
"...นอกเหนือจากภารกิจด้านภาษา ราชบัณฑิตยสภา ยังเป็นศูนย์กลางของการส่งเสริมงานวิจัยและองค์ความรู้ โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 สำนักหลัก ได้แก่ สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง, สำนักวิทยาศาสตร์ และ สำนักศิลปกรรม ซึ่งครอบคลุมศาสตร์ทุกแขนง ตั้งแต่กฎหมาย เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ การแพทย์ ไปจนถึงวรรณกรรมและศิลปะ..."
ราชบัณฑิตยสภา หรือชื่อที่ประชาชนทั่วไปคุ้นเคย คือ 'ราชบัณฑิตยสถาน' เป็นสถาบันทางวิชาการชั้นนำของประเทศไทยที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐาน พัฒนา และรักษามาตรฐานของภาษาไทย รวมถึงส่งเสริมองค์ความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ มาอย่างยาวนานเกือบศตวรรษ
ราชบัณฑิตยสภา ก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ในปี 2469 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรวบรวมนักปราชญ์และผู้เชี่ยวชาญในแขนงวิชาต่าง ๆ มาทำหน้าที่เป็นเสาหลักทางวิชาการของชาติ แม้จะมีการเปลี่ยนชื่อและปรับโครงสร้างการทำงานหลายครั้ง แต่ภารกิจหลักยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางที่สร้างความมั่นคงให้กับภาษาและวิชาการของแผ่นดิน
หนึ่งในภารกิจที่โดดเด่นเป็นที่รู้จัก คือ การจัดทำ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสภา ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งอ้างอิงและบรรทัดฐานสูงสุดของการใช้ภาษาไทยอย่างเป็นทางการ
พจนานุกรมฉบับนี้ไม่เพียงแต่รวบรวมคำศัพท์และความหมาย แต่ยังทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การเขียนและใช้ภาษาให้ถูกต้องตามหลักภาษาศาสตร์
นอกจากนี้ ราชบัณฑิตยสภายังมีบทบาทสำคัญในการ บัญญัติศัพท์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและวิทยาการสมัยใหม่ ตั้งแต่คำศัพท์ทางเทคโนโลยีไปจนถึงวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำให้ภาษาไทยสามารถเติบโตและทันสมัยอยู่เสมอ
นอกเหนือจากภารกิจด้านภาษา ราชบัณฑิตยสภา ยังเป็นศูนย์กลางของการส่งเสริมงานวิจัยและองค์ความรู้ โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 สำนักหลัก ได้แก่ สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง, สำนักวิทยาศาสตร์ และ สำนักศิลปกรรม ซึ่งครอบคลุมศาสตร์ทุกแขนง ตั้งแต่กฎหมาย เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ การแพทย์ ไปจนถึงวรรณกรรมและศิลปะ โดยมีราชบัณฑิตและภาคีสมาชิกซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิชั้นสูงเป็นผู้ขับเคลื่อนภารกิจเหล่านี้
การเปลี่ยนชื่อจาก 'ราชบัณฑิตยสถาน' เป็น 'ราชบัณฑิตยสภา' ตามพระราชบัญญัติราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2558 เป็นการปรับโครงสร้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสะท้อนบทบาทที่กว้างขึ้นในฐานะสภาวิชาการของชาติที่ให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลและประชาชน
โดยในปี 2569 ที่จะถึงนี้ จะเป็นปีที่ ราชบัณฑิตสภา เฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี การดำรงอยู่ของราชบัณฑิตยสภาที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่เป็นการทำหน้าที่ทางวิชาการ แต่ยังเป็นการยืนยันความสำคัญของภาษาและภูมิปัญญาไทยในฐานะรากฐานที่มั่นคงของประเทศ ซึ่งยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่องในยุคสมัยที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์สุรพล อิสรไกรศีล นายกราชบัณฑิตยสภา กล่าวว่า ทั้งนี้ แม้ว่าราชบัณฑิตยสภาได้ดำเนินการและพัฒนางานวิชาการมาอย่างต่อเนื่องจนจะก้าวสู่ศตวรรษใหม่ในปี 2569 รวมถึงได้เตรียมจัดทำยุทธศาสตร์และแผนงานรองรับการดำเนินงานและพัฒนางานวิชาการไว้แล้ว แต่ยังประสงค์จะรับฟังความคิดเห็นและมุมมองของสื่อมวลชนว่าอยากเห็นราชบัณฑิตยสภาเป็นอย่างไรในอนาคต เพื่อนำไปเป็นข้อมูลและวิเคราะห์การพัฒนางานวิชาการและงานของราชบัณฑิตยสภาต่อไป
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์สุรพล กล่าวอีกว่า ในโอกาสที่ราชบัณฑิตยสภาจะครบ 100 ปี ในปี 2569 นั้น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสดังกล่าว ราชบัณฑิตยสภาจึงจัดการประชุมวิชาการตั้งแต่ปี 2567-2569 โดยเลือกประเด็นที่สำคัญและเกิดขึ้นในสถานการณ์ของโลกในปัจจุบันมาเป็นหัวข้อการประชุม ซึ่งใน พ.ศ. 2568 นี้ ได้กำหนดจัดการประชุมวิชาการเนื่องในการเฉลิมฉลองครบ 100 ปีราชบัณฑิตยสภา การประชุมสุดยอดว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์แห่งประเทศไทย 2568 เพื่อการพัฒนาความพร้อมด้านปัญญาประดิษฐ์สำหรับประเทศไทย จัดระหว่างวันที่ 10-11 กันยายน 2568 ณ ห้องบอลรูม 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาทรงเปิดการประชุมและทอดพระเนตรนิทรรศการ ในวันพุธที่ 10 กันยายน 2568 เวลา 14.00 น. และยังจัดกิจกรรมอื่นที่สนใจเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสดังกล่าว
ไม่ว่าจะเป็นการจัดนิทรรศการงานมหกรรมศิลปะและวิชาการการจัดงานคอนเสิร์ต 100 ปีราชบัณฑิตยสภาการจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปีราชบัณฑิตยสภา การจัดพิมพ์พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสภา ฉบับฉลองครบ 100 ปีราชบัณฑิตยสภา และฉลองครบ 10 ปี แห่งการครองราชย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นฉบับแรกที่มีการชำระตั้งแต่อักษร ก ถึง ฮ รวมถึงการจัดพิมพ์หนังสือในโอกาสเฉลิมฉลอง 100 ปีราชบัณฑิตยสภา ฉบับอื่น ๆ อีกมากมาย



Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา