
"...รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์มากกว่านั้นว่า เมื่อมีการสมัครรับเลือกตั้งแล้ว จะถอนการสมัครหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัครไม่ได้ โดยมีข้อยกเว้นเฉพาะตามที่กำหนดไว้เท่านั้น ดังนั้นการตีความข้อยกเว้นจึงต้องตีความโดยเคร่งครัด กรณีเปลี่ยนแปลงผู้สมัครเฉพาะเหตุที่มาจากความตาย ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นภายหลังการสมัครโดยไม่อาจคาดหมายได้..."
กรณีผู้สมัคร สส.พรรคประชาชน ถูกออกหมายจับจากการพัวพันกับการฟอกเงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัว ซึ่งเป็นช่วงเวลา 2 วันหลังสมัครรับเลือกตั้ง สส. และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งได้ออกหลักฐานการรับสมัครให้เรียบร้อยไปแล้ว แม้ว่ายังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าผู้สมัคร สส.รายดังกล่าวเป็นผู้กระทำผิดจริงหรือไม่ แต่ทางผู้สมัครและพรรคต้นสังกัดต้องการให้มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัครใหม่ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเวลาที่ยังไม่หมดเขตการรับสมัคร จึงต้องหาทางทำให้การสมัครที่มีผลสมบูรณ์ไปแล้วสามารถเปลี่ยนตัวผู้สมัครได้ โดยจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองถอนการสมัครหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัครได้ คือจะต้องเข้าข้อยกเว้นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 87 วรรคสอง และ พรป.ว่าด้วยการเลือก สส.มาตรา 50 ได้แก่ เมื่อผู้สมัครตาย หรือขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามเท่านั้น ดังนั้น การจะเปลี่ยนตัวผู้สมัครเมื่อผู้สมัครเดิมยังมีชีวิตอยู่ จึงทำได้เพียงกรณีผู้สมัครเดิมขาดคุณสมบัติ แต่เนื่องจากการถูกควบคุมตัวตามหมายจับไม่ทำให้ขาดคุณสมบัติ จึงต้องทำให้ขาดคุณสมบัติด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรคประชาชน เพื่อที่จะไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองและขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้มีสิทธิสมัคร ตาม พรป.มาตรา 41 (3)
เป็นข้อถกเถียงกันว่าสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการเปลี่ยนแปลงผู้สมัครของพรรคประชาชนกรณีนี้ทำได้หรือไม่ ซึ่งมีความเห็นเป็น 2 แนวทาง โดยผู้อำนวยการสำนักงาน กกต. กทม.เห็นว่าทำได้เนื่องจากเมื่อผู้สมัครเดิมลาออกจากสมาชิกพรรคการเมือง ย่อมทำให้ขาดคุณสมบัติ เข้าเงื่อนไขที่จะเปลี่ยนแปลงผู้สมัครได้
แต่นักวิเคราะห์ทางการเมืองส่วนหนึ่งเห็นว่า รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์มากกว่านั้นว่า เมื่อมีการสมัครรับเลือกตั้งแล้ว จะถอนการสมัครหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัครไม่ได้ โดยมีข้อยกเว้นเฉพาะตามที่กำหนดไว้เท่านั้น ดังนั้นการตีความข้อยกเว้นจึงต้องตีความโดยเคร่งครัด กรณีเปลี่ยนแปลงผู้สมัครเฉพาะเหตุที่มาจากความตาย ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นภายหลังการสมัครโดยไม่อาจคาดหมายได้ เมื่อเป็นการตายก่อนสิ้นสุดระยะเวลาการรับสมัครจึงเป็นเรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงผู้สมัครได้
แต่การขาดคุณสมบัติโดยการลาออกจากสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการลาออกโดยมาจากเหตุผลใดก็ตาม จะต้องพิจารณาว่าเป็นการกระทำที่มาจากเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงผู้สมัครภายหลังการสมัครเสร็จสิ้นไปแล้วหรือไม่ ทั้งที่รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ไม่ให้มีการถอนหรือเปลี่ยนแปลง ยกเว้นเฉพาะกรณีจำเป็นเท่านั้น การลาออกจากสมาชิกพรรคการเมืองย่อมไม่ใช่กรณีที่จำเป็น เนื่องจากในขณะที่ทำการสมัครยังคงเป็นสมาชิกพรรคการเมืองและตั้งใจจะเป็นอยู่ต่อไป แต่หลังจากนั้นเพียง 2 วัน ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคการเมือง เพื่อที่จะทำให้พรรคการเมืองสามารถเปลี่ยนเอาบุคคลที่มีชื่อเสียงดีกว่าลงสมัครแทน เนื่องจากผู้สมัครรายเดิมประสบเหตุการณ์ที่ทำให้เสียชื่อเสียงขึ้นมาอย่างกะทันหัน กรณีเช่นนี้น่าจะไม่อาจตีความว่าเข้าข้อยกเว้นที่จะถอนตัวหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัครใหม่ด้วยเหตุขาดคุณสมบัติได้ เพราะการขาดคุณสมบัติไม่ได้เกิดขึ้นหรือมีอยู่แล้วในขณะที่สมัคร แต่เป็นการตั้งใจลาออกภายหลังการสมัครเพื่อให้ขาดคุณสมบัติ จึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยสุจริตของผู้สมัครเดิมและพรรคการเมืองต้นสังกัด
การที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน จะถอนการสมัครของผู้สมัครเดิมโดยอ้างการขาดคุณสมบัติจากการไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และออกหนังสือรับรองให้กับผู้สมัครคนใหม่ แม้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งจะรับสมัครผู้สมัครคนใหม่ก็ตาม แต่อาจมีผู้ตีความว่าเป็นการกระทำที่ความมุ่งหวังจะให้มีการเปลี่ยนแปลงเอาผู้สมัครที่มีชื่อเสียงไม่ดีออกไป และแทนที่ด้วยผู้สมัครคนใหม่ อาจขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 87 วรรคสอง ซึ่งจะส่งผลต่อไปยังการไม่ปฏิบัติตาม พรป.พรรคการเมือง มาตรา 22 วรรคหนึ่ง ในเรื่องการกำกับดูแลไม่ให้มีการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญของกรรมการบริหารพรรคการเมือง
หากเป็นไปตามความเห็นของนักวิเคราะห์ทางการเมือง และที่ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติม จึงอาจสรุปความเห็นของแนวทางนี้ได้ว่า เมื่อพรรคประชาชนส่งผู้สมัครรายใดลงสมัครโดยผ่านกระบวนการสมัครเรียบร้อยไปแล้ว ย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงผู้สมัครด้วยเหตุที่เกิดขึ้นภายหลังการสมัครได้ยกเว้นเรื่องความตาย เนื่องจากจะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาชนพยายามที่จะชูประเด็นในเรื่องการจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ที่เป็น “สีเทา” ไม่ว่าในทางการเงินหรือทางการเมือง โดยได้ประกาศจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคการเมืองบางพรรคไว้อย่างชัดเจน ด้วยความมั่นใจว่าพรรคของตนมีความเป็น “สีขาว” มากกว่าพรรคการเมืองอื่น จึงตั้งสโลแกนที่ใช้ในการหาเสียงไว้หลายข้อความที่เกี่ยวกับ “สีเทา” เช่น “มีส้ม ไม่มีเทา” หรือ “กาส้ม ล้มเทา”
แต่เมื่อเกิดกรณีผู้สมัครพรรคประชาชน ถูกออกหมายจับและถูกควบคุมตัวแบบสด ๆ ร้อน ๆ ในช่วงเวลาของการสมัครรับเลือกตั้ง อีกทั้งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากการค้ายาเสพติด โดยมีความเป็น “สีเทาเข้ม” อย่างมาก ทำให้ขัดกับแนวทางการหาเสียงในประเด็นหลักที่พรรคส้มตั้งไว้อย่างสิ้นเชิง
ภายในพรรคส้มจึงเกิดความปั่นป่วนและเสียหน้าเสียตากันไปชั่วขณะหนึ่ง โดยเป็นอาการในลักษณะ “ส้มเศร้า เมื่อเทาโผล่”

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา