
"...แมกคียเวลลี่ เป็นต้นตำรับที่ถือว่าการกระทำที่ไร้ศีลธรรมเป็นเรื่องยอมรับได้หากเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดี และเชื่อด้วยว่า “ผู้นำสามารภทำให้ความเลวร้ายกลายเป็นบรรทัดฐานทางสังคม” แถมยังมีข้อเสนอว่า “ในทางการเมืองแล้ว ศีลธรรมต้องยืดหยุ่น และในบางครั้งความเลวเป็นสิ่งจำเป็น”..."
กล่าวกันว่าหายนะภัยของประเทศชาตินั้น เกิดขึ้นได้เมื่อมีการ “ทำความเลวร้าย ให้กลายเป็นปรากฏการณ์ปกติ” (To Normalize Evil) ทำให้สิ่งนั้นกลายเป็นสภาพคุ้นชิน ที่ดำรงอยู่และไปด้วยกันกับสังคม
ความเลวร้ายเช่นนั้นจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีการทำซ้ำ ทำบ่อยๆ ทำอย่าหยุด ทำจนกลายเป็นความชินชาของสังคม
ปรากฏการณ์แบบนี้ ขอยกเอากัมพูชาเป็นตัวอย่าง
รายงานชื่อ Policies and Patterns : State – Abetted Transnational Crime in Cambodia as a Global Security Threat ผู้เขียนคือ Jacob Sims เป็นนักวิจัยของ Harvard University Asia Center ซึ่งได้รับความสนับสนุนจาก United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC) เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมข้ามชาติและความมั่นคงในภูมิภาค ได้เปิดเผยว่า กัมพูชากำลังกลายเป็นศูนย์กลางการฉ้อฉลข้ามชาติยุคใหม่ในปี 2025 ที่ทำกำไรมหาศาล

“ธุรกิจหลอกลวง (Scamming) สร้างรายได้ปีละ 400,000 – 600,000 ล้านบาท เป็นจำนวนที่สูงกว่าภาคสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่เป็นรายได้หลักของกัมพูชา” ซิมกล่าว
กัมพูชา จมปลักอยู่กับการทุจริตมายาวนาน และอยู่รั้งท้ายดรรชนีธรรมาภิบาลของโลก บุคคลสำคัญของ “พรรคประชาชนกัมพูชา”(Cambodian people’s party - CPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลมีความเชื่อมโยงกับ “รายได้ผิดกฎหมาย” มานานหลายทศวรรษ
นีล ลอฟลิน (Niel Loughlin) นักวิชาการสาขาการเมืองจาก University of London เขียนหนังสือเรื่อง “The Politics of Coercion : State and Regime Making in Cambodia” (การเมืองแห่งการบีบบังคับ : การสร้างรัฐ และระบอบการปกครองในกัมพูชา) ชี้ว่า
พรรคประชาชนกัมพูชา รวบอำนาจเบ็ดเสร็จตลอด 4 ทศวรรษ ได้รับการค้ำจุนโดยระบบอุปถัมภ์ที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งปันผลประโยชน์จากเศรษฐกิจของอาชญากร พรรคสามารถจัดสรรทรัพยากรและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ รวมถึงการปราบปรามผู้เห็นต่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สูง
การดำเนินการเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ครองอำนาจมายาวนาน เงินที่ได้มาถูกนำไปใช้เพื่อซื้อความจงรักภักดีของหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ ทำให้หน่วยงานเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ออกของพรรคในปัจจุบัน
ทุกวันนี้กัมพูชาจึงกลายเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมและการฉ้อโกงของโลก ที่รับรู้กันไปทั่วชาวกัมพูชาจำนวนมากจึงจมปลักอยู่กับอบายมุข ถูกข่มขู่ กรรโชก ถูกทรมาน ถูกกักขัง เรียกค่าไถ่ ถูกหลอกให้ทำหน้าที่ต้มตุ๋นแบบ “หมูขุนก่อนเชือด” ถูกทุบตี ไปจนถึงฆาตกรรม

ชาวกัมพูชาจำนวนนับแสนคนที่ต้องอพยพมาหากินเมืองไทย และจำนวนมากมาเป็นขอทานตามท้องถนน
ตามรายงานศึกษา จะเห็นว่าความเลวร้ายในกัมพูชาดำเนินต่อเนื่องมาถึง 4 ทศวรรษ มีโครงสร้างวางไว้อย่างเป็นระบบ มีเครือข่ายโยงใย มีระบบการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ จนกลายเป็นปรากฏการณ์ปกติในสังคมกัมพูชา
น่าอนาถก็อยู่ที่ว่า ในวันนี้นอกจากภาคการเมืองของไทยกลายเป็นลูกไล่กัมพูชาในปัญหาชายแดนที่ผู้นำไทย มีผลประโยชน์ทับซ้อนข้ามประเทศของสองตระกูล ทำให้ยากที่จะแก้ปัญหาระบอบทักษิณยังนำเข้าวิถีความเลวร้ายแบบกัมพูชามาทำให้กลายเป็นปรากฏการณ์ปกติ
กรณีกาสิโน และการพนันออนไลน์
ทั้งๆ ที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 ทรงมีสายพระเนตรยาวไกล ทรงปฏิเสธการมีอยู่ของกาสิโนว่า จะพาเสื่อมไปด้วยกันทั้งประเทศ ทั้งๆ ที่พลังทางสังคมทุกภาคส่วน ทั้งสถาบันทางศาสนา พุทธ คริสต์ อิสลาม สถาบันการศึกษาทุกมหาวิทยาลัย สมาชิกวุฒิสภา ราชบัณฑิตยสภา องค์กร และประชาชนทั่วประเทศ ประสานเสียงกันคัดค้าน ทั้งกาสิโนและการพนัน ที่จะเป็นศูนย์รวมแห่งความเลวร้าย ทั้งอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวง ต้มตุ๋น อบายมุข การค้ามนุษย์ ที่สร้างความบรรลัยวายป่วงให้กับเยาวชนและผู้คนทั้งประเทศ ดุจเดียวกับที่กัมพูชา
แต่ระบอบทักษิณ ยังนั่งยันยืนยันที่จะนำเสนอกฎหมายกาสิโนและการพนันออนไลน์เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมหน้าที่จะเปิดประชุมครั้งแรก ในวันที่ 3 กค. นี้
พวกเขาอ้างว่ากาสิโนเป็นเพียงส่วนน้อยของสถานบันเทิงครบวงจร แต่ความจริงเป็นกล่องดวงใจที่เขาต้องคงไว้ประดุจไข่ในหิน เพราะเขาตาลุกวาว ว่านั่นเป็นแหล่งรายได้มหาศาล มีเรื่อง ฉาวโฉ่ที่รู้กันดีว่ามีการติดต่อแหล่งทุนกันไว้แล้ว มีชื่อเสียงเรียงนามเสร็จสรรพ ว่าเป็นทุนกลุ่มไหน มีการจัดเตรียมพื้นที่ที่คลองเตย ภูเก็ต พัทยา และพื้นที่อื่นๆ กันไว้แล้ว การยื้อแย่งกระทรวง
มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย โดยน้ำมือของระบอบทักษิณ ที่สำคัญก็เพื่อจะใช้อำนาจมหาดไทยเข้าไป แสวงประโยชน์ผ่านกลไกของกระทรวง
ข้ออ้างเรื่องจะใช้รูปแบบสิงคโปร์โมเดลนั้น ไม่มีใครเชื่อว่าจะทำได้ เพราะจอมโกงของไทยสันทัดในการบริหารกลไกต่างๆ ที่เอื้อต่อการทำมาหากิน ดังที่เห็นกันดีอยู่แล้ว
โมเดลที่รัฐบาลอาจจะเลียนแบบกันได้ คือกัมพูชาโมเดล แหล่งศูนย์รวมความฉ้อโกงระดับโลก ดังที่ประจักษ์และประจานกันทั่วไป
