
"...จุดประสงค์หลักของภาษีบุหรี่อัตราเดียวคือ ลดการแข่งขันด้านราคาที่ไม่สมดุลในระบบสองอัตรา และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ลดการหลบเลี่ยงภาษี ระยะสั้นราคาบุหรี่อาจผันผวนเล็กน้อย แต่ระยะยาวตลาดจะปรับตัวได้ เพราะรายได้หลักมาจากบุหรี่ราคาต่ำ ทำให้รัฐเก็บภาษีเป็นธรรมและผู้ประกอบการตั้งราคาได้ยืดหยุ่นขึ้น..."
การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณสุขในประเทศไทย โดยเฉพาะงานด้านการสร้างเสริมสุขภาพ มักอ้างอิงถึง ทฤษฎีสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ของศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี ซึ่งอธิบายว่า การสร้างความสำเร็จเชิงนโยบาย ต้องอาศัยความร่วมมือจากสามภาคส่วน ได้แก่ ภาควิชาการ ภาคประชาชน และภาครัฐ
1. ภาควิชาการ: รากฐานของนโยบาย
การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณสุข จำเป็นต้องมี หลักฐานเชิงวิชาการ เป็นฐานรองรับ รัฐบาลมีนักวิชาการทั้งภายในหน่วยงานและภายนอก รวมถึงสังคมที่ประกอบด้วยกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ การอ้างอิงทางวิชาการจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงแต่เป็นรากฐานในการดำเนินการเชิงนโยบายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สังคมเข้าใจความจำเป็นของมาตรการต่าง ๆ อีกด้วย งานวิชาการที่มีคุณภาพและท่าทีอ่อนน้อม พร้อมสะสมความน่าเชื่อถือทางวิชาการ จะทำให้แนวทางที่เสนอได้รับการยอมรับและเกิดผลสำเร็จ
2. ภาคประชาชน: การสร้างความเข้าใจและมีส่วนร่วม
เพื่อให้สังคมเข้าใจงานวิชาการและสนับสนุนนโยบายโดยเฉพาะ ประชาชนและกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การสื่อสารจึงเป็นกุญแจสำคัญ สื่อทุกประเภท ทั้งสื่อสาธารณะ สื่อสังคม และสื่อประชาชน มีบทบาทในการ ช่วยย่อยสาระทางวิชาการ สร้างความเข้าใจ และกระตุ้นการมีส่วนร่วม การให้ความรู้และสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ทำให้ประชาชนเห็นคุณค่าของมาตรการ เช่น ความเข้าใจเรื่องภาษีบุหรี่อัตราเดียว เพื่อที่จะพร้อมร่วมมือสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
3. ภาครัฐ: การผลักดันเชิงนโยบาย
สุดท้าย ภาครัฐเป็นกลไกสำคัญในการทำให้ สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาสำเร็จ การใช้หลักฐานทางวิชาการและความร่วมมือจากประชาชน ช่วยให้รัฐบาลสามารถออกมาตรการที่มีประสิทธิภาพ เช่น การกำหนดภาษีบุหรี่อัตราเดียว ที่จะกล่าวถึง ซึ่ง แวดวงวิชาการด้านสุขภาพทั้งในประเทศและระดับสากลชี้ให้เห็นว่า มีผลดีต่อสุขภาพประชาชน ลดการบริโภค และสร้างความเท่าเทียมในการเก็บรายได้
ในทางวิชาการ ภาษีบุหรี่อัตราเดียว เป็น กลไกสำคัญเพื่อสุขภาพและเศรษฐกิจไทย Biggest Quick Win : นโยบายภาษีบุหรี่อัตราเดียวเพื่อสุขภาพคนไทย วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวอิศรา
งานวิจัยชี้ว่าการขึ้นราคาบุหรี่ช่วยลดการสูบโดยเฉพาะในเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย รัฐยังได้รายได้เพิ่ม แม้บางคนกังวลเรื่องการจ้างงาน แต่เงินที่ไม่ใช้กับบุหรี่จะหมุนไปสร้างงานอื่น และรายได้ภาษีสามารถลงทุนในสาธารณสุขได้ การปรับเป็นภาษีบุหรี่อัตราเดียวช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ป้องกันการเลี่ยงภาษี ลดการเข้าถึงของผู้เสี่ยง และเป็นมาตรการสาธารณสุขที่คุ้มค่า ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และความยุติธรรมทางสังคม
การนำภาษีบุหรี่อัตราเดียวมาใช้ ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพของประชาชน แต่ยังเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่สร้างรายได้และลดต้นทุนทางสังคมในระยะยาว เป็นตัวอย่างของนโยบายสาธารณสุขที่ตอบโจทย์ทั้ง สุขภาพ เศรษฐกิจ และความยุติธรรม
ล่าสุด เป็นที่น่ายินดีว่า สรรพสามิต จ่อชงครม. ปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่อัตราเดียว ม.ค. 69 หวังลดแข่งขันด้านราคา ป้องบุหรี่เถื่อน วันที่ 3 ธันวาคม 2568
ภาครัฐ โดย กรมสรรพสามิตกำลังจัดทำร่างกฎกระทรวง เพื่อเปลี่ยนระบบเก็บภาษีบุหรี่จาก 2 อัตรา เป็น “อัตราเดียว” (Single Rate) และ คาดว่าจะเสนอให้ ครม. พิจารณาภายในเดือนมกราคม 2569 (หรือก่อนวันที่ 31 ม.ค. 69) เพื่อประกาศใช้ทันที โดยไม่ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎร
จุดประสงค์หลักของภาษีบุหรี่อัตราเดียวคือ ลดการแข่งขันด้านราคาที่ไม่สมดุลในระบบสองอัตรา และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ลดการหลบเลี่ยงภาษี ระยะสั้นราคาบุหรี่อาจผันผวนเล็กน้อย แต่ระยะยาวตลาดจะปรับตัวได้ เพราะรายได้หลักมาจากบุหรี่ราคาต่ำ ทำให้รัฐเก็บภาษีเป็นธรรมและผู้ประกอบการตั้งราคาได้ยืดหยุ่นขึ้น
อย่างไรก็ตาม เพียงปรับอัตราภาษีอย่างเดียวอาจไม่พอ จำเป็นต้องเสริม “มาตรการปราบปรามบุหรี่เถื่อน” อย่างจริงจังควบคู่ไปด้วย เพื่อลดการลักลอบ นำเข้า และขยายตลาดบุหรี่ ผลิตภัณฑ์ที่มีนิโคตินที่ผิดกฎหมาย
การปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ไปสู่ “อัตราเดียว และภาษีตามปริมาณสูงขึ้น” เป็นแนวทางที่กรมสรรพสามิตเห็นว่า เป็น “Quick Big Win” ไม่ใช่แค่เพื่อภาษีและรายได้รัฐเท่านั้น แต่เพื่อควบคุมราคาบุหรี่ ลดการบริโภค และสร้างกลไกที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
นโยบายนี้ หากดำเนินการอย่างรอบด้านและมีกลไกควบคุมที่ดี จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการลดการสูบบุหรี่ของสังคมไทย และส่งสัญญาณทางสาธารณสุขให้สังคมเห็นถึงความจริงจังในการควบคุมยาสูบ
โดยที่ คาดว่าจะมีการเสนอให้ ครม. พิจารณาภายในเดือนมกราคม 2569 เพื่อประกาศใช้ทันที น่าจะประเมินได้ว่า จะมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยบางส่วน ออกมาคัดค้าน อย่างไรก็ตามจากหลักฐานวิชาการ และ การพิจารณาของภาครัฐแล้ว ถือได้ว่า นโยบายภาษีบุหรี่อัตราเดียว มีเหตุผล มีประโยชน์ และ ได้พิจารณาตัดสินใจเชิงนโยบายโดยรอบคอบแล้ว
ภาคประชาชน องค์กรด้านสุขภาพ สภาองค์กรผู้บริโภค องค์กรรณรงค์ด้านการลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ องค์กรชุมชน ประชาคมสุขภาพ ควรที่จะได้ร่วมกับภาควิชาการด้านสุขภาพและสังคม ร่วมกันนำเสนอความเห็น ระดมนำข้อเสนอสนับสนุนต่อภาครัฐให้เกิดผล สามเหลี่ยมจึงจะเขยื้อนภูเขาสำเร็จได้จริง
การขับเคลื่อนนโยบาย ภาษีบุหรี่อัตราเดียว เป็นตัวอย่างสำคัญอีกตัวอย่างหนึ่ง ของการใช้ สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา เมื่อภาควิชาการ ภาคประชาชน และภาครัฐทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง จะทำให้นโยบายสาธารณสุขประสบความสำเร็จและสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน.
บทความโดย :
วิทยา กุลสมบูรณ์
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริมสุขภาพ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส)
บทความนี้ เป็นบทความส่วนบุคคล ไม่ผูกพันธ์ กับ สสส.
3 ธันวาคม 2568

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา