
"...‘ทักษิณ’เคยบอกถึงความสนิมสนมกับลูกสาวว่า ‘แพทองธาร’เป็นลูกที่ใกล้ชิดมาก วิธีคิดวิธีพูดและการทำงานเหมือนกัน “แม้ไม่ได้คุยกันแต่เวลาเขาให้สัมภาษณ์มันตรงกับเราทุกอย่าง” เรียกได้ว่า ถอด DNA..."
ภายหลังเรื่องอื้อฉาวกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ฐานะนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย กับ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา อดีตนายกฯ ผู้ทรงอิทธิพลตัวจริงของรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา นับแต่ 18 มิ.ย.2568
จนถึงตอนนี้หลายคนเชื่อและหวังลึกๆว่า น.ส.แพทองธารจะมีมาตรฐานในเรื่องความพร้อมรับผิด (Accountability) ตามที่บอกว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกฯ มิใช่เพียงแค่ ‘ขออภัย’ที่ทำให้ประชาชนเกิดความไม่สบายใจ
แต่ ‘ไม่ใช่’ !
24 มิ.ย.2568 น.ส.แพทองธาร ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาว่าจะรับเรื่องที่มีผู้ร้องให้ศาลสั่งนายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่ว่า “คลิปเสียงที่หลุดออกมาเป็นเรื่องที่ผู้นำแต่ละประเทศใช้เจรจากันอยู่แล้ว และเห็นได้ชัดว่าในคลิป ดิฉันไม่ได้อะไร และไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียอะไร และจุดประสงค์เป็นการคุยกัน ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าไม่ควรจะเปิดเผย เพราะเป็นการสนทนาแบบส่วนตัว และพร้อมที่จะอธิบายทุกเหตุการณ์หากจะต้องมีการอธิบาย”

ความจริงเรื่องคลิปอื้อฉาวสองแผ่นดินของ น.ส.แพทองธารถูกกระแสสังคมส่วนใหญ่วิพากษ์วิจารณ์ไปในแนวทางเดียวกันทั้งในเรื่องสติปัญญา ความรู้ความสามารถ ภาวะผู้นำ ฯลฯ คงไม่ต้องมาฉายซ้ำ
ไม่ต้องเอาข้อกฎหมาย หลักจริยธรรมใดใดมาจับ แค่จิตสำนึกพื้นฐานก็รู้ว่า ‘ไม่ควร’ ไม่มีใครเขาทำกันและไม่น่าเชื่อว่าคนระดับนายกรัฐมนตรีจะทำหากไม่อ่อนด้อยจริงๆ
ถ้าไม่รู้ที่มาที่ไปก่อนฟังคลิปเสียงตามสื่อโซเชียล ไพล่นึกว่า ‘เสียงนักร้องอ้อนป๋าตามคาเฟ่’
กระนั้น ก่อนที่จะตัดสิน น.ส.แพทองธาร ใช้วิธีแก้ปัญหาแบบใด ให้ย้อนกลับไปดู ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ผู้เป็นบิดา เมื่อตอนเกิดคดีซุกหุ้นภาคแรก ปลายปี 2543 - 2544
วันที่ 8 ธ.ค.2543 ที่ห้องจูปิเตอร์ ชั้น 9 อาคารชินวัตร 3 นายทักษิณแพร่คำชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องการโอนหุ้นว่า กรณีของเขามิใช่กรณีทุจริตคอร์รัปชั่น แต่เป็นกรณีการยื่นบัญชีทรัพย์สินไม่ครบถ้วนในส่วนน้อย เป็นการจัดการทรัพย์สินของตนเองและภรรยาที่ทำมาหาได้อย่างสุจริต การยื่นบัญชีทรัพย์สินโดยเฉพาะในส่วนที่ได้มอบหมายให้ภรรยาเป็นผู้จัดการ หากมีข้อขาดตกบกพร่องไปบ้างก็เป็นส่วนน้อย เป็นปัญหาทางเทคนิค และอยู่ในช่วงจุดเปลี่ยนผ่านของกฎหมาย เป็นเรื่องเข้าใจผิดของเลขานุการส่วนตัว เป็นการ ‘บกพร่องโดยสุจริต’
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ลูกสาว วันที่ 19 มิ.ย.2568 ชี้แจงว่า ไม่ทราบจริงๆว่ามีการอัดคลิป ทั่วโลกไม่มีใครทำแบบนี้ที่ผู้นำคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่ๆ ที่มีการตกลงกันหรือมีการพูดคุยเจรจาถ้าไม่ได้บอกก่อนว่าจะมีการอัดคลิป เป็นการกระทำที่ไม่เป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ และสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือประท้วงกัมพูชาด้วย
สรุปตัวเองเป็นเหยื่อ โยนความผิดไปให้ ‘ฮุน เซน’ โทษคนอื่นทั้งที่ต้นเหตุเกิดจากตัวเอง เกิดจากเนื้อหาสนทนาในคลิป
ตรรกะเดียวกันกับนายทักษิณ
‘ทักษิณ’เคยบอกถึงความสนิมสนมกับลูกสาวว่า ‘แพทองธาร’เป็นลูกที่ใกล้ชิดมาก วิธีคิดวิธีพูดและการทำงานเหมือนกัน “แม้ไม่ได้คุยกันแต่เวลาเขาให้สัมภาษณ์มันตรงกับเราทุกอย่าง”
เรียกได้ว่า ถอด DNA

ภาพจาก https://www.voathai.com/
หาก ‘ทักษิณ’ เป็นลำต้น ‘แพทองธาร’ ดั่งปลายยอดไม้
กรณีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร นับว่าท้าทายหลักจริยธรรมผู้บริหาร ร้ายแรงกว่าคดีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ หลายร้อยพันเท่า เพราะไม่ใช่เรื่องสุจริต แต่เกี่ยวพันกับอาณาเขตพรมแดน ทรัพยากร ผลประโยชน์ของชาติ
เมื่อเป็นประเด็นขึ้นสู่ศาลหรือองค์กรอิสระ แทนที่จะบอกว่า “เมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องไปต่อสู้ข้อเท็จจริงในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. องค์กรอิสระ และเมื่อผลออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับ”
น่าจะเหมาะสมและได้รับความเห็นอกเห็นใจมากกว่า ‘ดิฉันไม่ได้อะไร และไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียอะไร’
ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่บนเก้าอี้นายกฯ ‘แพทองธาร’ควรอยู่ใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง คิดทบทวนถึงการกระทำ ตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ต้องฟังข้าเก่าเต่าเลี้ยงของคุณพ่อและหรือบ่าวบริวารรอบข้างที่บางคนได้กระดูก (ข้างเขียง) รอเวลา‘กระโดดหนี’เมื่อนายเพลี่ยงพล้ำ หาไม่แล้วจะถลำลึก ถึงที่สุดไม่มีใครช่วยได้ ซ้ำรอย‘อาปู ยิ่งลักษณ์’
นับจากนี้ไม่มีใครคาดเดาว่าชะตากรรมของลูกสาวทักษิณจะจบลงเช่นไร เพราะจะต้องเผชิญกับ ‘บ่วง’คลิปติดตามมาอีกหลายคดี
ในความเป็นมนุษย์ ‘แพทองธาร’ อาจเป็นลูกที่ดี เป็นน้องสาวที่ดีของพี่ชายพี่สาว เป็นแม่เป็นภรรยาที่ดีของครอบครัวสุขสวัสดิ์ แต่เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำประเทศที่ดีไม่ได้
นั่นเพราะ เมื่อลำต้นคดงอ ยากที่ปลายยอดจะเหยียดตรง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา