"...ส่วนตัวผมก็เห็นใจน้องๆที่เข้ามาวาดฝันว่าจะเป็นแบบนี้ ผมก็เคยเป็นแบบนี้ แต่ว่าพอเข้ามาแล้ว ความเป็นจริงมันแตกต่างจากที่คิด แต่ละคนก็ขอว่าอยากให้เป็นอย่างนั้น ยางพาราเป็นแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างมันทำไม่ได้ ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลก็พยายามทำงานหนักมากเพื่อจะแก้ไขปัญหาต่างๆ หลายคนก็อยากจะเลิกแล้ว แต่ผมก็บอกว่าอย่าเลิก ให้เข้ามาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศ..."
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2562 ที่อาคารทีโอที แจ้งวัฒนะ ที่ประชุมรัฐสภาชั่วคราว ช่วงประมาณเวลา 23.10 น. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อภิปรายถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในช่วงระหว่างการอภิปรายนโยบายรัฐบาลว่า “การเมืองนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจมาก ที่ผ่านมานั้นตอนที่ผมเข้ามาทำการเมือง ก็มีความต้องการที่จะทำให้การเมืองมันดีขึ้น ทำพรรคการเมืองให้ดี แต่ก็มีเหตุอันเป็นไปบางอย่างในช่วงเวลานั้น และหลังจากนั้นการเมืองมันก็เปลี่ยนแปลงไป มีการเมืองนอกสภา มีคู่คิด คู่แค้น มันเป็นเหตุทำให้ ประเทศไทยเป็นแบบนี้มาตลอดใช่หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามผมก็มีกำลังใจที่ตอนนี้มีคนรุ่นใหม่จากทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านเข้ามาสู่วงการการเมืองเพื่อเสนอแนะในเรื่องต่างๆ บางคนก็เป็นหลานของเพื่อนผมเอง”
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า “แต่ละคนที่แนะนำมานั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ที่ผ่านมานั้นผมเป็นคนแนะนำให้ทาง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้เปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่สร้างมูลค่าให้ได้ ให้มีเงินทั้งด้านบนและด้านล่าง เพราะฉะนั้นภาพที่ฉายออกมาชัดเจนก็คือจีดีพีที่โตขึ้นในช่วง 4-5ปีที่ผ่านมานั้นเป็นความจริง แต่ว่าส่วนที่มันยังไม่ดีนั้น ท่านก็รู้ ผมก็รู้ มันจะไปให้ดีได้อย่างไร ก็ท่านคิดว่าให้แต่นโยบายจำนำข้าวให้ราคาดีๆเป็นหมื่นห้าพันบาท ผมมองว่ามันก็มันก็ดีนะเพราะเป็นการช่วยชาวบ้าน แต่ทำแบบนี้นานๆเข้ามันก็ส่งผลทำให้ภาคการเกษตรของประเทศขาดการพัฒนาอย่างรุนแรงจนตอนนี้เรามีอัตราการผลิตต่ำมาก ไม่สามารถปลูกข้าวสู้กับประเทศเวียดนามได้แล้ว ”
นายสมคิดกล่าวว่า “ผมก็ต้องยอมรับนะว่าสิ่งที่ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ พูดออกมานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ทั้งเรื่องการสร้างชุมชนเข้มแข็ง การใช้เครื่องจักร การปลูกข้าวออร์แกนิก การทำอีคอมเมิร์ส เพื่อขายข้าวทุกสิ่งก็เป็นเรื่องทีดี ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อคีนแล้วว่าถ้าหากเราทำจีดีพีให้มันดีขึ้นแล้ว เราต้องทำสู่อนาคตและไม่ลืมรากหญ้า เราก็ต้องปูทางไปสู่อนาคต ซึ่งขณะนี้เราได้เริ่มแล้วและต้องการให้พวกท่านช่วยกันสานต่อ แต่อย่างไรก็ตาม ครม.แค่ 30คนมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ มันต้องลงไปถึงการเปลี่ยนพฤติกรรมของผุ้ที่ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งต้องใช้ความช่วยเหลือจากทุกพรรคการเมือง ผมไม่เคยพูดเลยว่าปีนี้มันจะดี ปีนี้มันจะครึ่งปีเข้าไปแล้ว งบประมาณก็ไม่เข้า เศรษฐกิจโลกมันก็ไม่ดี มีคนเตือนผมเสมอว่าอะไรก็ไม่ดี ผมอย่ากลับมาเลยตรงนี้ เพราะสุขภาพผมก็ไม่ดี การเมืองก็ไม่ดี เศรฐกิจโลกก็ไม่ดี ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้น แต่ผมก็คิดว่าถ้าเราสามารถสร้างคนรุ่นใหม่ที่ดีขึ้นมาได้ เราก็น่าจะทำอะไรเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านประเทศนั้นสัมฤทธิ์ผลได้ ถ้าเราไม่อยู่ ไม่อดทน ต่างประเทศก็คงจะหัวเราะเยาะเรา"
"เรื่องการลงทุนนั้นที่มีการวิจารณ์มาว่ามีแต่คำขอ ไม่มีการลงทุนจริงนั้น ผมขอเรียนว่าจริงๆแล้วมันก็ต้องเริ่มจากที่คำขอก่อนแล้วก็ถึงจะทยอยมีการเอาเงินมาลงทุน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลอย่างเดียว แต่เกี่ยวกับทั้งประเทศ ทุกปัจจัย ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงทางการเมืองด้วย"
"จริงๆแล้วพรรคเพื่อไทยนั้นเป็นพรรคใหญ่ ใกล้ชิดชาวบ้าน สามารถจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับชาวบ้านได้ในหลายประเด็น ทั้งเปลี่ยนแปลงการปลูกพืชหลายๆอย่าง การสร้างโซนนิ่งการเกษตร ซึ่งทางรัฐบาลเองก็พร้อมที่จะร่วมมือทำงานกับพรรคเพื่อไทยในตรงนี้ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็ยังมีปัญหาว่าคนไทยเองนั้นยังไม่ลงทุน การลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆของไทยนั้นน้อยมาก นอกจากนี้ยังมีประเด็นความไม่มั่นใจในเรื่องความเสี่ยงทางการเมืองอยู่ แต่อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีการลงทุนเกิดขึ้นแล้วจะให้มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที มันก็เจ๊งหมด แบบตอนขึ้นค่าแรง 300บาท ดังนั้นในอนาคตถ้าหากมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกัน มันก็จะต้องมีการพัฒนาฝีมือแรงงานควบคู่กันเข้าไปด้วย เพราะทักษะในอดีตและอนาคตนั้นมันก็คนละเรื่องกันอีก”
นายสมคิดกล่าวว่า “เพราะเหตุนี้จึงต้องมีการสนับสนุนสตาร์ตอัพต่างๆ ในประเทศไทยนั้นมีบริษัทใหญ่ที่มีอิทธิพลจริงๆนั้นมีแค่ไม่กี่บริษัทเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากในต่างประเทศ ดังนั้นการจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ ทุกคนก็ต้องร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วย
"ส่วนตัวผมก็เห็นใจน้องๆที่เข้ามาวาดฝันว่าจะเป็นแบบนี้ ผมก็เคยเป็นแบบนี้ แต่ว่าพอเข้ามาแล้ว ความเป็นจริงมันแตกต่างจากที่คิด แต่ละคนก็ขอว่าอยากให้เป็นอย่างนั้น ยางพาราเป็นแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างมันทำไม่ได้ ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลก็พยายามทำงานหนักมากเพื่อจะแก้ไขปัญหาต่างๆ หลายคนก็อยากจะเลิกแล้ว แต่ผมก็บอกว่าอย่าเลิก ให้เข้ามาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศ"
"สุดท้ายที่บอกว่าผมนั้นอยู่กับกลุ่มสามมิตรนั้น ผมขอเรียนว่ามันไม่ใช่เลย ผมเป็นมวลหมู่มหามิตรกับทุกทุกฝ่ายที่ต้องการจะพัฒนาประเทศ”
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/