
"...ดร.วินช์เชื่อว่า คุณภาพชีวิตของเราจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหากเราทุกคนเริ่มฝึกสุขอนามัยทางอารมณ์ เราลองนึกภาพโลกจะเป็นอย่างไรถ้าทุกคนมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ถ้ามีความเหงาน้อยลง ซึมเศร้าน้อยลง ถ้าผู้คนรู้วิธีเอาชนะความล้มเหลว และรู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับตัวเอง..."
สวัสดีครับ
การคิดถึงเรื่องที่จะเขียน weekly mail ในแต่ละสัปดาห์เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก บางสัปดาห์คิดได้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แต่ในบางสัปดาห์กว่าจะคิดได้ เหลือเวลาไม่มากนัก ต้องใช้โซเชียลมีเดียช่วยในการสืบค้นข้อมูล และหนึ่งในนั้นคือ TED Talk (Technology Entertainment and Design) เวทีการพูดที่ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1984 เชิญผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งปัน เล่าประสบการณ์พร้อมความคิดดี ๆ ในหลากหลายหัวข้อ ตั้งแต่วิทยาศาสตร์ ภาษาศาสตร์ จิตวิทยา ไปจนถึงการศึกษา ในเวลาไม่เกิน 20 นาที ทำให้ TED Talk เป็นที่นิยมของผู้ฟังทั่วโลก เป็นเวทีการพูดที่สร้างแรงบันดาลใจและการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ในสัปดาห์นี้ ผมได้ฟัง TED Talk ที่เชิญ ดร.กาย วินช์ (Dr.Guy Winch) นักจิตวิทยาชื่อดังผู้แต่งหนังสือเรื่อง Emotional First Aid (ซ่อมแซมสุขที่สึกหรอ) มาพูดถึงหนังสือเล่มนี้ ในเวลา 17.29 นาที ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 5 ล้านครั้ง ดร.วินช์ได้ให้ข้อคิดถึงการบำบัดจิตใจที่พวกเราควรให้ความสำคัญเท่า ๆ กับการรักษาอาการบาดเจ็บทางกาย ผมจึงได้ถอดเทปสรุปบทบรรยายดังกล่าว มาให้พวกเราได้อ่านกัน1/
ดร.วินช์ เกริ่นนำว่า เขาเติบโตมากับฝาแฝดผู้พี่ที่รักและสนิทกันตั้งแต่ลืมตาดูโลก แต่การเป็นฝาแฝดได้ปลูกฝังให้รักความยุติธรรม หากคุกกี้ของพี่ชายใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อยเขาจะโวยวายไม่ยอม เมื่อโตขึ้นกลายเป็นนักจิตวิทยา ดร.วินช์ได้เห็นความลำเอียงในอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือ การที่มนุษย์ให้ความสำคัญกับการดูแลด้านร่างกายมากกว่าจิตใจ
ดร.วินช์ได้หยิบยกเหตุการณ์ที่พบเจอด้วยตนเอง เมื่อไปบ้านเพื่อนเห็นไบรอันลูกชายวัยห้าขวบของเพื่อนกําลังเตรียมตัวเข้านอน แต่ขณะที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ข้างอ่างล้างหน้าเพื่อแปรงฟัน เกิดลื่นไถลเป็นแผลถลอกที่แขน ไบรอันร้องไห้อยู่พักหนึ่ง ก่อนลุกขึ้นมาพร้อมกับปีนขึ้นไปบนเก้าอี้และเอื้อมมือไปหยิบพลาสเตอร์เพื่อปิดแผล ซึ่งในช่วงวัยนี้ไบรอันแทบจะผูกเชือกรองเท้าไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่เขากลับรู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ และต้องดูแลฟันด้วยการแปรงฟันวันละสองครั้ง “เรารับรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่อายุห้าขวบ แต่เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพจิตของตัวเอง เราเคยสอนอะไรให้ลูกเกี่ยวกับสุขอนามัยทางอารมณ์บ้างไหม” ดร.วินช์หยอดถามผู้ฟัง
เราคงไม่ทราบว่า ในช่วงชีวิตนี้ เราได้รับบาดเจ็บทางจิตใจบ่อยกว่าการบาดเจ็บทางร่างกาย ความล้มเหลวหรือความเหงา ถือเป็นบ่อเหตุทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ลงหากเราไม่รีบรักษา แม้ว่าปัจจุบันการบำบัดรักษาการบาดเจ็บทางจิตใจสามารถทำได้ แต่เรามักจะหลีกเลี่ยงไม่เร่งรักษา และไม่คิดด้วยซ้ำว่าเราควรทํา “โอ้ ผมรู้สึกเป็นคนสิ้นหวัง ล้มเหลวในชีวิต” ส่วนใหญ่เพียงแค่รำพึงรำพัน คิดว่าแค่สะบัดความคิดนี้ออกจากหัวได้คงจะดีขึ้นเอง แต่การรักษาบาดแผลทางใจไม่ง่ายเช่นนั้น เราลองนึกภาพว่า หากพูดแบบนั้นกับคนที่ขาหักว่า “โอ้ แค่ลุกขึ้นเดินก็หายแล้วล่ะ มันก็แค่ขาของเรา” คงไม่ต้องมีหมอคอยรักษาเราแล้ว ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตของเราให้เหมือนกับการดูแลสุขภาพร่างกาย เหมือนกับการเกิดมาเป็นแฝดที่เรียกร้องความเท่าเทียมกัน

คลิกชม ดร.กาย วินช์ พูดเรื่อง Emotional First Aid
ดร.วินช์และแฝดผู้พี่ เป็นนักจิตวิทยาเช่นกัน พวกเขาไม่เคยแยกจากกัน จนเมื่อ ดร.วินช์ต้องข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปศึกษาต่อที่สหรัฐฯ เป็นการพลัดพรากจากกันที่โหดร้ายสำหรับทั้งคู่ พวกเขาจะโทรศัพท์พูดคุยกันเพียง 5 นาทีต่อสัปดาห์ เพราะในสมัยนั้นเป็นช่องทางเดียวที่ติดต่อกันได้ และค่าโทรศัพท์มีราคาแพง แต่เมื่อวันเกิดมาถึง พวกเขาตกลงกันว่าจะฉลองวันเกิดด้วยการคุยกัน 10 นาที นานเป็นพิเศษกว่าทุกสัปดาห์
เมื่อถึงวันนั้น ดร.วินช์เดินไปรอบห้อง รอให้พี่ชายโทรมาแต่โทรศัพท์ก็ไม่ดังขึ้นสักที คิดว่าเป็นเพราะเวลาที่แตกต่างกันและพี่ชายอาจออกไปกับเพื่อน ๆ และคงโทรมาหาในภายหลัง แต่รอแล้วรอเล่า เสียงโทรศัพท์ไม่ดังขึ้น ทำให้ ดร.วินช์เริ่มตระหนักว่าหลังจากเหินห่างกันไปนานกว่า 10 เดือน พี่ชายคงไม่คิดถึงเขาอีกต่อไป นอนรอแบบกระสับกระส่ายและหวังว่า พี่ชายจะโทรมาในตอนเช้า แต่คืนนั้น ถือเป็นหนึ่งในคืนที่เศร้าและยาวนานที่สุดในชีวิตของเขา
ดร.วินช์ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เหลือบมองไปที่โทรศัพท์ พบว่าสายโทรศัพท์หลุดออกจากปลั๊ก ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเขาเตะมันโดยไม่รู้ตัว ดร.วินช์สะดุ้งลุกจากเตียง รีบติดสายโทรศัพท์เข้ากับปลั๊กและเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา และเสียงนั้นคือพี่ชายที่น้ำเสียงโกรธ เพราะมันเป็นคืนที่เศร้าและยาวนานที่สุดในชีวิตของพี่ชายเช่นกัน พี่ชายพูดว่า “ฉันไม่เข้าใจ ถ้าเธอเห็นว่าฉันไม่ได้โทรหา ทําไมไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉันล่ะ” ตอนนั้น ดร.วินช์ไม่มีคําตอบ แต่วันนี้เขามีคำตอบแล้วมันเกิดขึ้นเพราะความเหงานั่นเอง
ความเหงาสร้างบาดแผลทางจิตใจที่ลึกซึ้ง ซึ่งบิดเบือนการรับรู้ของเรา ทำให้เราเชื่อว่าคนรอบข้างไม่ใส่ใจเรา ทำให้เรากลัวที่จะเอื้อมมือออกไป ความเหงาจึงถูกกำหนดโดยอัตวิสัย เป็นความคิดความรู้สึก หรือความเชื่อส่วนบุคคลที่ได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์และมุมมองมาตั้งแต่เกิด
มีงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับความเหงา ไม่เพียงแต่ทำให้คุณทุกข์ทรมานเท่านั้น แต่หากไม่รีบบำบัดอาจจะอันตรายถึงชีวิต ความเหงาเรื้อรังเพิ่มโอกาสในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึงร้อยละ 14 ทําให้เกิด
มีงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับความเหงา ไม่เพียงแต่ทำให้คุณทุกข์ทรมานเท่านั้น แต่หากไม่รีบบำบัดอาจจะอันตรายถึงชีวิต ความเหงาเรื้อรังเพิ่มโอกาสในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึงร้อยละ 14 ทําให้เกิดความดันโลหิตสูง ลดระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและมีโรคภัยไข้เจ็บมารุมเร้า สรุปได้ว่าความเหงาเรื้อรังมีความเสี่ยงอย่างมากต่อสุขภาพในระยะยาวเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ ตอนนี้บนซองบุหรี่มาพร้อมกับคําเตือนว่า “สิ่งนี้อาจฆ่าคุณได้” แต่ความเหงาไม่มีคำเตือนเช่นนั้น และนั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่เราต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของเรา ทั้งนี้ ความเหงาไม่ใช่บาดแผลทางจิตใจเพียงอย่างเดียว ยังมีแผลทางใจอื่น ๆ อีก ทั้งความล้มเหลว ความเครียด และการครุ่นคิดย้ำคิดย้ำทำ ที่บิดเบือนการรับรู้ของเรา

หนังสือ Emotional First Aid
ดร.วินช์เชื่อว่า คุณภาพชีวิตของเราจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหากเราทุกคนเริ่มฝึกสุขอนามัยทางอารมณ์ เราลองนึกภาพโลกจะเป็นอย่างไรถ้าทุกคนมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ถ้ามีความเหงาน้อยลง ซึมเศร้าน้อยลง ถ้าผู้คนรู้วิธีเอาชนะความล้มเหลว และรู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับตัวเอง ดร.วินช์กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ผมทำได้เพราะนั่นคือโลกที่ผมต้องการอยู่ และพี่ชายของผมต้องการอาศัยอยู่เช่นกัน และถ้าเราเปลี่ยนนิสัยง่าย ๆ สองสามอย่าง เริ่มใส่ใจกับการดูแลสุขภาพทางใจ นั่นแหละคือโลกที่เราทุกคนสามารถอยู่ได้ไม่ว่าเราจะสูญเสียแค่ไหนก็ไม่เสียศูนย์”
บทความโดย :
รณดล นุ่มนนท์
7 กรกฎาคม 2568
หมายเหตุ :
1/ Guy Winch, How to practice emotional first aid, TED YouTube, Feb 16, 2015
https://www.bing.com/videos/riverview/relatedvideo?q=Dr.+Guy+Winch+ted+talk&mid=A81DA1C88E098CD19F67A81DA1C88E098CD19F67&FORM=VIRE

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา