หมายเหตุ:สำนักนายกรัฐมนตรี ออกเเถลงการณ์ เรื่อง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548 ภายหลังประเทศไทยเจอสถานการณ์เเพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า วันที่ 25 มี.ค. 2563 สำนักนายกรัฐมนตรี ออกเเถลงการณ์ เรื่อง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548 มีรายละเอียด ดังนี้
ตามที่นายกรัฐมนตรี ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2563 เเละตามคำเเนะนำของผู้บริหารเเละนักวิชาการด้านการเเพทย์เเละสาธารณสุข ได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 เเห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548 ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งเเต่วันที่ 26 มี.ค. พุทธศักราช 2563 จนถึงวันที่ 30 เม.ย. พุทธศักราช 2563 นั้น
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่เเล้ว ตั้งเเต่พุทธศักราช 2548 อันเนื่องจากขณะนี้ได้เกิดสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 ซึ่งเป็นโรคระบาดใหญ่ เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ เเต่เเพร่ไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว เเละประเทศไทยได้รับผลกระทบเช่นกัน ในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน เเละยารักษาที่ได้ผล รัฐบาลได้ใช้มาตรการป้องกัน สกัดกั้น ชะลอ เเละสร้างการรับรู้ ความเข้าใจเเก่ประชาชนมาเป็นลำดับ เเละประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน ตามความคืบหน้าของสถานการณ์ ข้อมูลข่าวสาร เเละคำเเนะนำทางการเเพทย์ ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนด้านสังคม ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ การครองชีพ ทรัพยากรของรัฐ ด้านการสาธารณสุข เเละป้องกันการตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุ
บัดนี้ทุกฝ่ายเห็นว่าสถานการณ์ ควรยกระดับขึ้นสู่การบังคับใช้มาตรการขั้นสูงสุดได้เเล้ว เพื่อว่ารัฐสามารถนำมาตรการอื่น ๆ มาบังคับใช้เพิ่มขึ้นจากเดิม ส่วนจะเลือกใช้มาตรการใดก่อนหลัง จะมีการประกาศเเละข้อกำหนดเเจ้งให้ทราบต่อไป เเต่ในเบื้องต้นจำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเสียก่อน ซึ่งได้ประกาศเเล้วในวันนี้ ผลจากการประกาศดังกล่าวคือ รัฐบาลจะมีช่องทางตามกฎหมายเข้าควบคุมหรือบริหารสถานการณ์ได้ เช่น จะมีการโอนอำนาจบางประการของรัฐมนตรีตามกฎหมายบางฉบับมาเป็นของนายกรัฐมนตรีเท่าที่จำเป็นเเละเป็นการชั่วคราว เพื่อความรวดเร็วเเละบูรณาการ จะมีการออกข้อกำหนด คือ ข้อห้ามหรือข้อปฏิบัติบางอย่าง เช่น ห้ามเข้าออกสถานที่บางเเห่ง ห้ามหรือจำกัดการเข้าออกราชอาณาจักรเเละการเคลื่อนย้ายประชาชนจำนวนมากข้ามเขตพื้นที่การควบคุม การใช้ยานพาหนะ เส้นทางจราจร การควบคุมสินค้าเเละเวชภัณฑ์
มาตรการเหล่านี้เเม้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเเละเเม้ว่าสถานการณ์จากตัวเลขจำนวนผู้ได้รับเชื้อเเละการเสียชีวิตในประเทศจนถึงปัจจุบันจะยังไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น เเต่หากยังคงมีการเคลื่อนย้ายหรือเดินทาง การรวมกลุ่มคนจำนวนมากเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน การติดต่อสัมผัสหรือใกล้ชิดเเละการขาดความรู้ความเข้าใจ ความรับผิดชอบ ตลอดจนการไม่ปฏิบัติตนให้ถูกต้อง ตามมาตรการป้องกันโรคตามหลักสากล ประกอบกับกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาเทศกาลเเละการเปลี่ยนฤดูกาลตามธรรมชาติ
เชื้อโรคโควิด-19 ย่อมมีโอกาสเเพร่ไปได้เร็ว เเละเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นจนเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะจะกระทบต่อประสิทธิภาพในการให้บริการทางการเเพทย์เเละกระทบต่อการใช้ทรัพยากรด้านทางสาธารณสุขของประเทศ เช่น เเพทย์ พยาบาล โรงพยาบาล ยา เเละเวชภัณฑ์ต่าง ๆ จนอาจขาดเเคลนเข้าวันหนึ่ง จะนำมาซึ่งความสูญเสียรุนเเรงสุดจะประมาณได้ ดังที่ปรากฎในบางประเทศในขณะนี้
รัฐบาลจึงจำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเสียเเต่บัดนี้ เพื่อความไม่ประมาท อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจเเก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเเละคลายความวิตกกังวลของประชาชน การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นความจำเป็นเร่งด่วนเฉพาะช่วงเวลานี้ โดยรัฐบาลจะพิจารณาเลือกใช้เฉพาะมาตรการเท่าที่จำเป็น ตามคำเเนะนำทางการเเพทย์เเละสาธารณสุขเพื่อป้องกันเเละระงับยับยั้งการเเพร่ระบาดของโรค โดยถือว่าการดูเเลรักษาสุขภาพอนามัยเเละชีวิตของประชาชน การจัดสรรทรัพยากรเวชภัณฑ์เเละการให้บริการทางการเเพทย์ให้ทั่วถึง เพียงพอ เเก่ประชาชนชาวไทย มีความสำคัญเร่งด่วนเป็นลำดับเเรก ซึ่งเเน่นอนว่าความสะดวกสบายของประชาชนในระหว่างนี้ย่อมลดน้อยลงกว่าเดิม เพราะทุกคนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เเต่ประชาชนยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่เกิดภาวะขาดเเคลน
ส่วนมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้เดือดร้อนจะได้คอยดำเนินการต่อไป ในยามนี้เรากำลังต่อสู้กับมหันตภัยที่มองไม่เห็นตัว คือ เชื้อโรคเเละอาจจู่โจมมาที่เราทุกคนในทุกพื้นที่ได้ทุกเมื่อ จึงจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์เเละบังคับใช้มาตรการขั้นสูงสุด เพื่อความอยู่รอดร่วมกัน ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ไประยะหนึ่ง ตามที่กฎหมายให้อำนาจรัฐบาลประกาศได้เป็นคราว ๆ ไป คราวละไม่เกิน 3 เดือน เเต่อาจประกาศขยายเวลาต่อได้อีก ตามความจำเป็นเเห่งสถานการณ์
อันที่จริงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้กระทำมาหลายปีเเล้ว ในขณะนี้ในบางพื้นที่ในจังหวัดชายเเดนภาคใต้ เเต่อาศัยเหตุเเห่งการประกาศใช้ที่เเตกต่างไปจากในครั้งนี้
รัฐบาลขอให้ประชาชนวางใจในระบบสาธารณสุขของประเทศเเละโปรดดูเเลรักษาสุขภาพตนเอง เพราะความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐโดยเเท้ ขณะเดียวกันโปรดให้ความร่วมมือกับทางการในการปฏิบัติตามมาตรการเเละคำเเนะนำทางการเเพทย์อย่างเคร่งครัด ตลอดจนรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เผยเเพร่ตามช่องทางที่เป็นทางการ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ที่ระบุเเหล่งข่าวอ้างอิงเชื่อถือได้ มิใช่ข่าวลือ หรือข่าวที่ไม่ปรากฎเเหล่งที่มา
หากมีข้อสงสัยให้สอบถามได้ที่ กระทรวงสาธารณสุขหรือศูนย์บริหารสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 หมายเลขโทรศัพท์ 1111
ขณะนี้การอยู่กับบ้าน ตามคำกล่าวที่ว่า อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ การไม่รวมกลุ่มกับผู้คนจำนวนมาก การใช้มาตรการป้องกันโรคเพื่อตนเองเเละเเสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การใช้หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ การหมั่นล้างมือ การไม่สัมผัสหรือรับเชื้อที่มากับฝอยละอองน้ำลาย การเว้นระยะสัมผัสห่างจากผู้อื่น การไปพบเเพทย์ กรณีต้องสงสัยเป็นที่ยอมรับทั่วโลกเเล้วว่า สามารถลดความเสี่ยงได้ดีที่สุด เท่าที่เราจะป้องกันตนเอง คนที่ท่านรัก เเละประเทศชาติได้
เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง รัฐบาลจะได้เเถลงให้ทราบเป็นระยะ ๆ ในโอกาสต่อไป
สำนักนายกรัฐมนตรี
25 มี.ค. 2563
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/