"...รัฐบาลไทยกำลังเดินตามรอย “ทรราชเสียงข้างมาก” พยายามอ้างว่าร่าง พรบ. บ่อนกาสิโนเป็นการทำให้ถูกกฎหมาย ทั้งๆ ที่มันผิดทั้งกฎหมาย (Legality) และขาดความชอบธรรม (Legitimacy) ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งอาจพูดได้ว่าเป็นการ “ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน” ที่เลือกรัฐบาลเข้ามาเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างเศรษฐกิจที่พึ่งตนเองอย่างยั่งยืน แต่รัฐบาลเลือกที่จะสร้างบ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ ไว้เป็นมรดกบาปของแผ่นดินให้ลูกหลานสาบแช่งและรับกรรมกันต่อไปไม่รู้จักจบสิ้น..."
ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุแทรกซ้อนขึ้นมาก่อนในวันนั้น 9 เมย. 68 สังคมไทยจะได้เห็นการลงมติแบบ “ทรราชของเสียงข้างมาก” (Tyranny of the Majority) ของสภาผู้แทนราษฎรไทย หลังจากปรากฏการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง กรณีสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมสุดซอย เมื่อปลายตุลาคม 2556 เป็นการลงมติแบบลักหลับตอนตีสี่กว่า ในยุคนายกรัฐมนตรีซึ่งใช้นามสกุลเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน
ด้วย “พลังทางศีลธรรม” นั้นเองที่ทำให้บุคคลและสถาบันทางศาสนา ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม สถาบันการศึกษา ด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ แพทย์และด้านอื่นๆ อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ องค์กรแรงงาน ภาคประชาชนในต่างจังหวัดรวมทั้งราชบัญฑิตยสภา ต่างออกมาขานรับข้อเรียกร้องสาธารณะให้รัฐบาลถอนร่าง พรบ. ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและกฎหมายการพนันออนไลน์ออกไปจากสารบบการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ไม่ว่าฟากฝั่งรัฐบาล จะปรามาสว่าพลังนี้มีจำนวนน้อย ไม่ได้เป็นเสียงของประชาชน ว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ “จุดไม่ติด” แต่ก็เห็นแล้วมิใช่หรือว่า พลังทางศีลธรรมของสังคมไทยมีอานุภาพที่เป็นจริง ซึ่งส่งผลกระทบไปยังพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้คนระดับเลขาธิการพรรคประกาศกลางสภาว่า “ผมไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน” ทำให้สมาชิกวุฒิสภาสายหลักออกมาร่วมกันแถลงคัดค้านกาสิโนอย่างอึกทึก กลายเป็นปมขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่อาจนำ ไปสู่การเปลี่ยนแปลงสำคัญในระยะใกล้
จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) เจ้าของงานเขียนชื่อ เสรีภาพ (On Liberty) ได้เขียนถึง “ทรราชเสียงข้างมาก” (Tyranny of the Majority) ว่า เป็นการตัดสินใจของเสียงข้างมากที่ยึดผลประโยชน์ตนเหนือผลประโยชน์ส่วนรวมหรือเหนือกลุ่มเสียงข้างน้อยจนกลายเป็น การบีบบังคับ (Oppression) ใช้ทั้งการรวมศูนย์อำนาจสั่งการและการละทิ้งเหตุผล อาศัยแต่จำนวนมากกว่าเป็นสรณะ เป็นการตัดสินใจที่ไม่ชอบธรรม
กรณี ร่าง พรบ. นิรโทษกรรมสุดซอย
31 ตุลาคม 2556 หลังอภิปรายยาวนานกว่า 19 ชั่วโมง ประธานสภาสั่งให้สภาลงมติในวาระ 2 และวาระ 3 สส. ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 310 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 ทำให้ร่าง พรบ. ฉบับนั้นผ่านสู่วุฒิสภาต่อไป
มาตรา 3 ของ ร่าง พรบ. นั้น เขียนว่า “ให้การกระทำทั้งหลายที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้กระทำความผิด โดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 6 สิงหาคม 2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ ให้การกระทำนั้นพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง”
แปลว่า การกระทำผิดทั้งหลาย ทั้งขณะที่กระทำอยู่ ที่กระทำไปแล้ว ที่กำลังมีการฟ้องร้อง ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาล และที่ศาลตัดสินว่าผิดแล้ว ล้วนมีผลให้พ้นผิดไปทั้งหมดทั้งสิ้น
นั่นหมายถึงว่า ฆ่าคนตายก็พ้นผิด เผาบ้านเผาเมืองก็พ้นผิด โกงก็ไม่ต้องรับโทษ
จึงมีผลให้ เกิดการชุมนุมใหญ่ของ กปปส. ยาวนานกว่า 6 เดือน มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมหลายล้านคน จบลงด้วยการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557
กรณีร่าง พรบ. ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ก็ดุจเดียวกัน
พระบาทมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงเตือนว่า คาสิโน จะ “ฉิบหายกันไม่เหลือ”
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเตือนว่า “ประเทศที่เปิดบ่อนเสรี ถึงแม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ก็มีปัญหาสังคม ตามมาอย่างมากมาย”
ในแถลงการณ์ของ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร. 2550) โดย อ. จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ให้เห็นว่า ร่างกฎหมายนี้
- นำที่ดินและทรัพย์สินของรัฐไปให้เอกชนใช้ประโยชน์โดยไม่ปรากฏผลตอบแทนที่คุ้มค่า
- ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องประชาชนได้
- ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงอบายมุข
- ไม่มีมาตรการคุ้มครองประชาชนจากอบายมุขที่เกิดขึ้น
จึงเป็นการกระทำที่ “ไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ของรัฐบาล”
การพิจารณาร่างกฎหมายนี้ ล้วนแต่ “เป็นการกระทำที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 65 และมาตรา 75 จะส่งผลให้บรรดาผู้กระทำ ต้องตกเป็นผู้กระทำ การใช้อำนาจอธิปไตย อันไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และอาจต้องรับผลจากการ กระทำของตนเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ”
รัฐบาลพยายามชี้แจงว่า เป็นการสร้างรายได้เข้ารัฐ เป็นการนำเอาการพนันใต้ดิน ขึ้นมาไว้บนดินเพื่อเข้าระบบภาษี เป็นการสร้างงานทำ เป็นการใช้พื้นที่เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งล้วนเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครเชื่อ
เพราะ เมียนมาร์ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ มีกาสิโนนับร้อยแห่ง ก็ยังมีสถานะทางเศรษฐกิจย่ำแย่กว่าไทย หวยใต้ดิน และการพนันออนไลน์ ยังเกลื่อนแผ่นดินทั้งๆ ที่ผิดกฎหมาย แสดงว่ารัฐไร้ความสามารถในการบังคับใช้กฎหมาย
สร้างงานทำให้เกิด คนแจกไพ่ คนนับชิพ คนเก็บเงิน มันเป็นทักษะอะไรที่มีความหมายต่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ผลกระทบที่จะสร้างคนไทยเป็นผีพนันขึ้นมาทั่วประเทศ สร้างความแตกร้าวในครอบครัวและสังคมมหาศาล ใช่หรือไม่
10 เปอร์เซ็นต์ ที่มีอานุภาพร้ายแรงเหมือนไม้ขีดก้านเดียว เผาไหม้บ้านเรือนทั้งหลังเหมือนเชื้อมะเร็งในร่างกายมีขนาดเล็กมากจนต้องส่องกล้อง แต่ก็ขยายตัวทำให้ถึงตายได้ พื้นที่ 10 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นเหตุผลลวงโลก
กฎหมายการพนันออนไลน์ ที่จะออกตามมา ยิ่งเลวร้ายยิ่งกว่า ไม่ต้องมีพื้นที่แม้แต่ตารางนิ้ว จะเล่นในห้องนอนก็ได้ จะเล่นเวลาไหนก็ได้ มีเพียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวก็สิ้นเนื้อประดาตัวได้ หรือมิใช่
เจ้าของพรรคภูมิใจไทยตัวจริงเสียงจริง ในวันนี้กล้าแกร่งถึงขนาดขี่ช้างศึกบุรีรัมย์ออกมาท้าชนพรรคเพื่อไทยอยู่หน้าค่าย โดยส่งสัญญาณ “ไม่เอา” กาสิโน-การพนันแล้ว เพราะเห็นว่าจะพากันลงเหวไปด้วยกันทั้งยวง
รัฐบาลจะมีทางออกอย่างไร จะลาออก จะขับภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล จะยุบสภา จะถอนร่าง พรบ. นี้ออกไป จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือจะลากถูลู่ถูกังกันไป ก็สุดแต่ชะตากรรม
แต่ถ้าการประชุมสภาสมัยหน้าในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลนำร่างเดิมเข้ามาสู่การพิจารณาอีก เพื่อให้เสียงข้างมากที่ฉ้อฉลรับรองร่าง พรบ. ให้จงได้ เป็นการสำแดงเดชของ “ทรราชของเสียงข้างมาก” อีกครั้ง รัฐบาลก็จงรับชะตาร้ายไปเต็มๆ
ในข้อเขียนเรื่อง “กระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคนสู่ประชาธิปไตย” สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตโต) ชี้ถึงการตัดสินใจของคนว่า
“เสียงข้างมากตัดสินความเป็นจริงไม่ได้ ตัดสินความถูกต้องไม่ได้ แต่ตัดสินความต้องการได้”
ท่านชี้ว่า ถ้าคนตัดสินใจด้วยความต้องการที่ผิด (เช่น การตัดสินใจปล้นของเหล่าโจร-ผู้เขียน) การตัดสินใจนั้นก็จะผิด ก่อให้เกิดผลร้าย จึงต้องทำให้คนมีความรู้ มีสติปัญญา เพื่อให้เกิดการตัดสินใจด้วยเสียงแห่งปัญญา
เมื่อ อดอล์ฟ ฮิตเล่อร์ ผ่านการเลือกตั้ง นำพรรคนาซีจัดตั้งรัฐบาลผสม เขาแก้ไขรัฐธรรมนูญเยอรมันมาตราเดียว คือให้ฝ่ายบริหารสามารถออกกฎหมายได้ โดยจะต้องได้รับเสียง 2 ใน 3 ของสภา เขาสั่งยุบพรรคการเมืองอื่นทั้งหมด ให้เหลือเพียงนาซีพรรคเดียว แล้วออกกฎหมายให้การสังหารชาวยิวไม่เป็นความผิด ดำเนินนโยบายรังเกียจเชื้อชาติ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไป 11 ล้านคน ในที่นี้เป็นชาวยิวถึง 6 ล้านคน นำเยอรมันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองเต็มรูปแบบ แต่ก็พ่ายแพ้ในที่สุด
ฮิตเล่อร์นั้นเอง เป็นตัวอย่าง “ทรราชเสียงข้างมาก” ที่ใช้อำนาจเด็ดขาด เป็นตราบาปที่โลกไม่ลืม
การใช้เสรีภาพที่เกินขอบเขตความรับผิดชอบ ไม่เคารพเสียงข้างน้อย ทำให้เยอรมันมีศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาทำหน้าที่ถ่วงดุลเสียงข้างมากที่ฉ้อฉล กลายเป็นโมเดลที่ 13 ประเทศอื่นๆ ในโลกนำไปเป็นแบบอย่าง
ศาลรัฐธรรมนูญในประเทศไทยก็เกิดขึ้นด้วย นัยเดียวกัน
รัฐบาลไทยกำลังเดินตามรอย “ทรราชเสียงข้างมาก” พยายามอ้างว่าร่าง พรบ. บ่อนกาสิโนเป็นการทำให้ถูกกฎหมาย ทั้งๆ ที่มันผิดทั้งกฎหมาย (Legality) และขาดความชอบธรรม (Legitimacy) ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งอาจพูดได้ว่าเป็นการ “ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน” ที่เลือกรัฐบาลเข้ามาเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างเศรษฐกิจที่พึ่งตนเองอย่างยั่งยืน แต่รัฐบาลเลือกที่จะสร้างบ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ ไว้เป็นมรดกบาปของแผ่นดินให้ลูกหลานสาบแช่งและรับกรรมกันต่อไปไม่รู้จักจบสิ้น
บทความโดย :
ประสาร มฤคพิทักษ์