“...สำหรับสังคมไทยเอง ความเป็นประเทศและเมืองแห่งพุทธศาสนาก็จะมัวหมองกลายเป็นเมืองที่สนับสนุนให้คนส่วนหนึ่งในชาติต้องยังชีพหรือมีอาชีพโดยต้องอาศัยการพนัน และมีบางส่วนที่ติดการพนัน เป็นแหล่งดึงดูดให้มีกลุ่มที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวมาเล่นพนันนำเงินที่ผิดกฎหมายมาฟอก แปลงเป็นเงินที่ออกมาจากกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย และหากการบังคับใช้กฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบธุรกิจย่อหย่อน ก็จะทำให้ให้เกิดปัญหาทางสังคมที่ยากจะแก้ไขและตามมาด้วยความสูญเสียทางเศรษฐกิจ รายได้ที่ประเทศจะได้จริงตามที่คาดไว้ก็จะลดน้อยลงและอาจมีผลต่อความอยู่รอดของธุรกิจของผู้ประกอบการตลอดจนความเสื่อมโทรมของเมืองพื้นที่กาสิโนและชุมชนตามมาเป็นลำดับ...”
หมายเหตุ: รายงาน“การประเมินและพัฒนานโยบายสาธารณะกรณี(ร่าง)พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ….”จัดทำโดย ศาสตราจารย์ ดร.วรเดช จันทรศร ราชบัณฑิต ประเภทวิชาสังคมศาสตร์ สาขาวิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์เพื่อเสนอต่อที่ประชุมราชบัณฑิตและภาคีสมาชิกสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง ราชบัณฑิตยสภา เมื่อวันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2568 ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบต่อรายงานดังกล่าวที่ให้ยุติการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงฯหรือกาสิโนต่อสภาผู้แทนราษฎรเป็นวาระเร่งด่วนในวันที่ 3 เมษายน เพราะจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงหลายอย่างตามมา
(- มติราชบัณฑิตค้าน รบ.นำร่าง กม.กาสิโนเข้าสภา-ได้ไม่คุ้มเสีย สร้างสารพัดปัญหาร้ายแรง)
จุดยืนหลักในการประเมินนโยบายตามร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ของผู้เขียน คือ การให้ความสำคัญกับอนาคตระยะยาวมากกว่าผลลัพธ์ระยะสั้นเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ไม่ใช่เพียงสร้างรายได้ทันที แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจสังคม และศีลธรรมในระยะยาว
หากประเทศไทยออกกฎหมายกาสิโนโดยไม่คำนึงถึงความยืดหยุ่นในระยะยาว อาจทำให้เกิดผลเสียที่แก้ไขได้ยาก เช่น การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรม และปัญหาหนี้สิน ค่านิยมทางสังคมที่เสื่อมทราม
รัฐบาลควรสนับสนุนการตัดสินใจบนพื้นฐานของผลประโยชน์ระยะยาว นโยบายกาสิโนควรมุ่งเน้นไปที่การปกป้องคุ้มครองผู้บริโภค เช่น การกำหนดวงเงินเดิมพัน การจำกัดการโฆษณาการพนัน และการสร้างระบบตรวจสอบพฤติกรรมการพนันเพื่อลดผลกระทบด้านลบ
รายได้จากกาสิโนอาจถูกนำไปลงทุนในโครงการที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนทางสังคมในระยะยาวและลดผลกระทบทางลบของการพนันให้มากเท่าที่จะทำได้ เช่น การศึกษา การพัฒนาแรงงาน และการลดความเหลื่อมล้ำเพื่อทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคมเชิงบวกในวงกว้าง
ผู้เขียนได้เสนอให้รัฐบาลยุติหรือชะลอนโยบายนี้ไว้ก่อนโดยไม่ต้องนำร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯเสนอเข้าสู่รัฐสภา และได้เสนอกรอบการพัฒนานโยบายนี้ให้มีความยั่งยืนโดยเน้นการวางแผนระยะยาว คำนึงถึงผลกระทบทางสังคม ลดความเสี่ยงที่จะให้สังคมติดอยู่กับค่านิยมที่ขัดต่อศีลธรรมและนโยบายที่ไม่ยืดหยุ่นเพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนและพัฒนานโยบายได้ในอนาคต
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568 อนุมัติหลักการร่าง พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. (ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ)ตามที่กระทรวงการคลังเสนอและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนโดยให้ความสำคัญกับการกำหนดโครงสร้างของกฎหมายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการบรรลุตามนโยบายของรัฐบาล การสร้างความชัดเจนในการกำกับดูแลและการป้องกันผลกระทบเชิงลบด้านสังคม การกำหนดพื้นที่สถานที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรให้มีความเหมาะสม การกำหนดผู้รักษาการตามร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ การพิจารณาความคุ้มค่าในการจัดตั้งสำนักงานกำกับสถานบันเทิงครบวงจร ความเหมาะสมขององค์ประกอบคณะกรรมการบริหาร การบูรณาการประสานงานระหว่างหน่วยงาน และการสร้างการรับรู้ต่อสังคมในวงกว้าง
รายงานนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะประเมินร่าง พ.ร.บ.สถานบริการฯ ว่า มีความเหมาะสมก่อให้เกิดประโยชน์ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลหรือมีผลในทางลบอย่างไรหรือไม่เพียงใด โดยในการประเมินจะได้นำเสนอองค์ความรู้ทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงฯตลอดจนความคิดเห็นและแนวทางตามหลักวิชาการในการประเมิน ปรับปรุงและพัฒนานโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะในวงกว้างและเกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
1. หลักการ เหตุผล และสาระสำคัญของร่างกฎหมาย
เหตุผลในการตรา พ.ร.บ.นี้ เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นการบริการหลักที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นจำนวนมาก ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น รวมทั้งให้มีสถานบันเทิงที่ครบวงจรที่มีกาสิโน อันจะเป็นประโยชน์ก่อให้เกิดการลงทุนและนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ตลอดจนส่งเสริมการจ้างแรงงานในประเทศด้วย ดังนั้น จึงจำต้องมีมาตรการควบคุมและกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรให้มีมาตรฐานและเหมาะสม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ เพื่อมิให้การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างร้ายแรง
ร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงฯ ประกอบด้วย 7 หมวด 104 มาตรา โดยมีสาระโดยสรุปดังนี้
(1) ในบททั่วไป กำหนดให้การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรกระทำได้เฉพาะที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้โดยมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายร่วมกัน
(2) กำหนดให้ (2.1) มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรมีหน้าที่และอำนาจเสนอแนะนโยบายต่อคณะรัฐมนตรี เรื่องการกำหนดจำนวนใบอนุญาต พื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร หลักเกณฑ์การพิจารณาร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน มาตรการป้องกัน แก้ไขและเยียวยาผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร การกำหนดพื้นที่ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เสนอแนะอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับกาสิโนต่อคณะรัฐมนตรี ออกใบอนุญาต ต่อและเพิกถอนใบอนุญาต และกำหนดพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร (ต้องไม่เกินร้อยละสิบ)
(2.2) มีคณะกรรมการบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรมีหน้าที่และอำนาจออกประกาศเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขของการดำเนินการอนุญาตและการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร การควบคุม และมาตรการบังคับ
(2.3) มีสำนักงานฯมีหน้าที่และอำนาจศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและเสนอหลักเกณฑ์และแนวทางป้องกันแก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบดังกล่าว ตลอดจนทำแผนยุทธศาสตร์ แผนการดำเนินงาน แผนการใช้จ่ายและงบประมาณรายจ่ายประจำปี (2.4) บรรดารายได้ของสำนักงาน (ตามวรรคหนึ่งของมาตรา 26) ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
(3) กำหนด แนวทางการอนุญาตและการประกอบธุรกิจสถานบริการครบวงจรโดยผู้ขอรับใบอนุญาตต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทยมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาทและให้ผู้ขอรับใบอนุญาตยื่นคำขอรับใบอนุญาตพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงาน
(3.1) กรณีที่คณะกรรมการนโยบายมีมติให้ออกใบอนุญาตให้ผู้ขอรับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแล้วผู้อำนวยการจึงจะออกใบอนุญาตให้ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับชำระค่าธรรมเนียมซึ่งใบอนุญาตดังกล่าวจะระบุว่าผู้ขอรับใบอนุญาตจะประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีท้ายประเภทใดได้บ้าง(ต้องลงทุนในการประกอบธุรกิจอย่างน้อย
4 ประเภทตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติร่วมกับกาสิโน)และให้กำหนดเงื่อนไขไว้ด้วยว่าการประกอบธุรกิจของผู้รับใบอนุญาต จะต้องเป็นไปตามเอกสารประกอบการดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่แนบท้ายใบอนุญาตด้วย
และ (3.2) กำหนดให้ใบอนุญาตมีอายุ 30 ปีนับแต่วันที่ได้รับอนุญาต
(3.3) ส่วนใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงที่ได้รับใบอนุญาตให้มีอายุตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
(3.4) กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และ (3.5) หากจำเป็นต้องมีการพิจารณาเพื่อร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนก็จะมีการกำหนดวิธีการกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินงานไว้เป็นการเฉพาะเพื่อใช้บังคับแก่กรณีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรนี้ด้วย
(3.6) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรให้ได้รับยกเว้นเกี่ยวกับการกำหนดวันเวลาเปิดปิดและสถานที่ตั้งของสถานบริการตามกฎหมามว่าด้วยสถานบริการ การกำหนดเวลาและสถานที่ห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเขตสูบบุหรี่ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
(4) การประกอบธุรกิจกาสิโนนั้นกำหนดให้จัดให้มีขึ้นได้เฉพาะในสถานบันเทิงครบวงจรเท่านั้น โดยให้การเล่นพนันกาสิโนเป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
(4.1) โดยมิให้นำกฎหมายว่าด้วยการพนันและมาตรา 853 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับและ (4.2) ให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินด้วย (4.3) ในการตั้งกาสิโนผู้รับใบอนุญาตจะต้องดำเนินการจัดเขตบริเวณของกาสิโนให้แยกต่างหากจากสถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงอื่นแล้วแต่กรณีและจัดให้มีทางเข้าออกหรือระบบลิฟต์เฉพาะเพื่อให้ผู้ประสงค์จะเข้ากาสิโนเข้าได้เท่านั้นและ
(4.4) ยังต้องควบคุมการเข้าออกโดยมีการตรวจสอบและลงทะเบียนหนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารระบุตัวตนอื่นของผู้เข้าไปในกาสิโน
(4.5) ทั้งนี้ผู้รับใบอนุญาตจะต้องจัดให้มีสัญลักษณ์โดยอย่างน้อยต้องแสดงให้ทราบถึงบริเวณของกาสิโนเขตควบคุม การเข้าออกที่ต้องตรวจสอบตัวตนและเงื่อนไขของบุคคลผู้จะเข้าไปในกาสิโน
(4.6) ข้อห้ามและข้อปฏิบัติในกาสิโนให้ชัดเจนและ
(4.7) จะต้องจัดให้มีผู้จัดการ พนักงานที่เกี่ยวข้องกับการพนันซึ่งจะทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นพนันเพื่อปฏิบัติงานกาสิโนด้วย
(5) กำหนดให้มีการควบคุมและมาตรการบังคับแก่ผู้รับใบอนุญาตโดยให้คณะกรรมการนโยบายกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการประกอบการกาสิโนในเรื่อง
(5.1) การจัดให้มีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน***
(5.2) ระบบการควบคุมกาสิโนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
(5.3) มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากกาสิโน
(5.4) กำหนดลักษณะของบุคคลที่ห้ามเข้ากาสิโน โดยบุคคลสัญชาติไทยซึ่งจะเล่นพนันในกาสิโนต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่าหกเดือน และผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
(5.5) ผู้รับใบอนุญาตซึ่งประกอบกิจการกาสิโนและเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของกาสิโนต้องควบคุมไม่ให้ผู้จะเข้าไปหรืออยู่ในกาสิโน:นำอาวุธเข้าไปในกาสิโน/มีการเล่นพนันโดยฝ่าฝืนหรือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการเล่นและรายละเอียดการเล่นในกาสิโน/กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด/กระทำความผิดในลักษณะเพื่อการค้าประเวณี/หรือมีอาการมึนเมาจนประพฤติวุ่นวายหรือครองสติไม่ได้/หรือกระทำการอันเป็นการขัดขวางการประกอบธุรกิจ/หรือก่อให้เกิดความไม่สงบ
(6) กำหนดห้ามบุคคลจัดให้มีการเล่นพนันในกาสิโนผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือถ่ายทอดการเล่นพนันเพื่อให้บุคคลภายนอกกาสิโนเล่นพนันได้ รวมทั้ง
(6.1) ห้ามผู้รับใบอนุญาตหรือบุคคลใดเชิญชวนโฆษณาประชาสัมพันธ์จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายหรือดำเนินการอื่นที่มีลักษณะในทำนองเดียวกันเกี่ยวกับกาสิโน เว้นแต่จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
และ (6.2) ยังห้ามผู้รับใบอนุญาตหรือบุคคลใดจ้างหรือให้ผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดแก่บุคคลอื่นเพื่อเพิ่มยอดหรือจำนวนคนเล่นพนันในกาสิโนหรือเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายในการเล่นพนันในกาสิโน
(7) กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหน้าที่และอำนาจ
(7.1)เข้าไปในสถานบันเทิงครบวงจรหรือสถานที่ตั้งของผู้รับใบอนุญาต
(7.2) เรียกเอกสารหรือหลักฐานจากผู้รับใบอนุญาตหรือผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งเรียกให้บุคคลดังกล่าวมาให้ถ้อยคำ (7.3) มีอำนาจเข้าถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของกาสิโน
(7.4) ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
(7.5) สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตหรือพนักงานของกาสิโนหยุดการให้บริการในกาสิโนหรือสั่งให้หยุดเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกาสิโนทั้งหมดหรือบางส่วน
(7.6) สั่งให้ผู้เข้าในกาสิโนแจ้งชื่อหรือข้อมูลอื่นใดพร้อมหลักฐาน
(7.7) ตรวจสอบการดำเนินงานของผู้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับการเชิญชวนโฆษณาประชาสัมพันธ์หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเกี่ยวกับการกาสิโนแล้วรายงานต่อผู้อำนวยการตลอดจน
(7.8) รับและตรวจสอบเรื่องร้องเรียนหรือข้อพิพาทจากผู้ใช้บริการกาสิโน
(8) กำหนดให้มีบทกำหนดโทษทั้งโทษทางอาญาและมาตรการปรับเป็นพินัย เช่น
(8.1) ผู้รับใบอนุญาตที่ปล่อยประละเลยหรือยินยอมให้บุคคลต้องห้ามเข้าไปในกาสิโนต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยไม่เกิน 100,000 บาท
(8.2) บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีหรือไม่ได้ลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือเป็นผู้ซึ่งผู้อำนวยการสั่งห้ามเข้าไปในกาสิโนต้องชำระค่าปรับเป็นไม่เกิน 50,000 บาท
(8.3) ในกรณีที่มีผู้พาบุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ให้ผู้พาบุคคลดังกล่าวเข้าไปในกาสิโนเป็นผู้ชำระค่าปรับเป็นพินัย (8.4) ผู้รับใบอนุญาต ผู้มีอำนาจประกอบธุรกิจแทนผู้ได้รับโอนสิทธิ์ตามใบอนุญาตและบริษัทในกลุ่มซึ่งเข้ามาบริหารจัดการสถานบันเทิงครบวงจร ไม่ควบคุมหรือปล่อยประละเลยให้ผู้จะเข้าไปหรืออยู่ในกาสิโนนำอาวุธเข้าไปในกาสิโน มีการเล่นพนันหรือฝ่าฝืนหรือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการเล่นและรายละเอียดการเล่นพนันในกาสิโน กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด กระทำความผิดในลักษณะเพื่อการค้าประเวณีหรือกระทำการอันเป็นการขัดขวางการประกอบธุรกิจหรือก่อให้เกิดความไม่สงบต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
(8.5) ผู้ใดจัดให้มีการเล่นพนันกาสิโนผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือถ่ายทอดการเล่นพนันกาสิโนต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและในกรณีผู้ฝ่าฝืนเป็นผู้รับใบอนุญาตต้องรับโทษเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เป็นต้น
(8.6) ในกรณีที่ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ พนักงานเจ้าหน้าที่ และผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ร่วมดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ กระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ให้รับโทษเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าว
(9) สถานบันเทิงครบวงจร หมายถึง พื้นที่หรือสถานที่ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ ซึ่งได้แก่ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานบริการ สนามกีฬา ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ สวนสนุก และกิจการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด
(10) เพื่อให้การดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระที่ไม่จำเป็น และเป็นการอำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบธุรกิจ ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารเห็นว่ากฎหมายหรือกฎใดก่อให้เกิดความล่าช้าซ้ำซ้อน หรือก่อให้เกิดภาระโดยไม่จำเป็นในการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ให้คณะกรรมการบริหารเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมายหรือกฎนั้น ให้สำนักงานจัดให้มีการประชุมร่วมกันหรือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐหรือเอกชน(มาตรา 6)
2. การประเมินภาพรวมของนโยบายโดยทั่วไป
ในภาพรวมจะเห็นได้ว่า การออกแบบร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงฯตามสาระข้างต้นนี้ มีการกำหนดให้การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรกระทำได้เฉพาะที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายนี้ และในประการสำคัญได้ห้ามไม่ให้มีการพนันออนไลน์ มีการเล่นพนันได้เฉพาะภายในกาสิโนเท่านั้น
ทั้งนี้ได้กำหนดโครงสร้างของกฎหมายให้มีลักษณะพิเศษที่สามารถช่วยให้ผู้เข้ามาลงทุนทำธุรกิจซึ่งต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากมีความมั่นใจว่า รัฐบาลได้กำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาข้อติดขัดทางกฎหมายด้านต่าง ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อความล่าช้าในการดำเนินโครงการเอาไว้ให้แล้ว เพื่อให้กิจการต่าง ๆ อย่างน้อย 4 ประเภทและกาสิโนสามารถเริ่มเปิดดำเนินการไปได้พร้อมกันโดยไม่เกิดความล่าช้าเสียหายต่อผู้มาลงทุน
ในประเด็นอื่น ๆ ร่างกฎหมายนี้ ได้ออกแบบการตัดสินใจเชิงนโยบาย การบริหารงานและการกำกับดูแลไว้ในรูปของคณะกรรมการ ในระดับนโยบายมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเป็นการสะท้อนหลักความรับผิดรับชอบ((Accountability)เพื่อให้ความสำคัญกับนโยบายและทำให้ผู้มาลงทุนมีความมั่นใจ และมีคณะกรรมการบริหาร มีประธานกรรมการซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง มีกรรมการโดยตำแหน่งเป็นข้าราชการระดับปลัดกระทรวง และอธิบดี และผู้ทรงคุณวุฒิ เข้ามาบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมีการเขียนอำนาจหน้าที่ไว้อย่างกว้างขวาง มีลักษณะการวางกรอบไว้อย่างหลวมๆ ให้อำนาจในการใช้ดุลยพินิจไว้อย่างมาก เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในกระบวนการของการนำไปสู่การปฏิบัติ
ในประเด็นของการควบคุมและมาตรการในการบังคับแก่ผู้รับใบอนุญาตได้กำหนดไว้อย่างละเอียดและมีความชัดเจนพอสมควร
มีประเด็นของการให้อำนาจรัฐในการกำหนดจำนวนใบอนุญาต มีความไม่ชัดเจนว่าจะมีการอนุญาตให้จำนวนเท่าไร ตลอดจน การที่รัฐเป็นผู้กำหนดพื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรแทนที่จะเปิดให้มีการแข่งขันซึ่งอาจมีข้อต้องพิจารณาในด้านประโยชน์สาธารณะ รวมทั้งยังมีประเด็นของความคลุมเครือในด้านอัตราและประเภทของภาษีรายได้ที่จะจัดเก็บจากกาสิโน รายได้ที่เหลือให้นำส่งคลังมีวิธีการคิดและ
หักค่าใช้จ่ายอย่างไร
อนึ่ง ในประเด็นที่เป็นเงื่อนไขสำคัญของการที่จะได้รับการสนับสนุนจากสังคมให้ออกกฎหมายนี้ คือ การป้องกันมิให้การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรเกิดผลกระทบเชิงลบต่อสังคมอย่างร้ายแรง และการสร้างการรับรู้ต่อสังคมในวงกว้าง ได้มีการกำหนดไว้อย่างกว้างๆ ยังขาดแนวทางและมาตรการที่ชัดเจนซึ่งคงจะต้องดำเนินการต่อไปอีกพอสมควร ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์จากสังคมว่าเป็นความเร่งรีบของรัฐบาลในการที่จะต้องการออกกฎหมายนี้ สะท้อนความไม่สมบูรณ์ ความไม่มีเวลาเพียงพอและหรือความไม่พร้อมในการออกแบบร่างกฎหมายนี้ในระดับหนึ่ง
ทฤษฎีที่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงฯ และทฤษฎีที่คัดค้าน (ส่งผลทางลบ)
นโยบายสาธารณะที่ดี เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประชาชนส่วนรวมในวงกว้างจะต้องถูกออกแบบโดยมีทฤษฎีทางวิชาการที่เชื่อถือได้เชื่อถือได้รองรับว่า เมื่อมีการกำหนดเป็นนโยบายสาธารณะในรูปของการออกกฎหมายมีผลบังคับใช้และถูกนำไปปฏิบัติแล้วควรจะต้องเกิดผลตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของนโยบายที่กำหนดไว้
ในทางกลับกัน นโยบายที่ใช้ไม่ได้มักจะขาดทฤษฎีทางวิชาการที่เชื่อถือได้รองรับ และในบางกรณีอาจมีทฤษฎีที่ขัดแย้งชี้ให้เห็นว่า หากมีการกำหนดเป็นนโยบายและนำไปสู่การปฏิบัติจะเกิดผลในทางลบหรือผลที่ไม่พึงปรารถนาในด้านอื่น ๆ ตามมา ซึ่งหากนำมาพิจารณาแล้วพบว่า เกิดผลได้น้อย แต่มีผลเสียมาก เกิดผลเสียระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ยิ่งนานยิ่งมากขึ้น รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจก็อาจตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อ
หรือในบางกรณีอาจมีผลเสีย แต่ถ้าสามารถออกนโยบายที่สามารถป้องกัน หรือควบคุมมิให้เกิดผลเสียได้ และทำให้สามารถเกิดผลดีได้ต่อเนื่อง เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างยั่งยืน ก็อาจจะผลักดันให้เป็นนโยบายในรูปของกฎหมาย ดำเนินการให้มีผลบังคับใช้ นำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดความสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป
ทฤษฎีที่สนับสนุน
1. ทฤษฎีการพัฒนาเศรษฐกิจ (Economic Development Theory)– สถานบันเทิงครบวงจรอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างงาน และเพิ่มรายได้จากภาษี
(Joseph Schumpeter’s The Theory of Economic Development: Routledge, 1983).
2. ทฤษฎีการฟื้นฟูเมือง (Urban Regeneration Theory)– สถานบันเทิงครบวงจรถ้ามีการเลือกสถานที่ในการก่อสร้างที่เหมาะสมจะทำให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดึงดูดการลงทุน และเพิ่มมูลค่าที่ดินในพื้นที่
ที่เสื่อมโทรม (Peter Hall)
3. ทฤษฎีการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยการท่องเที่ยว (Tourism-Led Growth Theory) – สถานบันเทิงครบวงจรถ้าสามารถทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับ มีความสมบูรณ์และทันสมัยจะสามารถทำให้เมืองหรือประเทศกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลก(Ronaldo Brau, Alessandro Lanza, and Francesco Pigliaru, 2007; Dogru and Bulut, 2018).
4. ทฤษฎีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ (Agglomeration Theory) – การรวมธุรกิจและบริการต่าง ๆ ไว้ใน
คอมเพล็กซ์เดียวทำให้เกิดประสิทธิภาพและการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น (Edward L. Glaeser, Agglomeration Economics, University of Chicago, 2010).
5. ทฤษฎีหุ้นส่วนภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership (PPP) Theory) – มีรากฐานมาจากทฤษฎีสิทธิในทรัพย์สิน (Property Rights Theory) การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความเป็นเจ้าของผ่านโครงการหุ้นส่วนภาครัฐและภาคเอกชนสามารถเพิ่มแรงจูงใจทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โครงการสถานบันเทิงครบวงจรที่มีการออกแบบที่เหมาะสม ได้รับการสนับสนุนในการดำเนินงานจากภาครัฐ หากมีการลงทุนแล้วภาคเอกชนจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในระยะยาวสูงและต่อเนื่อง มีโอกาสที่จะได้รับการตอบรับ มีการเข้ามาลงทุนจากภาคเอกชน โดยรัฐบาลทำหน้าที่กำกับดูแลเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม(Joseph Stiglitz’s Economics of the Public Sector, W.W. Norton and Company, 2000).
ทฤษฎีที่คัดค้านหรือทฤษฎีที่ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงลบ
1. ทฤษฎีการแตกสลายของสังคม (Social Disintegration Theory) พบว่าการมีสถานบันเทิงครบวงจรโดยเฉพาะการส่งเสริมกาสิโน เป็นส่วนสำคัญของการมอมเมาคนในสังคมการเล่นพนัน การติดการพนันที่แพร่หลายในหมู่ประชาชนอาจทำให้ความสามัคคีของสังคมลดลง ส่งผลให้เกิดปัญหาครอบครัว ความขัดแย้งของสังคมและอาชญากรรมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกรณีของผู้ที่ติดการพนันและมีปัญหาหนี้สิน (Emile Durkheim’s Suicide, 1897).
2. ทฤษฎีกิจกรรมประจำวันอาชญากรรม (Routine Activity Theory) อาชญากรรมเกิดขึ้นเมื่อมีผู้กระทำผิดที่มีแรงจูงใจมีเป้าหมายที่เหมาะสม และขาดการควบคุมดูแล กรณีสถาบันเทิงครบวงจรที่มีการพนัน มีผู้คนหนาแน่น มีการหมุนเวียนของเงินพนันเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน อาจเป็นสถานที่ดึงดูดสำคัญในการฟอกเงิน เป็นแหล่งกำเนิดของการฉ้อโกง และการกู้หนี้นอกระบบ (Lawrence E. Cohen and Marcus Felton, “Social Change and Crime Rate Trends: A Routine Activity Approach,” American Sociological Review, Vol. 44, No. 4: 588-608)
3. ทฤษฎีความเครียด (Strain Theory) ระบุว่าหากบุคคลเผชิญกับความเครียดทางการเงิน(เช่นการสูญเสียเงินจากการพนัน) อาจทำให้เกิดพฤติกรรมอาชญากรรม เช่นการฉ้อโกง การขโมย การกู้หนี้นอกระบบ การลักพาตัว การเรียกค่าไถ่ และ การทำผิดกฎหมายอื่น ๆ (Robert K. Merton’s Social Theory and Social Structure, 1957).
4. ทฤษฎีหน้าต่างแตก (Broken Windows Theory) หากมีการปล่อยให้เกิดอาชญากรรมเล็ก ๆ เกิดขึ้น(เช่นการพนันผิดกฎหมายหรือการโกงภายในกาสิโน) โดยไม่มีมาตรการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ การปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอาจนำไปสู่การก่อตัวของเครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่(James Q. Wilson and George L. Kelling,”Broken Windows: The Police and Neighborhood Safety,” The Atlantic (March, 1982).; George L. Kelling and Catherine M. Coles’s Fixing Broken Windows: Restoring Order and Reducing Crime in Our Communities, Free Press, 1997.
5. ทฤษฎีทางด้านสาธารณสุข (Public Health Theory) ชี้ให้เห็นว่า การติดการพนันเป็นปัญหาสาธารณสุข โดยการเพิ่มจำนวนกาสิโนมากขึ้นในคอมเพล็กซ์เพื่อความบันเทิงหลายๆแห่ง การพนันขยายวงกว้าง ประชาชนในสังคมถูกมอมเมา ติดการพนัน อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต เกิดปัญหาด้านการครองชีพ มีหนี้สินล้นพ้นตัว และมีความขัดแย้งภายในครอบครัว (Brenner and Marmot, 1999; Krueger, 2001; George Rosen’s A History of Public Health, John’s Hopkins University 2015).
การเปรียบเทียบ ทฤษฎีคัดค้าน VS สนับสนุน
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างทฤษฎีที่สนับสนุนและทฤษฎีที่คัดค้านจะเห็นได้ว่า ทฤษฎีที่สนับสนุนมองประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น โดยประโยชน์ของผู้ลงทุนหรือกลุ่มทุนผู้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงและกาสิโนมาก่อน และการลงทุนจะทำให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เกิดแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น มีจุดแข็ง คือ
(1) เกิดการจ้างงานในหลายภาคส่วนเช่น การก่อสร้าง การโรงแรมและการค้าปลีก แต่ทั้งนี้ต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับสัดส่วนการใช้แรงงานไทย และประเภทของงาน
(2) กระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว ภาษี และกิจกรรมทางธุรกิจ
(3) เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ระบบขนส่งและสาธารณูปโภคดีขึ้น
(4) พัฒนาเมือง ช่วยฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมและดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ เกิดความเจริญของชุมชนในบริเวณนั้นตามมา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการคัดเลือกและการกำหนดสถานที่
(5) สร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลาย อาจช่วยลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น การเกษตรหรือการผลิต และ(6) หากประสพความสำเร็จจะทำให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้ผู้คนมาจากที่ต่างๆทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก
แต่สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนี้ ต้องใช้เวลาในการดำเนินการเป็นเวลานานหลายปี มีจุดอ่อนหลายประการ ได้แก่
(1) ต้องใช้เงินลงทุนสูง และมีความเสี่ยง อาจประสบภาวะขาดทุน
(2) ความไม่แน่นอนของตลาด รายได้อาจผันผวนจากวิกฤตเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
(3) ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ อาจทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การก่อสร้างขนาดใหญ่ ทำลายป่า น้ำ และอากาศ
(4) ความท้าทายด้านกฎหมาย ต้องมีการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการทุจริตและการฟอกเงิน
(5) สร้างปัญหาทางสังคม เกิดปัญหาติดการพนัน อาชญากรรม และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
และ (6) อาจถูกต่อต้านโดยเฉพาะในสังคมที่มีค่านิยมเคร่งครัดด้านศีลธรรมและศาสนา
แม้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงทั้งหมดตามความมุ่งหมาย แต่ก็ต้องแลกกับปัญหาต่าง ๆ ทางสังคมที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ การเกิดขึ้นของอาชญากรรมในลักษณะต่าง ๆ ปัญหาความเสื่อมทางศีลธรรมและค่านิยมของสังคมนั้น ๆ จะตามมาและสะสมมากขึ้น
สำหรับสังคมไทยเอง ความเป็นประเทศและเมืองแห่งพุทธศาสนาก็จะมัวหมองกลายเป็นเมืองที่สนับสนุนให้คนส่วนหนึ่งในชาติต้องยังชีพหรือมีอาชีพโดยต้องอาศัยการพนัน และมีบางส่วนที่ติดการพนัน เป็นแหล่งดึงดูดให้มีกลุ่มที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวมาเล่นพนันนำเงินที่ผิดกฎหมายมาฟอก แปลงเป็นเงินที่ออกมาจากกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย และหากการบังคับใช้กฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบธุรกิจย่อหย่อน ก็จะทำให้ให้เกิดปัญหาทางสังคมที่ยากจะแก้ไขและตามมาด้วยความสูญเสียทางเศรษฐกิจ รายได้ที่ประเทศจะได้จริงตามที่คาดไว้ก็จะลดน้อยลงและอาจมีผลต่อความอยู่รอดของธุรกิจของผู้ประกอบการตลอดจนความเสื่อมโทรมของเมืองพื้นที่กาสิโนและชุมชนตามมาเป็นลำดับ
ผลของการเปรียบเทียบข้างต้นนี้ สามารถนำมาสู่ข้อสรุปของการประเมินนโยบายนี้ได้ว่า เป็นนโยบายที่รัฐบาลไม่ควรทำเพราะได้ไม่คุ้มเสีย ได้น้อยและไม่แน่ว่าจะได้ต่อเนื่อง แต่จะมีผลเสียอย่างแน่นอนและมีแนวโน้มจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้อเสนอต่อรัฐบาลก็คือ รัฐบาลควรยุติหรือชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน ไม่นำร่างกฎหมายเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติ
การประเมินจากหลักฐานเชิงประจักษ์: กรณีของประเทศต่าง ๆ
ผู้เขียนได้ใช้ ChatGPT ทำการศึกษาค้นคว้าหาหลักฐานเชิงประจักษ์จากประเทศต่าง ๆ ซึ่งได้มีการดำเนินนโยบายนี้มาก่อนแล้ว โดยได้ทำการศึกษาในประเทศต่าง ๆ ทั้งนอกและในทวีปเอเชีย ดังนี้:
สหรัฐอเมริกา: ประสบความสำเร็จที่ลาสเวกัส เนวาดา ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมกาสิโน แต่ไม่ได้พึ่งพาการพนันอย่างเดียว มีการลงทุนในความบันเทิง มีคอนเสิร์ต การแสดงศิลปะ ร้านอาหาร และชอปปิ้งระดับหรู มีกฎหมายที่เอื้อต่อธุรกิจ อีกทั้งมีนักท่องเที่ยวหลายสิบล้านคนต่อปี ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่แอตแลนติกซิตี้ นิวเจอร์ซีย์ ยุคตกต่ำในช่วงปี 2000-2010 ล้มเหลวเพราะ การแข่งขันที่รุนแรงจากรัฐอื่น เศรษฐกิจตกต่ำในปี 2008 การลงทุนเกินตัวและบริหารผิดพลาด
สหราชอาณาจักร: ประสบความสำเร็จเช่น Aspers Casino(ลอนดอน)ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มุ่งเน้นความบันเทิงแบบครบวงจร มีร้านอาหาร บาร์ และกิจกรรมที่ไม่ใช่การพนัน ควบคุมปัญหาการพนันได้ดี เนื่องจากมีกฎระเบียบที่เข้มงวดในการป้องกันปัญหาการพนัน
แต่อุตสาหกรรมการพนันออนไลน์ของสหราชอาณาจักรกลับเป็นส่วนที่เติบโตมากที่สุดเนื่องจากมีกฎหมายรองรับและควบคุมได้ดี มีตลาดที่เปิดกว้าง มีผู้เล่นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีนวัตกรรมและเทคโนโลยี มีการพัฒนาแพลตฟอร์มที่แข่งขันกับตลาดโลกได้
สวีเดน: การบริหารคาสิโนของสวีเดนมีนโยบายที่แตกต่างจากสหรัฐอเมริกาและสหรัฐราชอาณาจักรโดยรัฐเป็นผู้ควบคุมอุตสาหกรรมการพนันทั้งหมดผ่าน Svenska Spel ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลที่มีอำนาจผูกขาดการดำเนินกิจการกาสิโนแบบภาคพื้นดิน
การควบคุมโดยรัฐบาลทำให้สามารถกำกับดูแลและป้องกันปัญหาการพนันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นความรับผิดชอบต่อสังคม มีการใช้มาตรการจำกัดเงินเดิมพัน ระบบการตรวจสอบอายุและการจำกัดเวลาเล่นเพื่อป้องกันปัญหาการพนัน แต่ในระยะหลังนับจากปี 2019 รายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้เล่นหันไปใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่ากาสิโนภาคพื้นดิน
แอฟริกาใต้: มีอุตสาหกรรมกาสิโนที่ได้รับการควบคุมโดยรัฐบาลและเป็นหนึ่งในตลาดการพนันที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกา
กฎหมายที่สำคัญคือรัฐบัญญัติว่าด้วยการพนันของประเทศ(National Gambling Act 1996) ซึ่งกำหนดให้กาสิโนต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐและมีระบบภาษีที่ค่อนข้างเข้มงวด ซันซิตี้รีสอร์ท(Sun City Resort) เป็นตัวอย่างของ สถานบันเทิงแบบครบวงจรที่ประสบความสำเร็จที่สุด ถือเป็นรีสอร์ทคาสิโนในระดับโลกมีการเปิดให้บริการแต่ปี 1979 และกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและการพนันที่สำคัญ การให้บริการเป็นการผสมผสานความบันเทิงหลายรูปแบบ
นอกจากกาสิโนแล้ว ยังมีโรงแรม สนามกอล์ฟ สวนน้ำ และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แอฟริกาใต้ มีการบังคับใช้กฎระเบียบด้านใบอนุญาตที่เข้มงวดและมีโครงการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการพนันที่ไม่ได้รับการควบคุม รัฐบาลยังบังคับใช้มาตรการจำกัดการใช้จ่ายและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการพนันที่ปลอดภัยเพื่อช่วยลดปัญหาของการเสพติด
ประเทศที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้ จัดได้ว่าเป็นประเทศที่กำกับดูแลการพนันอย่างมีความรับผิดชอบ ได้ผลในระดับหนึ่งโดยใช้มาตรการจำกัดการใช้จ่าย การประเมินความเสี่ยง และการคุ้มครองผู้บริโภค
กรณีตัวอย่างที่ขอยกมาอีกประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ คือ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมกาสิโนที่ได้รับการควบคุมโดยรัฐบาลระดับรัฐ มีกฎหมายเกี่ยวกับการพนันแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ แต่โดยรวมแล้วออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเล่นพนันสูงที่สุดในโลก กาสิโนในออสเตรเลีย เป็นส่วนหนึ่งของคอมเพล็กซ์เพื่อความบันเทิงที่รวมโรงแรม ร้านอาหาร และศูนย์ประชุม
Crown Melbourne เป็นตัวอย่างของคาสิโนที่เป็นศูนย์กลางบันเทิงระดับพรีเมี่ยม เป็นกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่เมลเบิร์น เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของออสเตรเลีย ทำให้มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก มีกิจกรรมความบันเทิงครบวงจรเช่น โรงแรมหรู ร้านอาหารระดับโลก และการจัดงานระดับนานาชาติ ดึงดูดนักพนันระดับสูงจากเอเชีย
อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียถือได้ว่าเป็นตัวอย่างของกรณีที่มีความล้มเหลวบางส่วน มีการสืบสวนพบว่ามีการฟอกเงินผ่านคาสิโนทำให้ Crown Melbourne สูญเสียใบอนุญาตชั่วคราว และยังพบว่ามีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับกลุ่มอาชญากรรมในเอเชีย ทำให้รัฐบาลออสเตรเลียเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าควบคุม ส่งผลให้กาสิโนรีสอร์ทมีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องเครื่องสล็อต(Pokies) ที่มีการแพร่หลายอย่างมาก มีมากกว่า 200,000 เครื่องทั่วประเทศ ทำให้เกิดปัญหาการพนันในระดับชุมชน รัฐบาลต้องเพิ่มมาตรการป้องกันเช่นการจำกัดวงเงินเดิมพันและเวลาการเล่น
นอกจากนี้การแข่งขันที่สูงทำให้บางกาสิโนไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้เพียงพอ มีต้นทุนการดำเนินงานที่สูงโดยเฉพาะค่าจ้างพนักงานและภาษี นอกจากนี้ความเข้มงวดของกฎหมายจึงทำให้กาสิโนบางแห่งถูกยกเลิกหรือถูกบังคับให้ลดขนาด อีกทั้งยังมีเรื่องการขยายตัวของการพนันออนไลน์ การเติบโตของตลาดการพนันกีฬาออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษีแต่ต้องเข้ามาควบคุมอย่างเข้มงวดและในขณะเดียวกันก็มีการออกใบอนุญาตให้กับผู้บริการออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
ในภาพรวม ออสเตรเลีย จึงเป็นกรณีที่มีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว แต่จากการการพนันกีฬาออนไลน์จึงทำให้อัตราการติดการพนันมีสูงมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นปัญหาที่สำคัญของรัฐบาลออสเตรเลียจะต้องเผชิญต่อไป
สำหรับในทวีปเอเชีย จากรายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ(2567, 77) ได้ระบุจำนวนกาสิโนของบางประเทศในทวีปเอเชียไว้โดยเริ่มจาก สิงคโปร์ มีกาสิโนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก 2 แห่ง
ฟิลิปปินส์ มีกาสิโนที่เปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมายกว่า 20 แห่ง
มาเลเซีย มีการเปิดกาสิโนอย่างถูกกฎหมายแห่งเดียวคือกาสิโนเกนติ้งไฮแลนด์
เวียดนาม มีกาสิโนที่ได้รับใบอนุญาตทั้งหมด 7 แห่ง
ลาว มีจำนวนกาสิโน 4 แห่ง
กัมพูชา มีกาสิโนทั้งหมด 150 แห่ง และ มาเก๊า มีจำนวนกาสิโน 41 แห่ง
แต่รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯเป็นแต่เพียงระบุจำนวนกาสิโนของประเทศต่าง ๆ ไว้เท่านั้น ไม่ได้ลงลึกลงไปถึงผลการศึกษาการบริหารกาสิโนในแต่ละประเทศ ผู้เขียนจึงได้ให้ ChatGPT ทำการศึกษาเพื่อดูว่าประเทศในอาเซียนประเทศใดที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ของการบริหารงานกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ได้อย่างได้ผลและประเทศใดมีปัญหาในลักษณะใดบ้าง ซึ่งในรายงานนี้ขอนำเสนอกรณีศึกษาที่สำคัญรวม 4 ประเทศได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย
กรณีศึกษา: สิงค์โปร์
สิงค์โปร์ เป็นตัวอย่างของประเทศที่สามารถบริหารจัดการคอมเพล็กซ์เพื่อความบันเทิงเช่น Marina Bay Sands และ Resorts World Sentosa ได้อย่างมีประสิทธิผล ประสบความสำเร็จโดยใช้กรอบการกำกับดูแลที่เข้มงวดซึ่งสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับมาตรการป้องกันปัญหาสังคม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(1) มีหน่วยงานกำกับดูแลการพนัน (Gambling Regulatory Authority) ที่ดูแลและควบคุมกิจกรรมการพนันทั้งหมด เพื่อให้การพนันเป็นไปอย่างโปร่งใส ปลอดจากอิทธิพลอาชญากรรมและลดผลกระทบเชิงลบต่อสังคม
(2) เป็นประเทศแรกที่ใช้มาตรการคุ้มครองผู้บริโภคและสังคมโดยมีมาตรการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเล่นกาสิโนสำหรับพลเมืองและผู้พำนักถาวรเพื่อลดการเล่นพนันเกินตัว และมีการกำหนดคำสั่งห้ามเข้ากาสิโนมากกว่า 300,000 ราย
(3) มีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับการโฆษณากาสิโนและกำกับดูแลธุรกิจ ผู้นำพาลูกค้าวีไอพีเข้าเล่นพนัน (Junket) อย่างเข้มงวด ต้องผ่านกระบวนการขอใบอนุญาตและตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด ซึ่งช่วยป้องกันการแทรกแซงของกลุ่มอาชญากรรม
(4) มีการเพิ่มบทลงโทษสำหรับการกระทำผิด กฎหมายใหม่เพิ่มโทษสำหรับอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับหนี้พนัน การบันทึกภาพหรือเสียงในคาสิโนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการฝ่าฝืนเงื่อนไขในการเข้าคาสิโน บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะซึ่งใช้บัตรประชาชนปลอมเพื่อเข้าเล่นคาสิโนอาจถูกปรับสูงสุด 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์จากเดิมเพียง 1,000 ดอลลาร์
(5) มีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน โดยกำหนดให้คาสิโนต้องทำการตรวจสอบตัวตนหรือข้อเท็จจริงของลูกค้า (Customer Due Diligence) สำหรับธุรกรรมที่มีวงเงินเกินจากที่กำหนดและเพิ่มความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน
(6) มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อกำกับดูแล ตั้งแต่ปี 2025 สิงคโปร์อนุญาตให้ใช้ระบบการพนันแบบไร้เงินสด (Cashless Gambling) โดยใช้การล้อมรั้วเสมือนจริง (Geofencing) เพื่อป้องกันการเล่นพนันนอกพื้นที่กาสิโน และห้ามใช้เงินตราเข้ารหัสลับหรือสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการฟอกเงิน
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ปีที่ผ่านมาการฟอกเงินในกาสิโนของสิงคโปร์กลายเป็นปัญหาสำคัญโดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการพนันซึ่งมีมูลค่ากว่า 2,000,000,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ กระบวนการฟอกเงินที่ใช้รวมถึงการฝากเงินที่มาจากแหล่งผิดกฎหมายเข้าไปในกาสิโน ผ่านการเดิมพัน และถอนออกมาเป็นเงินที่เหมือนถูกกฎหมายแล้ว
ทางการสิงคโปร์สามารถตรวจพบเครือข่ายฟอกเงินผ่านการสืบสวนเชิงลึก การติดตามธุรกรรมที่ผิดปกติและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการเงิน เช่น หน่วยข่าวกรองด้านธุรกรรมทางการเงินของสิงค์โปร์ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจจับพฤติกรรมน่าสงสัย
จนถึงปัจจุบันสิงคโปร์ได้วางแนวทางแก้ไขโดยออกกฎหมายใหม่เพื่อเสริมความเข้มงวดในการปราบปรามการฟอกเงิน โดยเพิ่มประเภทอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การทำเหมืองผิดกฎหมาย การลักลอบขนขยะ และการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรมที่นำไปสู่การฟอกเงิน
นอกจากนี้รัฐบาลสิงคโปร์ได้เสริมสร้างความเข้มงวดในการแชร์ข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและให้กาสิโนมีภาระหน้าที่ในการตรวจสอบลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง ตลอดจนมีการบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษที่เข้มงวดขึ้นต่อผู้กระทำผิดซึ่งรวมถึงการริบทรัพย์สินที่ได้มาจากการฟอกเงิน
ในภาพรวม แม้ว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสในการใช้กาสิโนเป็นเครื่องมือฟอกเงิน แต่ก็ยังคงมีความท้าทายในเรื่องของการเฝ้าระวังและการปรับตัวของอาชญากรที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ในการฟอกเงิน
กรณีศึกษา: เวียดนาม
เวียดนามมีการกำกับดูแลอุตสาหกรรมกาสิโนอย่างเข้มงวด โดยในอดีต อนุญาตให้เฉพาะชาวต่างชาติเล่นพนันเท่านั้น อย่างไรก็ตามในปี 2017 รัฐบาลได้ออกโครงการนำร่องให้ชาวเวียดนามบางกลุ่มสามารถเล่นพนันกาสิโนในบางแห่งได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่เข้มงวด โดยคาสิโนที่ได้รับอนุญาตต้องอยู่ในรีสอร์ทครบวงจร และมีเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อให้แน่ใจว่าการพัฒนากาสิโนจะเป็นไปเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังคงเผชิญกับปัญหาการพนันผิดกฎหมาย การฟอกเงิน และการเดินทางข้ามพรมแดนเพื่อเล่นพนัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักพนันเวียดนามจำนวนมากที่เดินทางไปกัมพูชา ส่งผลให้มีการไหลออกของเงินทุนและปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูง(Loan Sharking)เพื่อแก้ไขปัญหานี้ รัฐบาลเวียดนามจึงเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายฟอกเงินและกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น สำหรับกาสิโนที่ไม่มีใบอนุญาตหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
กรณีศึกษา: ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย
สำหรับฟิลิปปินส์และมาเลเซียพบว่า ทั้งสองประเทศไม่สามารถควบคุมการพนันที่ผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะการพนันออนไลน์
ฟิลิปปินส์เผชิญกับอาชญากรรมรุนแรงและการฟอกเงิน ในขณะที่มาเลเซียเผชิญกับคาสิโนนอกชายฝั่งที่ผิดกฎหมายฟิลิปปินส์เผชิญปัญหาใหญ่จากอุตสาหกรรมการพนันซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน การค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ แม้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะพยายามปราบปรามการพนันที่ผิดกฎหมายแต่ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอทำให้บ่อนเถื่อน กาสิโนใต้ดิน และการพนันออนไลน์ที่ไม่มีใบอนุญาตขยายตัวขึ้น นอกจากนี้ อัตราอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการพนัน เช่น หนี้พนัน การฉ้อโกงและความรุนแรง ก็เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน
ในขณะที่มาเลเซียมีนโยบายการพนันที่เข้มงวดมากโดยมีเพียงกาสิโนบนบกเพียงแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการ อย่างไรก็ตามการพนันออนไลน์และแพลตฟอร์มนอกชายฝั่งได้เป็นทางเลือกหลักของนักพนันชาวมาเลเซีย ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้ใช้สกุลเงินดิจิทัล และเสนอโบนัสที่ดีกว่า ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องยาก
นอกจากนี้ความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง ในบางช่วงรัฐบาลพยายามออกกฎหมายห้ามการพนันที่เข้มงวดขึ้น ในขณะที่บางฝ่ายต้องการเปิดเสรีบางส่วนเพื่อดึงดูดรายได้จากภาษี ความไม่ชัดเจนนี้สร้างปัญหาให้กับทั้งผู้ให้บริการที่ถูกกฎหมายและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
ในภาพรวมเมื่อพิจารณาในด้านผลกระทบทางสังคม ทั้งสองประเทศคือ ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ประสบปัญหาการติดการพนัน หนี้สินจากการพนัน และอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการพนัน
ผลการศึกษาจากกรณีเชิงประจักษ์ในหลายประเทศที่ยกมานี้สามารถนำมาสู่ข้อสรุปของการประเมินนโยบายนี้ได้ว่า เป็นนโยบายที่หากมีการดำเนินงาน ในระยะแรก อาจจะมีผลได้แต่เมื่อเวลาผ่านไปในอีกระยะหนึ่ง จะเริ่มมีปัญหาตามมาและมีแนวโน้มที่จะทวีมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาจะขยายกลายเป็นระดับประเทศและมีผลต่อค่านิยมของสังคมที่เสื่อมโทรมลง และอาจเป็นประเด็นของชนวนความขัดแย้ง จึงสามารถสรุปได้อีกครั้งหนึ่งว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลไม่ควรทำเพราะได้ไม่คุ้มเสียและมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากขึ้นเรื่อย ๆ และอาจลุกลามขยายวงกว้างเป็นปัญหาระดับชาติ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ในกรณีที่รัฐบาลตัดสินใจจะผลักดันร่างกฎหมายนี้ต่อไป
ในกรณีที่รัฐบาลอาจจะตัดสินใจไม่ฟังเสียงของสังคมและประชาชนโดยรวม ไม่ยินยอมจัดทำประชามติตามที่มีข้อเรียกร้องจากกลุ่มองค์การสาธารณะประโยชน์ที่รณรงค์ต่อต้าน และมุ่งที่จะผลักดันร่างกฎหมายนี้ต่อไป
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อไปนี้มุ่งเน้นไปที่ การเพิ่มการให้ความสำคัญไปที่มาตรการในการแก้ปัญหาสังคมและอาชญากรรม และความพยายามในการเพิ่มประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เกิดมากที่สุด ในขณะที่เพื่อลดความเสี่ยงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
1. นโยบายเสริมความปลอดภัยทางสังคมและป้องกันอาชญากรรม
กำหนดมาตรการด้านนโยบายที่เข้มงวดขึ้นได้แก่
(1) การควบคุมการเข้าถึงและข้อจำกัดในการให้บริการ
- ห้ามคนไทยเล่นการพนัน(ยกเว้นบุคคลที่มีรายได้สูงตามเกณฑ์และผ่านการตรวจสอบเข้มงวด)
- บังคับใช้การตรวจสอบบัตรประชาชนและฐานข้อมูลส่วนกลางของรัฐ
- กำหนดวงเงินเดิมพันรายวัน|รายเดือน เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงินของผู้เล่น
- ระบบแบล็คลิสต์สำหรับผู้ที่มีปัญหาการพนันและบุคคลที่มีประวัติอาชญากรรม
(2) โครงการลดผลกระทบจากการพนันระดับประเทศ
- ตั้งกองทุนเพื่อการพนันอย่างรับผิดชอบ(โดยใช้ภาษีจากกาสิโน) เพื่อสนับสนุนการบำบัดและการรณรงค์ป้องกัน
- ให้บริการบำบัดรักษาและให้คำปรึกษาฟรี สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการพนัน
- จัดตั้งสายด่วนช่วยเหลือปัญหาการพนัน 24 ชั่วโมง
(3) การบังคับใช้กฎหมายและป้องกันอาชญากรรม
- ก่อตั้งหน่วยเฉพาะกิจด้านอาชญากรรมในสถานบันเทิงครบวงจรภายใต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- ใช้ระบบ AI เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์พฤติกรรมต้องสงสัย
- บังคับใช้กฎหมายป้องกันการฟอกเงินอย่างเข้มงวด เพื่อตรวจสอบธุรการแบบเรียลไทม์
- ห้ามเล่นการพนันแบบให้เครดิต (No Credit -Based Gambling) เพื่อลดปัญหาหนี้สินและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง
(4) การคุ้มครองแรงงานและป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์
- กำหนดค่าจ้างและสิทธิแรงงานที่เป็นธรรม สำหรับพนักงานในคอมเพล็กซ์
- นโยบายไม่ยอมรับการค้ามนุษย์และแรงงานบังคับ (Zero-Tolerance Policy)
- มีระบบตรวจสอบภายในและช่องทางร้องเรียนแบบไม่เปิดเผยตัวตนสำหรับพนักงาน
(5) การบรรเทาผลผลกระทบต่อชุมชน
- กำหนดให้ต้องจัดสรรอย่างน้อยร้อยละ 20 ของภาษีจากกาสิโนเพื่อลงทุนในชุมชนท้องถิ่น
- ให้ทุนสนับสนุนด้านสุขภาพจิตการฝึกอาชีพและการศึกษาเพื่อลดผลกระทบทางสังคม
- มีรายงานผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างโปร่งใส
2. กรอบกฎหมายและการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง
เพื่อป้องกันอาชญากรรม การฟอกเงิน และการทุจริต:
- จัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลอิสระ เพื่อดูแลการออกใบอนุญาต การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และความโปร่งใสทางการเงิน
- ใช้มาตรการป้องกันการฟอกเงิน (AML) และกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องเปิดเผยข้อมูลทางการ
- ออกระบบภาษีที่เป็นธรรมเพื่อให้รัฐได้รับรายได้เพื่อนำไปใช้ในบริการสาธารณะ
- กำหนดให้ธุรกิจในสถานบันเทิงแบบครบวงจรต้องมีโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) เช่นการสนับสนุนการศึกษาและการพัฒนาชุมชน
3 . มาตรการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และการจัดสรรรายได้
เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และไม่พึ่งพาการท่องเที่ยวมากเกินไป:
- นำรายได้ภาษีบางส่วนไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และสวัสดิการสังคม
- กระจายแหล่งรายได้ โดยเพิ่มกิจกรรมที่ไม่ใช่การพนัน เช่น พิพิธภัณฑ์ วงการบันเทิง เทคโนโลยี และกีฬา
- ให้สิทธิประโยชน์แก่ธุรกิจท้องถิ่น เพื่อให้ผู้ประกอบอาชีพในชุมชนสามารถเข้าร่วมในห่วงโซ่อุปทานของคอมเพล็กซ์และได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
- จำกัดจำนวนคอมเพล็กซ์เพื่อความบันเทิง เพื่อป้องกันตลาดอิ่มตัวและปัญหาความผันผวนทางเศรษฐกิจ
4. มาตรการคุ้มครองทางสังคม
เพื่อลดปัญหาการติดการพนัน อาชญากรรม และความเหลื่อมล้ำ:
- กำหนดนโยบายการพนันอย่างมีความรับผิดชอบ เช่น โปรแกรมกีดกันตนเอง (Self-Exclusion) ข้อจำกัดอายุ และการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน
- จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ติดการพนัน โดยใช้รายได้ภาษีจากคาสิโน
- เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในพื้นที่โดยรอบคอมเพล็กซ์เพื่อลดอาชญากรรมและกิจกรรมผิดกฎหมาย
- ส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น โดยกำหนดให้มีโควต้าการจ้างงานสำหรับแรงงานในประเทศ
5. กลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมและการวางผังเมือง
เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและป้องกันการพัฒนาเมืองที่ไร้การควบคุม:
- กำหนดให้ต้องมีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนอนุมัติโครงการ
- ใช้มาตรฐานการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบประหยัดพลังงาน การจัดการน้ำ และการลดขยะ
- พัฒนาเมืองอย่างสมดุล เพื่อป้องกันการขับไล่ชุมชนดั้งเดิมและรักษามรดกทางวัฒนธรรม
