
"...สำหรับในอนาคตได้ตั้งเป้าหมาย “LNG Hub” ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขาย LNG ในภูมิภาค ด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ โดยมีแผนงานขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ LNG Regasification Terminal และโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 ที่จังหวัดระยอง เป็นต้น..."
หมายเหตุ : นายคงกระพัน อินทรแจ้ง กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงภาพรวมในการดำเนินการของ ปตท.ในปี 2568 และทิศทางในอนาคต

ก๊าซธรรมชาติหมุดหมายสำคัญด้านพลังงาน
ตลอดปี 2568 ปตท.ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่มีผลกระทบกับการดำเนินงาน เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ภาษีการค้ากับสหรัฐ ความไม่แน่นอนอนของเศรษฐกิจโลก โดยการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก เช่น หาผู้ร่วมทุนที่มีความแข็งแกร่งทางด้านปิโตรเคมี การบริหารทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ และทยอยตัดธุรกิจที่ไม่มีความถนัดออกไป รวมถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน
อย่างไรก็ตามจากทิศทางทางด้านพลังงานของโลก ปตท.เห็นว่า ก๊าซธรรมชาติเป็นหนึ่งหมุดหมายสำคัญ (Natural gas is a destination fuel) ในด้านความมั่นคงทางพลังงานโดย ปตท ตั้งเป้าเป็นผู้เล่น LHG ในระดับโลก เนื่องจากในช่วงที่ผานมาสถานการณ์ LNG (Liquefied Natural Gas) หรือก๊าซธรรมชาติเหลวในปี 2568 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น ความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยมลพิษ และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทำให้มีความต้องการ LNG ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมและการขนส่ง

ลงทุนในธุรกิจ LNG เพิ่มแหล่งจัดซื้อระยะยาว
สำหรับการลงทุนในธุรกิจ LNG ของ ปตท. ในปัจจุบัน และแผนงานในอนาคตเพื่อรองรับทิศงทางดังกล่าวคือ การเจรจาขอซื้อ LNG ระยะยาวจากแหล่งต่างๆ
เมื่อ 24 มิถุนายน 2025 ปตท. ลงนามข้อตกลงความร่วมมือไม่ผูกมัด (non‑binding cooperation agreement) กับ Glenfarne Alaska LNG LLC เพื่อซื้อ LNG จำนวน 2 ล้านตันต่อปี เป็นระยะเวลา 20 ปี ข้อตกลงนี้เป็นการจองพื้นที่ซื้อ (offtake capacity) จากโครงการ Alaska LNG โดยรวมแล้วโครงการได้สำรอง 50% ของปริมาณของ offtake สำหรับคู่ค้าระดับ investment‑grade เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งไทยเน้นความร่วมมือกับรัฐ Alaska โดยความร่วมมือนี้มีจุดประสงค์เพื่อแสวงหาโอกาสในการจัดหา LNG รองรับความต้องการใช้ในประเทศไทยควบคู่กับการขยายธุรกิจ LNG ของกลุ่ม ปตท. โครงการคาดการณ์ว่าจะเริ่มผลิตปี 2028 และส่งออกปี 2031
โครงการ LNG นี้อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ 8 Star Alaska LLC ซึ่งเป็น Joint Venture ระหว่าง Glenfarne (ผู้พัฒนาโครงการหลัก) และ Alaska Gasline Development Corporation (AGDC)
นอกจากนั้นได้ลงนามข้อตกลงซื้อ LNG จาก Oman LNG จำนวน 300,000 ตันต่อปี เริ่มปี 2025 และกำลังเจรจาข้อตกลงเพิ่มเติมอีก 9 ปี ปริมาณ 800,000 ตันต่อปี เริ่มปี 2026
ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งเป้าเป็น LNG Hub
ขณะเดียวกันได้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศได้แก่ โครงการคลังจัดเก็บและท่าเรือรับ LNG (LNG Receiving Terminal) ปตท. ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ลงทุนสร้าง LNG Receiving Terminal ที่ 2 (หนองแฟบ จ.ระยอง) ขนาด 7.5 ล้านตันต่อปี โดยปัจจุบัน LNG Receiving Terminal ในประเทศไทย รวมกำลังรับได้สูงสุดถึง 19 ล้านตันต่อปี อันเป็นการเสริมศักยภาพไทยเป็นศูนย์กลาง LNG ของอาเซียน
สำหรับในอนาคตได้ตั้งเป้าหมาย “LNG Hub” ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขาย LNG ในภูมิภาค ด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ โดยมีแผนงานขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ LNG Regasification Terminal และโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 ที่จังหวัดระยอง เป็นต้น
นอกจากนั้นมีแผนการปรับและพัฒนาห่วงโซ่ LNG ระดับกลางถึงปลายโดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อจัดการ LNG Value Chain เพิ่มความมั่นคงและความยืดหยุ่นจากราคาและอุปสงค์ของ LNG
การลงทุนในด้านต่างๆ ข้างต้น มุ่งพัฒนาทั่วทุกมิติ ตั้งแต่การนำเข้า LNG ไปจนถึงการค้าขาย LNG ภายในภูมิภาค เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาพลังงานแก่ผู้บริโภคในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ปตท. ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการการดักจับและเก็บกักคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage-CCS), พลังงานหมุนเวียน โดยมีแผนความร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ในกลุ่ม ปตท. และพันธมิตรภายนอก เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจคาร์บอนต่ำ เพื่อจุดประสงค์ในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรื่องกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี 2050 และสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ ไทย ในปี 2065





Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา