
“...รัฐบาลจะไปพูดถึงปัญหาเรื้อรังมันคงไม่ได้คะแนนจริงไหม?? จริง ๆ มันแก้ไม่ได้หรอกปัญหาความเหลื่อมล้ำ ประเทศเป็นทุนนิยมมันก็ต้องมีความเหลื่อมล้ำบ้าง? –คนจะสูงต่ำเท่ากันหมดได้ยังไง? คนเราเกิดมานิ้วยังไม่เท่ากันเลย--เป้าหมายเราเอาไว้ปี 70 ได้คะแนนเสียงข้างมากค่อยว่ากันอีกที...”
“ประเทศเขตแคว้นแดนขุขันธ์เรามี wicked problems (ปัญหาเรื้อรัง) เยอะมาก--ว่าตรง ๆ มันแก้ไม่ได้หรอก” --นายกรัฐมนตรีฝ่ายซีอีโอกล่าวความในใจในที่ประชุมลับระหว่างนายกรัฐมนตรีสามคนกับรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายควบคุมเสียงในสภาหนึ่งคน รวมทั้งหมดเป็นสี่คน
“เป็นเพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง-- ใช่ไหมค่ะ” นายกรัฐมนตรีฝ่ายภาพพจน์องค์การเสริม..กระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่าเป็นคำถามครั้งหนึ่งที่ฉลาดที่สุด..
“ไม่ใช่หรอก ผมว่า--บางทีก็เป็นการ “ปั่นปัญหา” นายกรัฐมนตรีอีกคนพูดบ้าง คนนี้เห็นว่ามีตำแหน่งเป็น “ฝ่ายปฏิบัติการ” --พร้อมกับเอ่ยต่อว่า “การปั่นมีหลายรูปแบบ.. ทั้งฝ่ายค้าน ผู้สื่อข่าว แล้วก็นักวิชาการที่ท่านตราหน้าเขาว่าเป็น “ขาประจำ”..
“ผมก็หยอกไปอย่างงั้นแหละ เขาวิพากษ์เราบ่อยเกินไป.. ถ้าไม่เรียกว่า “ขาประจำ” แล้วผมจะเรียกเขาว่า “ขาจร” อย่างนั้นหรือ?? ---แต่เอาอย่างนี้นะ วันนี้ที่ต้องประชุมลับก็เพราะ ท่าน....มาเมืองเรา บินตรงเสียด้วย อยากปรึกษาว่าเราจะเอายังไงกับจีน ตอนนี้เขาส่งมือดีอีกคนมาจ่ออยู่ชายแดน เห็นว่ามีภารกิจลับระดับชาติ ทำท่าไม่กลับง่าย ๆ เสียด้วย” –ซีอีโอถาม “เอ้อ..แล้ว คุณหุ่นกระป๋องไปไหนล่ะนี่”??
“คุณหุ่นกระป๋อง เห็นว่ายังไม่ได้รับรายงาน แล้วก็ยืนยันตามหลักวิชา IR ว่า--เป็นพื้นที่อธิปไตยของเราที่จีนแทรกแซงไม่ได้ครับ--แต่ผมว่าแกไม่รู้เรื่องอะไร แล้วก็ไม่ยากหรอกครับ --ปัญหานี้ ผมรับมือเอง..เดี๋ยวรีบสั่งตัดน้ำตัดไฟกับอินเตอร์เน็ตด่วนเลย... ยังไงเอาให้ทันก่อนฝ่ายภาพพจน์องค์การไปเยือนจีน” ฝ่ายปฏิบัติการกล่าว
“ค่ะ ไม่ต้องห่วง ดิฉันก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด รับรองเรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัว จะเอาให้เดินออกมาจากแค็ตตาล็อกเลย” นายกรัฐมนตรีฝ่ายภาพพจน์องค์การให้คำมั่นสัญญา--พูดพลางนึกถึงรองเท้าคู่ละห้าหมื่นเปล่งแสงสีเงินสะท้อนเข้าตาระยิบระยับคู่นั้น...
