
"...ความร่วมมือของหลายหน่วยงานในการตรวจสอบความเสี่ยงที่เป็นภัยต่อส่วนรวม คือหัวใจของการต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของกลโกงและคนเลวในโลกดิจิทัลมากยิ่งขึ้นก้าวต่อไปที่คนไทยต้องช่วยสนับสนุน ปปง. ในต่อต้าน ‘ทุนเทา – บัญชีม้า – สแกมเมอร์’ ด้วยการแก้กฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจตรวจจับ ‘เจ้าของหรือผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง’ (Beneficial Ownerships - BO) ของกิจการหรือการกระทำใด ตามที่ ปปง. เคยเสนอร่างแก้ไขกฎหมายแล้ว แต่ไม่สามารถผ่านมือท่านนายกเศรษฐาไปเข้าสภาฯ ได้ จนถึงสมัยท่านนายกแพทองธารต่อเนื่องท่านนายกอนุทินก็ไม่ทันก่อนการยุบสภาฯ แน่นอน ทำให้ ปปง. ต้องเริ่มเสนอเรื่องอีกครั้งหลังเลือกตั้ง ส.ส. และได้รัฐบาลชุดใหม่..."
น่ายินดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ออกประกาศกำหนดให้บุคคลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล ศาล องค์กรอิสระ ส.ส. ส.ว. อัยการ ทหาร ตำรวจ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐอื่นๆ และพรรคการเมือง ทั้งในและต่างประเทศ เป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs)
รวมถึงบุคคลที่พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวไปแล้วไม่เกินหนึ่งปี หรือแม้เกินหนึ่งปีแต่ยังคงมีอิทธิพลหรือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ PEPs ปัจจุบัน
มีผลให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการธุรกิจที่ถูกกำหนด ต้องรายงานพฤติกรรมการเงินของ PEPs ต่อ ปปง.
มาตรการนี้เป็นแนวปฏิบัติที่สอดคล้องหลักของ UNCAC 2003 และ Financial Action Task Force (FATF) ที่อาจก่อให้เกิดภาระแก่ธนาคารและธุรกิจเอกชนบางประเภท แต่จะเกิดผลดีต่อส่วนรวมในการตรวจจับเครือข่ายอาชญากรรม อาชญากรรมข้ามชาติ การฟอกเงิน และคอร์รัปชัน
1. คนโกง – คนเลว จะถูกตรวจสอบมากขึ้น
คนที่เดือดร้อนคือบรรดานายพล ข้าราชการระดับสูงและนักการเมืองที่ร่ำรวยอย่างน่าสงสัย พวกที่ร่ำรวยจากการทำธุรกิจผิดกฎหมาย คนสมคบคิดทุนเทาปล้นชาติแล้วนำเงินสกปรกไปซื้อเสียงเลือกตั้ง พวกซุกเงินคริปโต ฟอกเงินผ่านบ่อนการพนัน จากนี้ที่มาของความร่ำรวยผิดปรกติของพวกเขาจะถูกเผยร่องรอยให้เห็นชัดขึ้น
2. การช่วยเหลือปกปิด ล้มคดีทำได้ยาก
เกิดเครือข่ายป้องกันเชิงระบบของหลายหน่วยงาน ทำให้มีเครื่องมือที่หลากหลายมากขึ้นจากอำนาจ ทรัพยากรและความชำนาญของแต่ละหน่วยงาน จะช่วยให้รัฐมองเห็นพฤติกรรมผิดปรกติและเสี่ยงต่อคอร์รัปชันในแต่ละจุดได้ดีขึ้น ที่สำคัญการรายงานข้อมูลผ่านระบบดิจิทัลจากต้นทางถึง ปปง. ทำให้ตรวจสอบย้อนหลังได้ง่ายและแม่นยำ โอกาสการวิ่งเต้นล้มคดีจึงทำได้ยากขึ้น
3. ป.ป.ช. ต้องไม่ทำงานลำพัง
การมาร่วมเป็นกลไกตรวจสอบสำคัญของ ปปง. ทำให้การตรวจสอบสิ่งผิดปรกติมีประสิทธิภาพมากขึ้น และในอนาคตหน่วยงานอื่นที่มีศักยภาพควรเข้ามามีบทบาทด้วย เช่น กกต. กรมสรรพากร สำนักงบประมาณ กรรมาธิการงบประมาณของรัฐสภา กระทวงมหาดไทยในฐานะผู้กำกับดูแลองค์กรปกครองท้องถิ่นทั่วประเทศ เป็นต้น
4. ตาข่ายเหล็กปกป้องบ้านเมือง
ความร่วมมือของหลายหน่วยงานในการตรวจสอบความเสี่ยงที่เป็นภัยต่อส่วนรวม คือหัวใจของการต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของกลโกงและคนเลวในโลกดิจิทัลมากยิ่งขึ้นก้าวต่อไปที่คนไทยต้องช่วยสนับสนุน ปปง. ในต่อต้าน ‘ทุนเทา – บัญชีม้า – สแกมเมอร์’ ด้วยการแก้กฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจตรวจจับ ‘เจ้าของหรือผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง’ (Beneficial Ownerships - BO) ของกิจการหรือการกระทำใด ตามที่ ปปง. เคยเสนอร่างแก้ไขกฎหมายแล้ว แต่ไม่สามารถผ่านมือท่านนายกเศรษฐาไปเข้าสภาฯ ได้ จนถึงสมัยท่านนายกแพทองธารต่อเนื่องท่านนายกอนุทินก็ไม่ทันก่อนการยุบสภาฯ แน่นอน ทำให้ ปปง. ต้องเริ่มเสนอเรื่องอีกครั้งหลังเลือกตั้ง ส.ส. และได้รัฐบาลชุดใหม่
ขอแสดงความชื่นชมในวิสัยทัศน์และความรับผิดชอบต่อภาระกิจของเจ้าหน้าที่และผู้บริหาร ปปง. ขอบคุณที่รับฟังข้อเสนอขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ และผลักดันมาตรการสำคัญนี้จนสำเร็จ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา