“...เวลาตนเองทำโครงการ สิ่งที่น่ารำคาญสำหรับตัวเองมากที่สุด คือ จะคุยอะไรกันนักหนา จะสัมมนาอะไรกันนักหนา เขียนมา หลับตาก็รู้ว่าจะสรุปผลอย่างไร แต่ไม่ได้แนวทาง แต่ทำไมไม่นำแนวทางที่ได้ไปปฏิบัติ แล้วใครจะปฏิบัติ ไม่ต้องไปสัมมนาแล้วในช่วงบ่ายวันนี้ นำไปปฏิบัติเลย..."
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน โดยปีนี้มาในแนวคิด “รวมพลัง...อาสาสู้โกง” มีภาคีนับสิบองค์กรเข้าร่วม ณ อีเวนท์ ฮอลล์ 101 ชั้น G ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
ในโอกาสนี้ “พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา” องคมนตรี ให้เกียรติกล่าวปาฐกถานำ ตอนหนึ่งเปรียบเทียบระหว่างสิงคโปร์กับไทยมีเงิน 100 บาท สิงคโปร์จะมีเงินหายไป 15 บาท ใช้ได้ 85 บาท ขณะที่ไทยจะมีเงินหายไปเกือบ 70 บาท ใช้ได้ 30-40 บาท เมื่อเป็นเช่นนี้ ไทยจะสู้ระบบการศึกษาหรือพัฒนาระบบสาธารณูปโภคกับสิงคโปร์ได้อย่างไร
คำถามจึงเกิดขึ้นว่า “เงินหายไปไหน...เป็นเงินคอร์รัปชันใช่หรือไม่”
องคมนตรี กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการบริหารงบประมาณมาจากการเสพอำนาจ “คนที่อยู่ในอำนาจมักทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา” บ้านนี้เมืองนี้บริหารด้วยข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำ ถามต่อว่า ข้าราชการการเมืองเป็นผู้ใช้งบประมาณใช่หรือไม่
“ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของผม ทั้งหมดนี้ผ่านมาสมัยที่ผมทำงานอยู่ ท้ายที่สุด ใครมีส่วนร่วมในงบประมาณแผ่นดิน นั่นคือผู้ประกอบการ”
ต้นเหตุหลักของปัญหาจึงอยู่ที่ “ข้าราชการ” ซึ่งเป็นผู้บริหารงบประมาณและทรัพยากรของชาติ ฉะนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีความ จะเห็นได้ว่าเป็นกลุ่มข้าราชการ กลุ่มนักการเมือง และกลุ่มผู้ประกอบการ ที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้
พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงนโยบายภาครัฐหรือองค์กรของรัฐว่า จะไม่มีทางสำเร็จ หากขาดความร่วมมือของประชาชน ยกตัวอย่าง โครงการดูแลผู้พิการและดูแลผู้สูงอายุของบางกระทรวงยังเกิดการทุจริตได้ ฉะนั้นประชาชนในหมู่บ้านชนบทห่างไกลที่มีสิทธิในการได้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการของรัฐจึงไม่สามารถเข้าถึงสิทธิดังกล่าว เพราะนโยบายของรัฐที่ดีหลายเรื่องไม่สามารถลงไปสู่ชุมชนและไม่สามารถทำความเข้าใจกับประชาชนได้เลยว่า “เขามีสิทธิโดยชอบธรรม” จึงมองว่า การทำความเข้าใจกับภาคประชาชนมีความสำคัญ
“เคยบอกกับอธิบดี ปลัดกระทรวง ว่าหากท่านบริหารบนห้องแอร์แล้ว ไม่สามารถนำข้าราชการในภูมิภาคเข้าใจนโยบายของท่านได้ ไม่มีทางที่ราษฎรจะได้รับบริการหรือนโยบายไม่มีทางทำได้ ฉะนั้นทำอย่างไรให้นโยบายหรู ๆ เกิดความเข้าใจกับชาวบ้าน”
ทั้งนี้ องคมนตรี ยังแสดงความเห็นต่อการจัดกิจกรรมบนเวทีในวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2562 ด้วยว่า “วันนี้เชิญภาคประชาชน คนที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการ หน่วยงานอิสระที่ดูแล และผู้แทนพรรคการเมือง ขึ้นเวที ซึ่งเวลาตนเองทำโครงการ สิ่งที่น่ารำคาญสำหรับตัวเองมากที่สุด คือ จะคุยอะไรกันนักหนา จะสัมมนาอะไรกันนักหนา เขียนมา หลับตาก็รู้ว่าจะสรุปผลอย่างไร แต่ไม่ได้แนวทาง แต่ทำไมไม่นำแนวทางที่ได้ไปปฏิบัติ แล้วใครจะปฏิบัติ ไม่ต้องไปสัมมนาแล้วในช่วงบ่ายวันนี้ นำไปปฏิบัติเลย คุณมานั่งเขียน แล้วบอกให้เขาพูดตามนี้ ผมฝากถามพรรคการเมืองที่จะมาด้วยว่า ให้ใครทำและทำอย่างไร แล้วสิ่งที่ผมเล่ามานั้น ท่านจะแก้ไขอย่างไร แต่การพูดว่า เราต้องร่วมมือกัน และต้องมีระบบป้องกัน เราทำมาเยอะแล้ว หรือว่าไม่จริง แต่เราขาดผู้ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ”
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/