กรณีคนป่วยทิพย์ชั้น 14
เป็นปรากฏการณ์เหนือมนุษย์ที่นักโทษเด็ดขาด ได้สารภาพยอมรับความผิดต่อพระมหากษัตรย์ และได้รับพระราชทานลดโทษเหลือเพียงจำคุก 1 ปี แต่กลับไม่ต้องถูกจำขังแม้แต่เพียงวันเดียว สามารถเข้าไปเสวยสุขที่ห้องพิเศษ รพ.ตำรวจต่อเนื่องกัน 181 วัน โดยแพทยสภาได้ตัดสินลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 3 ราย

เป็นกรณีประจานตนเองต่อสาธารณะ ที่ประชาชนทั้งประเทศเป็นประจักษ์พยานร่วมกันว่าเป็นป่วยทิพย์ที่จัดฉากลวงโลก เพื่อไม่ต้องจำคุกจริง โดยหมายใจว่าอำนาจที่มีจะสามารถกลบเกลื่อนพิรุธตามรายทางได้ จะสามารถแปรผิดเป็นถูกได้ จะสามารถอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรมได้ เป็นอภิสิทธิ์เฉพาะตัวที่ใครอื่นไม่สามารถทำได้
เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งความเลวร้ายที่ถูกทำให้กลายเป็นปรากฏการณ์ปกติ แต่พลังทางศีลธรรมของสังคมไม่ยอมให้ พลังจริยธรรมของแพทยสภายังหนักแน่นคงมั่น วีโต้ของ รมว. สาธารณสุขในฐานะสภานายกพิเศษที่เขียนคำอิบายยาวเหยียดเป็นเหมือน “เอาโคลนมาล้างโคลน” ที่ทำให้เลอะเทอะกันไปเท่านั้น พลังของศาลสถิตยุติธรรมกำลังชี้ชะตากรรมของนักโทษเด็ดขาดและผู้เกี่ยวข้องทั้งปวง
ทำไมความเลวร้าย กลายเป็นปรากฏการณ์ปกติได้

“ในโลกแห่งความเป็นจริง
ผู้คนตัดสินจากผลลัพธ์
ไม่ใช่เจตนา”
แมกคียเวลลี่ (Nicco’ Machiavelli)
ด้วยเหตุนี้เอง แมกคียเวลลี่ จึงไม่ได้มอง “ความเลวร้าย” ว่าเป็นสิ่งต้องหลีกเลี่ยง หากมันมีประโยชน์เชิงกลยุทธ์ กล่าวคือ การใช้กลอุบาย ความโหดร้าย หรือแม้แต่การทรยศ สามารถกลายเป็น “เรื่องธรรมดา” ถ้ามันนำไปสู่ผลลัพธ์ที่มั่นคง คือความสงบราบรื่นในการดำรงและรักษาอำนาจรัฐ
แมกคียเวลลี่ เป็นต้นตำรับที่ถือว่าการกระทำที่ไร้ศีลธรรมเป็นเรื่องยอมรับได้หากเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดี และเชื่อด้วยว่า “ผู้นำสามารภทำให้ความเลวร้ายกลายเป็นบรรทัดฐานทางสังคม” แถมยังมีข้อเสนอว่า “ในทางการเมืองแล้ว ศีลธรรมต้องยืดหยุ่น และในบางครั้งความเลวเป็นสิ่งจำเป็น”
เขาจึงเขียนว่า “ผู้ปกครองจะต้องเป็นทั้งสิงโต (เพื่อข่มขู่ศัตรู) และเป็นสุนัขจิ้งจอก (เพื่อหลอกล่อและหลีกเลี่ยงกับดัก)”
-The Prince , Charpter 18
ตัวอย่างการทำความเลวร้ายให้กลายเป็นปรากฏการณ์ปกติ มีให้เห็นในยุคประวัติศาสตร์และยุคปัจจุบัน ทั้งในยุคสงครามฝิ่นมอมเมาคนจีน ยุคฮิตเลอร์ทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์คนยิว ยุค ศูนย์อาชญากรรมในกัมพูชา ยุคกาสิโน - การพนัน และระบอบทักษิณ ชั้น 14 เหนือกฎหมายในเมืองไทย
ส่วนใครจะเป็นสิงโต ใครเป็นสุนัขจิ้งจอก หรือใครเป็นทั้งสิงโตและสุนัขจิ้งจอก โปรดจับคู่กันได้ตามอัธยาศัย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา