
"...บทความในสำนักข่าวอิศรา ชื่อ “สิงคโปร์ซีโร่เวป” ชี้ว่า ความสำเร็จของสิงคโปร์อยู่ที่การดำเนินการแบบ บูรณาการ ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด (Enforcement) ควบคุมการค้า การครอบครอง และการโฆษณา และ การให้ความรู้และการสนับสนุน (Education & Support) ผ่านโรงเรียน ชุมชน และบริการช่วยเลิกบุหรี่ไฟฟ้า ผลลัพธ์คือ บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นสิ่งที่สังคมปฏิเสธ ไม่ถูกยอมรับว่าเป็น “ของธรรมดา” หรือ สินค้าทั่วไป..."
บทความโดย : วิทยา กุลสมบูรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส),ทั้งนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน ไม่ผูกพันองค์กร สสส
“ในบรรดา 5 ข้อ ของ แนวทางพัฒนาหลังประเทศครบ 60 ปี หนึ่งในนั้น นายกรัฐมนตรีประเทศสิงคโปร์ ได้ยกระดับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า โดยมุ่งดูแลเยาวชนด้วยการจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นยาเสพติด ถือเป็นเรื่องน่าสนใจยิ่ง“
ในการกล่าวเนื่องในวันชาติ วันที่ 17 สิงหาคม นายกรัฐมนตรี Lawrence Wong ได้เปิดเผยแนวทางพัฒนาสิงคโปร์หลังครบรอบ 60 ปี โดยเน้น 5 ประเด็นหลัก ได้แก่
(1) การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจผ่านโครงการจับคู่แรงงาน-งานระดับชุมชนและขยายโครงการยกระดับทักษะอนาคต ( SkillsFuture Level-Up)
(2) การดูแลเยาวชนด้วยการจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นยาเสพติด เปิดโครงการฝึกงานสำหรับบัณฑิต พร้อมบังคับใช้กฎหมายและรณรงค์สาธารณะ
(3) การเตรียมพร้อมสังคมผู้สูงอายุขั้นสูงโดยสร้าง อพาร์ตเมนทร์สุขภาพชุมชน (Community Care Apartments ) ขยายศูนย์ผู้สูงวัย (Active Ageing Centres) และบริการดูแลชุมชน
(4) การพัฒนาเขตชุมชนใหม่และโครงการฟื้นฟูพื้นที่ Woodlands, Kranji และ Sembawang ให้เป็นที่อยู่อาศัยและศูนย์ชุมชนใหม่ รวมถึงการขยายด่านตรวจคนเข้าเมือง
(5) การเสริมสร้าง“สปิริตของสิงคโปร์”โดยทำให้รัฐบาลมีความตอบสนองสูง มีประสิทธิภาพ และดูแลผู้เปราะบางเพื่อให้ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในบรรดา 5 ข้อนั้น นายกรัฐมนตรี สิงคโปร์ ได้ยกระดับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า มุ่งดูแลเยาวชนด้วยการจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นยาเสพติด ถือเป็นเรื่องน่าสนใจยิ่งโดยเฉพาะสำหรับประเทศไทย ที่มีการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างรุนแรง
ตั้งแต่ปี 2018 สิงคโปร์ได้สั่งห้ามการนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด พร้อมกำหนดบทลงโทษทั้งผู้ค้าและผู้ครอบครอง ขณะเดียวกันรัฐบาลยังเดินหน้าสื่อสารสาธารณะอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน เพื่อสร้างการรับรู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่สิ่งยอมรับได้ในสังคม
บทความในสำนักข่าวอิศรา ชื่อ “สิงคโปร์ซีโร่เวป” ชี้ว่า ความสำเร็จของสิงคโปร์อยู่ที่การดำเนินการแบบ บูรณาการ ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด (Enforcement) ควบคุมการค้า การครอบครอง และการโฆษณา และ การให้ความรู้และการสนับสนุน (Education & Support) ผ่านโรงเรียน ชุมชน และบริการช่วยเลิกบุหรี่ไฟฟ้า ผลลัพธ์คือ บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นสิ่งที่สังคมปฏิเสธ ไม่ถูกยอมรับว่าเป็น “ของธรรมดา” หรือ สินค้าทั่วไป
ความเคลื่อนไหวล่าสุด (25 ก.ค. 2025) สิงคโปร์มีมาตรการเข้มปราบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานะยาเสพติด และ มาตรการคืนบุหรี่ไฟฟ้า “Bin the Vape”
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ (MOH) ประกาศว่า สาร etomidate ที่พบในบุหรี่ไฟฟ้าบางชนิด จะถูกจัดให้อยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท C ตามกฎหมาย Misuse of Drugs Act (MDA) ภายในไม่กี่สัปดาห์ ผู้ที่ยังใช้อยู่ควรเลิกทันที
โครงการ “Bin the Vape“ หรือ การคืนทิ้งบุหรี่ไฟฟ้าในสถานที่จัดหาให้องค์การวิทยาศาสตร์สุขภาพ (HSA) ร่วมกับ People’s Association จัดตั้งกล่องทิ้งเครื่องพ่นไอ (e-vaporisers) จำนวน 24 จุด (23 แห่งในศูนย์ชุมชน และ 1 แห่ง ในศูนย์เครือข่ายที่พักผู้อาศัย Residents’ Network Centre) เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2025 เพื่อให้ประชาชนสามารถนำมาทิ้งโดยไม่ต้องกลัวการถูกดำเนินคดี และยังมีแผนขยายไปยังมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาเพิ่มเติม
ในส่วน ช่องทางขอความช่วยเหลือเลิกบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ที่ต้องการเลิกใช้ สามารถขอรับคำปรึกษาและการบำบัดจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น
• WE CARE Community Services
• Singapore Anti-Narcotics Association
• Institute of Mental Health
• Quitline (18100 438 2000)
ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่า ผู้ที่สมัครใจนำบุหรี่ไฟฟ้ามาทิ้งหรือเข้ารับการช่วยเหลือจะไม่ถูกลงโทษ โดยมีมาตรการทางกฎหมายต่อไป ได้แก่
• ผู้ใช้ที่ถูกจับได้หลัง etomidate ถูกขึ้นบัญชี จะถูกส่งเข้าควบคุมและบำบัด
• ผู้กระทำผิดซ้ำ อาจถูกดำเนินคดีและมีโทษจำคุกอย่างน้อย 1 ปี
• ผู้ขาย นำเข้า หรือแจกจ่าย มีโทษสูงสุดจำคุก 20 ปี และโทษเฆี่ยนตี (caning)
กล่าวโดยสรุป สิงคโปร์คุมเข้มมีมาตรการปราบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานะยาเสพติด และ มีมาตรการคืนทิ้งบุหรี่ไฟฟ้าในที่จัดหาให้ในชื่อ “Bin the Vape” ประกอบด้วย
(1) การให้ etomidate ถูกขึ้นบัญชียาเสพติด หลังจากนั้น การใช้ etomidate จะเข้าข่ายความผิดและได้รับการควบคุมหรือโทษตามความร้ายแรง
(2) การเปิดโครงการ “Bin the Vape” ติดตั้งจุดทิ้งบุหรี่ไฟฟ้า 24 จุด เริ่ม 25 กรกฎาคม 2025 เพื่อสนับสนุนผู้ต้องการเลิกก่อนกฎหมายเข้มงวดบังคับ
(3) การให้มีบริการให้คำปรึกษาเลิกบุหรี่ไฟฟ้าจากหลายหน่วยงาน และผู้เข้าร่วมจะไม่ถูกลงโทษ
กรณีของสิงคโปร์สะท้อนให้เห็นว่า การจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า อาศัยทั้ง กฎหมายที่เข้มงวด และ มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้เปลี่ยนใจเลิกบุหรี่ไฟฟ้า ไปพร้อมกัน เป็นตัวอย่างที่หลายประเทศ รวมถึงไทย ควรศึกษาเพื่อนำไปปรับใช้ให้เกิดผลต่อไป
อ้างอิง
ICYMI: How agencies are being tasked to build Singapore beyond 60 By James Yau Aug 18, 2025 https://govinsider.asia/intl-en/article/icymi-how-agencies-are-being-tasked-to-build-singapore-beyond-60
สำนักข่าวอิศรา : สิงคโปร์ซีโร่เวป วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน 2568 https://www.isranews.org/article/isranews-article/138863-singaporee.html
NDR 2025: Singapore to treat vaping as a ‘drug issue’ and step up enforcement, CNA, Ang Hwee Min Aug 17, 2025 https://www.channelnewsasia.com/singapore/vaping-k-pods-ai-youths-ndr-2025-5298811
AVENUES TO SURRENDER E-VAPORISERS AND SEEK SUPPORT TO QUIT VAPING: Ministry of Health 25 July 2025 https://www.moh.gov.sg/newsroom/avenues-to-surrender-e-vaporisers-and-seek-support-to-quit-vaping/
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก bangkokhospital.com , almanac.nia.go.th

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา