการลงมติในวันนี้
นายสุทิน กล่าวว่า ตลอด 5 วันที่ผ่านมา แพทย์มีกำลังใจ อาสาสมัครสาธารณสุขก็ยิ้ม เพราะสภาต่างก็ชื่นชมความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด แต่อย่าลืมว่า เราประสบความสำเร็จเฉพาะเรื่องสุขภาพ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจสังคม
“ถ้าท่านบ่นว่าเหนื่อย ขอให้คิดว่าชาวบ้านเขาไม่มีกินเหนื่อยกว่าท่าน ส่วนหมอไทยก็ต้องชื่นชม เพราะหมอไทยทรหด ทำงานท่ามกลางรัฐบาลไม่ช่วยพายเรือ เขาพายเรืออยู่ก็เอาเท้าราน้ำ ในขณะโควิดเข้ามา หมอกำลังวิ่งวุ่น รัฐบาลส่งสัญญาณว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ชาวบ้านกำลังวิ่งหาหน้ากาก รัฐบาลส่งออกไปขายจีนหน้าตาเฉย
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ไม่ใช่มีแค่ไทยที่ประสบความสำเร็จ แต่ประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว เวียดนาม พม่า ติดเชื้อน้อยกว่ามาก และทราบว่าไม่ได้วางแผนกู้เงินมากเท่าไทย ส่วนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในระยะสั้นรัฐบาลเดินหน้าไปแล้วคือการเยียวยา พูดกันมาทั้งวันแม้แต่ฝ่ายรัฐบาลก็ยอมรับว่า การเยียวยาไม่ครอบคลุมทุกคน ไม่ทันเวลา ส่วนระยะยาวใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาทไม่มีรายละเอียด ทำให้ทุกคนข้องใจว่า แผนอยู่ไหน ตัวชี้วัดอยู่ไหน ความสำเร็จคืออะไร
“ถ้าการกู้เงินของรัฐบาลเป็นเหมือนบัตรเครดิต กฎหมายกำหนดให้เราอย่ากดเกิน 60 บาท บัตรนี้ใช้กันมาหลายรัฐบาล คนอื่นกดกันคนละนิดละหน่อย แต่รัฐบาลนี้กดเต็มโควตา ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะไปกดเงินที่ไหน ตั้งใจจะให้บัตรเปล่ากันเลยใช่หรือไม่ ท่านก็บอกว่าเป็นเพราะโควิดถึงต้องกู้ แต่ท่านยอมรับความจริงหรือไม่ ก่อนหน้านี้ท่านกู้มาทุกปี”
นายสุทิน กล่าวต่อไปว่า ฝ่ายค้านยืนยันว่าสถานการณ์เวลานี้สมควรที่จะต้องกู้เงิน แต่มีเรื่องที่ต้องพิจารณาก่อน อย่างการเกลี่ยงบประมาณประจำปี 2563 เพื่อตรวจสอบดูว่าความจริงควรจะใช้เงินกู้จำนวนเท่าไร ขณะเดียวกันรัฐบาลกู้เงินจากการขายพันธบัตร ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าตลาด 3 เท่า ทำให้เจ้าสัวหรือคนมีเงินเข้ามารอซื้อกันอย่างเดียว รัฐบาลในอนาคตรออุ้มศพ ต้องหาเงินมาซื้อพันธบัตรที่มีราคาสูงเหล่านี้เพื่อใช้หนี้เงินกู้
สิ่งสำคัญเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นายสุทิน กังวลว่า แผนการพัฒนาภาคการเกษตรจะเป็นการจัดอบรมอย่างเดียว เช่นเดียวกับแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวที่สถานการณ์เวลานี้ไม่มีใครอยากออกไปใช้เงิน ทั้งนี้เชื่อว่าการพัฒนาภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวจะล้มเหลว จึงเห็นสมควร หากจะพัฒนากันจริงๆ ควรเน้นเรื่องการพัฒนาด้านสาธารณสุข สร้างศูนย์กลางทางการแพทย์จะดีที่สุด
นายสุทิน กล่าวด้วยว่า พ.ร.ก.ซอฟท์โลนช่วยเอสเอ็มอี จะทำให้เกิดหนี้เสียจำนวนมาก เพราะส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้มแข็ง และเห็นควรให้ตั้งสภาวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ก่อนที่จะอัดฉีดเงินใส่ระบบเพียงอย่างเดียว ส่วน พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพระบบการเงินฯ เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็น เพราะบริษัทที่ออกหุ้นกู้ส่วนใหญ่ยังสามารถดูแลตัวเองได้
ทั้งนี้ นายสุทิน ไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้สำเร็จ ลำพังการ จ่ายเงินเยียวยาก็ยังมีปัญหา ส่วนการฟื้นฟูเพื่อหาเงินยากกว่ามาก ส่วนตัวจึงไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะทำได้สำเร็จ
“6 ปีเรารู้เช่นเห็นชาติกันแล้ว สมควรแก่การสรุปได้ว่า ท่านเก่งพอหรือไม่ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แล้วอย่างนี้จะให้กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผมกลัวว่าประชาชนจะต้องมารับกรรม ซึ่งวันข้างหน้าใครเป็นรัฐบาลไม่รู้ ผมรู้อย่างเดียวว่าต้องมาอุ้มศพใช้หนี้อย่างเดียว”
นายสุทิน กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ต้องขอปรึกษานายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะฝ่ายค้านรุ่นพี่ พวกตนในฐานะฝ่ายค้านจะไม่ยกมือให้ผ่านก็สงสารประชาชนที่กำลังลำบาก ถ้าให้ผ่านโดยง่ายก็เป็นห่วงลูกหลานในอนาคต ฝ่ายค้านจึงจำเป็นต้องอภิปรายบันทึกไว้ในสภาแห่งนี้ว่า เหตุที่ พ.ร.ก.ผ่านความเห็นชอบ เพราะเป็นเรื่องของมือ ส่วนเหตุผลขอให้กลับมาเปิดดูว่าฝ่ายค้านได้พูดไปทั้งหมดแล้ว และวันนี้ขอแค่มีระบบตรวจสอบ ขอให้ยืนยันต่อสภาว่าจะมีการตั้งกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบ และขอให้เข้าใจว่า ฝ่ายค้านปล่อยให้ผ่าน เปิดไฟเขียวให้ผ่านอย่างขมขื่น
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/