- ออกแบบระบบขนส่งที่ยั่งยืน เช่น ขยายโครงข่ายขนส่งสาธารณะและพัฒนาโซนเดินเท้าเพื่อลดปัญหาจราจร
6. ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) และการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ
เพื่อให้การพัฒนาเกิดขึ้นอย่างโปร่งใสและมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย:
- สนับสนุนให้ภาคเอกชนลงทุน โดยมีการควบคุมของรัฐที่รัดกุม
- ให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เพื่อให้โครงการเป็นไปตามความต้องการของประชาชน
- ส่งเสริมมาตรฐานแรงงานที่เป็นธรรม เช่น ค่าจ้างที่เหมาะสมและสวัสดิการสำหรับพนักงาน
- ประเมินผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจเป็นระยะ เพื่อนำมาปรับปรุงนโยบาย
7. การบริหารความเสี่ยงและแผนรับมือวิกฤติ
เพื่อป้องกันผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของตลาด:
- พัฒนาแผนสำรองทางเศรษฐกิจ เพื่อรองรับวิกฤติ เช่น โรคระบาด หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- ตรวจสอบสถานะทางการเงินของนักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการ เพื่อป้องกันการล้มละลาย
- ปรับปรุงกฎระเบียบให้ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม
8. การกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของนโยบายให้ชัดเจนและมีความครอบคลุม
ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ ควรมุ่งเน้นที่:
(1) กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมทั้ง กระจายรายได้อย่างเป็นธรรม
(2) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทย โดยไม่พึ่งพาการพนันเพียงอย่างเดียว
(3) ปกป้องสวัสดิการสังคม ด้วยมาตรการป้องกันปัญหาการติดการพนันอาชญากรรมและความเหลื่อมล้ำ
(4) ส่งเสริมการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
(5) สร้างระบบกำกับดูแลที่เข้มแข็ง เพื่อป้องกันการทุจริต การฟอกเงิน และกิจกรรมผิดกฎหมาย
สรุปและความส่งท้าย
รายงานนี้ได้ทำการประเมินร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ โดยการประเมินนโยบายที่เกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้ในภาพรวม โดยพิจารณาจากรากฐานทางทฤษฎีว่ากาสิโนในสถานบันเทิงแบบครบวงจรมีทฤษฎีทางวิชาการใดที่สนับสนุนและมีทฤษฎีทางวิชาการใดที่คัดค้าน ตลอดจนมีการนำหลักฐานเชิงประจักษ์ทางด้านการบริหารจัดการ กาสิโนในสถานบันเทิงแบบครบวงจรของประเทศต่าง ๆ มาเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งได้ข้อสรุปว่า แม้หากร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯนี้เมื่อมีการออกกฎหมายและนำไปสู่การปฏิบัติแล้ว หากประโยชน์ทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นได้จริงทั้งหมดตามความมุ่งหมายก็จะต้องแลกกับปัญหาต่าง ๆ ทางสังคมที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้
การเกิดขึ้นของอาชญากรรมในลักษณะต่าง ๆ ปัญหาความเสื่อมทางศีลธรรมและค่านิยมของสังคมจะตามมาและสะสมมากขึ้นโดยเฉพาะสำหรับสังคมไทยเองก็จะเกิดความมัวหมองเสื่อมทราม ในความเป็นประเทศและเมืองแห่งพระพุทธศาสนา
มีการสร้างค่านิยมทางสังคมที่สนับสนุนให้คนส่วนหนึ่งในชาติ ต้องยังชีพหรือมีอาชีพด้วยการอาศัยการพนัน และมีบางส่วนที่ติดการพนัน อีกทั้งเป็นแหล่งดึงดูดให้มีกลุ่มที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวมาเล่นพนัน นำเงินที่ผิดกฎหมายมาฟอก แปลงเป็นเงินที่ออกมาจากคาสิโนอย่างถูกกฎหมาย
ในกรณีของประเทศไทย ความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่ ยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ มีข้อบกพร่องและปัญหาการทุจริตอยู่มาก จากอดีตถึงปัจจุบันก็ยังมีปัญหาเรื่องบ่อนเถื่อนและการพนันออนไลน์ที่ไม่สามารถดำเนินการปราบปรามให้เกิดผลได้และยิ่งจะมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นปัญหาทางสังคมที่จะทวีมากขึ้นและยากที่จะแก้ไขและจะตามมาด้วยความสูญเสียทางเศรษฐกิจ รายได้ที่ประเทศจะได้จริงตามที่คาดไว้ก็จะลดน้อยลงและอาจมีผลต่อความอยู่รอดของธุรกิจของผู้ประกอบการตลอดจนความเสื่อมโทรมของเมืองพื้นที่กาสิโนและชุมชนตามมาเป็นลำดับ
ในประการสำคัญอาจจะกลายเป็นปัญหาในระดับชาติและเป็นชนวนของความขัดแย้งของคนในสังคม
จึงเสนอสรุปผลของการประเมินนโยบายนี้ว่า เป็นนโยบายที่รัฐบาลไม่ควรทำเพราะได้ไม่คุ้มเสีย ได้น้อยและไม่แน่ว่าจะได้ต่อเนื่อง แต่จะมีผลเสียอย่างมากและมีแนวโน้มจะมากขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลจึงควรยุติหรือชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน ไม่นำร่างกฎหมายเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติ
อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลจะผลักดันนโยบายนี้เป็นกฎหมายและนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป รายงานนี้ มีข้อเสนอเพื่อพัฒนาร่างกฎหมายนี้ในเชิงนโยบาย ให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการโดยเน้นมาตรการที่สำคัญคือ การเพิ่มการให้ความสำคัญที่มาตรการในการแก้ปัญหาสังคมและอาชญากรรมและมาตรการอื่น ๆ ที่มุ่งการเพิ่มประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เกิดมากที่สุดตลอดจนมีมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน สังคม และประเทศ อย่างยั่งยืน
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงการคลัง (2568). “การรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. (ร่าง
พ.ร.บ. สถานบันเทิงฯ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว.”
วรเดช จันทรศร (2565). ทฤษฎีการนำนโยบายสาธารณะไปปฎิบัติ, พิมพ์ครั้งที่ 8. พริกหวาน.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (2568). “ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ….
(ร่างที่ สคก. ตรวจพิจารณาแล้ว เรื่องเสร็จที่ 261\2568).”
สภาผู้แทนราษฎร (2567). รายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิด
สถานบันเทิงครบวงจร(Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อ
ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ. กรุงเทพมหานคร: สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
ChatGPT (2025, March 24). การบริหารกาสิโนในประเทศต่าง ๆ [Chat]. https://chatgpt.com
Chow, Brian (2004). Entertainment for Sale: Urban Development Centers and Their Impacts on
the Host Communities. University of British Columbia.
Cohen, Lawrence E. and Marcus Felton (1979). “Social Change and Crime Rate Trends: A Routine
Activity Approach.” American Sociological Review, Vol.44, No.4:588-608.
Durkheim, Emile (1897). Suicide. Fe’lix Alcan.
Glaser, Edward L. (2010). Agglomeration Economics. University of Chicago.
Kelling, George L. and Catherine M. Coles (1997). Fixing Broken Windows: Restoring Order and
Reducing Crime in Our Communities. Free Press.
Merton, Robert K. (1957). Social Theory and Social Structure. Free Press.
Rosen, George (2015). A History of Public Health. John’s Hopkins University.
Schumpeter, Joseph (1983). The Theory of Economic Development. Routledge.
Stiglitz, Joseph (2000). Economic of the Public Sector. W.W. Norton and Company.