“...เป้าหมายต่อไปของศาลปกครองคือการพัฒนาระบบช่วยร่างคำพิพากษาที่นำข้อมูลจากคำฟ้อง คำให้การ บันทึกคำพยาน และเอกสารหลักฐานมาประมวลและยกร่างคำพิพากษาเพื่อช่วยลดเวลาของตุลาการในการจัดทำคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้ศาลปกครองอำนวยความยุติธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม...”
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2563 ที่สำนักงานศาลปกครอง นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานในการแถลงผลการดำเนินงานของศาลปกครองในรอบ ปี 2562 และภาพรวมในรอบ 19 ปีที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สรุปให้ทราบ ดังนี้
นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานในการแถลงผลการดำเนินงานของศาลปกครองในรอบปี 2562 ที่ผ่านมา โดยระบุว่าภารกิจด้านการพิจารณาพิพากษาคดี สถิติคดีของศาลปกครองในภาพรวม 19 ปี ที่ผ่านมา นับจนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2563 ศาลปกครองรับคดีเข้าสู่การพิจารณาแล้ว จำนวน 162,079 คดี เป็นคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น จำนวน 114,724 คดี และเป็นคดีอุทธรณ์หรือฟ้องตรงต่อศาลปกครองสูงสุด จำนวน 47,355 คดี
โดยศาลปกครองสามารถพิจารณาคดีได้แล้วเสร็จ จำนวน 135,148 คดี คิดเป็นร้อยละ 83.38 ของคดีรับเข้า นอกจากภารกิจด้านการพิจารณาพิพากษาคดีแล้ว ศาลปกครองยังได้มีการปรับปรุง พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในด้านอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย คือ การปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ.2542 และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพิจารณาพิพากษาคดีและบังคับคดีปกครอง เช่น พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ 12 ) พ.ศ. 2562 โดยการเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ 7 ) พ.ศ. 2562 การเพิ่มขั้นตอนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง ตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. 2562 เป็นต้นมา และจนถึงวันที่ 15 ก.พ. 2563 ศาลปกครองชั้นต้น มีคดีที่เข้าสู่การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จำนวน 61 คดี สามารถไกล่เกลี่ยแล้วเสร็จ 35 คดี
ส่วนการยกระดับคุณภาพการปฏิบัติงานและการให้บริการประชาชน โดยการเปิดใช้ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์เพื่อประชาชน ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 2562 ซึ่งเป็นระบบที่รองรับการดำเนินการทางคดี ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้น คือ การยื่นฟ้อง ไปจนถึงสิ้นสุดกระบวนการพิจารณาโดยมีผู้ลงทะเบียนเข้าใช้ระบบนี้แล้ว จำนวน 241 คน และมีคดีอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ศาลปกครองรวมจำนวน 41 คดี เป็นคดีของศาลปกครองกลาง จำนวน 38 คดี ศาลปกครองสูงสุด จำนวน 1 คดี และศาลปกครองในภูมิภาค จำนวน 2 คดี ทั้งนี้จากการพัฒนาและปรับปรุงหลายภาคส่วนของศาลปกครองในปีที่ผ่านมา ทำให้ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการอำนวยความยุติธรรมทางปกครองของศาลปกครองประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยมีสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่ปรึกษา พบว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อการอำนวยความยุติธรรมของศาลปกครอง ร้อยละ 88.05 และมีความพึงพอใจต่อคุณภาพการให้บริการของสำนักงานศาลปกครอง ร้อยละ 97.42
ทั้งนี้สำหรับทิศทางการดำเนินงานของศาลปกครองในปี พ.ศ. 2563 ได้กำหนดให้เป็นปีแห่งการพัฒนาการอำนวยความยุติธรรมทางปกครองให้เป็นไปตามมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยจะพัฒนาให้การอำนวยความยุติธรรมทางปกครองมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน มีความรวดเร็ว ส่งเสริมให้มีการระงับข้อพิพาทโดยการไกล่เกลี่ยอย่างจริงจัง และส่งเสริมให้ประชาชนและทุกภาคส่วนในสังคมสามารถเข้าถึงการอำนวยความยุติธรรม ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สะดวก ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย รวมทั้งจะมีการถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีที่ประชาชนสนใจเพื่อแสดงความโปร่งใสด้วย
โดยในปี 2563 เป็นปีที่ศาลปกครองจะเดินหน้าพัฒนาศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ให้เต็มรูปแบบ เป็นการเข้าสู่ศาลปกครองอัจฉริยะ หรือ Smart Admincourt ต่อไป โดยได้กำหนดเป้าหมายในการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาช่วยสนับสนุนการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครองและอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน โดยในระยะสั้นศาลปกครองกำลังเตรียมการเพื่อนำเข้าข้อมูลสารสนเทศจากคำฟ้อง คำให้การ และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ในรูปแบบของข้อความ ภาพ และเสียง ทั้งจากกระดาษและไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำเข้าสู่ระบบจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)
ในระยะต่อมา จะมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยพัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสารในสำนวนคดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้านธุรการศาลได้เป็นอย่างดี รวมทั้งพัฒนาระบบ AI ที่จะช่วยตุลาการในการสืบค้นกฎหมาย คำพิพากษา แนวคำวินิจฉัย ตามประเภทคดี ข้อเท็จจริงในคดี ประเด็นข้อพิพาท รวมถึงหลักกฎหมายปกครอง ซึ่งจะช่วยในการสร้างบรรทัดฐานในการพิพากษาคดีของศาลปกครอง
ส่วนในระยะยาว จะมีระบบสารสนเทศที่ช่วยวิเคราะห์คำฟ้อง คำให้การ และเอกสารหลักฐานด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาข้อมูลที่มีความสอดคล้องและขัดแย้งกัน รวมถึงช่วยตุลาการในการจัดลำดับความสำคัญในการพิจารณาเอกสารหลักฐานต่าง ๆ
เป้าหมายต่อไปของศาลปกครองคือการพัฒนาระบบช่วยร่างคำพิพากษาที่นำข้อมูลจากคำฟ้อง คำให้การ บันทึกคำพยาน และเอกสารหลักฐานมาประมวลและยกร่างคำพิพากษาเพื่อช่วยลดเวลาของตุลาการในการจัดทำคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้ศาลปกครองอำนวยความยุติธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดนโยบายการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมกับการพัฒนาการให้บริการของศาลปกครองในมิติที่หลากหลาย โดยจัดตั้ง ศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ศาลปกครอง และคดีปกครองในรูปแบบที่ทันสมัยผ่านช่องทาง รวมทั้งมีการบริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านสุขภาพจิตแก่บุคลากร เพื่อให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวสู่เป้าหมายความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น คณะกรรมการบริหารศาลปกครองได้มีประกาศกำหนดมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่มาติดต่อขอรับบริการที่ศาลปกครอง โดยให้สำนักงานศาลทั้งในส่วนกลางและในภูมิภาค ดำเนินการคัดกรองสุขภาพของประชาชนและบุคลากรของศาลปกครองที่เข้ามาในพื้นที่อาคารสำนักงานอย่างเหมาะสม รวมทั้งห้ามไม่ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตหรืออนุมัติให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองไปต่างประเทศหรือเดินทางไปราชการต่างประเทศ หรือแวะผ่านประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา จนถึงวันที่ 31 พ.ค. 2563 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและต่อสังคมส่วนรวม
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/