“ผมกังวลอยู่นะ--คณะรัฐมนตรีเรา “รำวง” อยู่หลายคน --คนหนึ่งที่เห็นชัดก็ “รัฐมนตรีหนูพุกตัวอ้วน ๆ ขาว ๆ” อุตส่าห์ไปทำพิธีไล่หนูตีงูเห่าแล้ว--ก็ยังไม่เวิร์ก เอายังไงดี --แค่ตัดไฟก็กระเทือนกันไปหมด พรรคพวกเราก็มีด้วยไม่ใช่หรือ??”
“เอาอย่างงี้น่ะ.. ยังไงก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน --ส่วนการเมืองก็ต้องเล่นบทหลายหน้า ฝ่ายภาพพจน์องค์การ ก็ต้องทำหน้าตาประเทศให้สวยงามก่อน เดี๋ยวผมเข็ญเอานางแบบระดับโลกรุ่นลายครามออกดอกแตกเกร็ดลายงามาเสริมอีกคน คิดว่าน่าจะปลุกกระแสนิยมนางแบบยุคซิกซ์ตี้ได้บ้าง ลึก ๆ ก็ไม่อยากได้เท่าไหร่ ไม่รู้รุ่นปูนไหนแล้ว ..ยังเรียกอีกตั้งหลายล้าน” --ซีอีโอจอมวางแผนรำพึงได้ยินเสียงเบา ๆ
“แต่ท่านก็ได้พูดไปแล้วว่าคนเมืองเหนือบ้านเราสวยกว่าอาฟริกา “ดังเขา” แหมบกว่าเรา” --เสียงรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายคุมเสียงในสภาซึ่งเป็นคนเหนือท้วงขึ้น
“โรงงานเรา..เอ้ย ประเทศเรา--แหมผมก็หลุดอยู่เรื่อย..” --ว่าแล้วนายกรัฐมนตรีฝ่ายซีอีโอหัวร่อในลำคอหึหึ--มันต้องเร่งรับมือเฉพาะหน้า...เอาละ นางแบบก็นางแบบ..ว่าไปแล้ว..ก็ต้องทำไปตามนั้น ความลับทางการเมืองมีง่าย ๆ พูดแล้วเหยียบไว้น่ะ.. เอาให้มันหวือหวาเข้าไว้ --คิดอะไรใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ ถ้าอยู่เฉยเขาจะหาว่าเป็นรัฐบาลอัลไซเมอร์”
“รัฐบาลจะไปพูดถึงปัญหาเรื้อรังมันคงไม่ได้คะแนนจริงไหม?? จริง ๆ มันแก้ไม่ได้หรอกปัญหาความเหลื่อมล้ำ ประเทศเป็นทุนนิยมมันก็ต้องมีความเหลื่อมล้ำบ้าง? –คนจะสูงต่ำเท่ากันหมดได้ยังไง? คนเราเกิดมานิ้วยังไม่เท่ากันเลย--เป้าหมายเราเอาไว้ปี 70 ได้คะแนนเสียงข้างมากค่อยว่ากันอีกที...”
“เอายังไงดีกับการแก้รัฐธรรมนูญครับ?” เสียงรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายคุมเสียงสภาถามถึงภารกิจเฉพาะหน้า
“คุณก้อ..เรารู้อยู่แล้วมันแก้ไม่ได้!! ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า “symbolic action” --คุณรู้ไหม นักการเมืองรู้ว่าทำไม่ได้ แต่ต้องทำท่าขึงขังว่าจะทำ--มันจะแก้ได้หมดทุกมาตราได้ยังไง ฝ่ายตะลาการจ้องอยู่ ขืนแก้ไป ก็โดนยุบพรรคกันหมด--เอาแค่ทำท่าแก้น่ะ..คุณรู้ไหม? คุณก็พูดไปสิ เอาให้ขึงขังเลยนะว่าจะต้องแก้ โดยไม่ต้องมีการลงประชามติ--เอาใจคนรุ่นใหม่ไปก่อน..
“ใครไม่แก้ให้ออกจากรัฐบาลไปเลย! --โดยเฉพาะพวกหนูพุกน่ะ ทำอะไรบ้าง..มีแต่กินแล้วก็นอน อ้วนเป็นหนูเชียว!...”
“แต่อย่างว่า...เอาเข้า ๆ จริง ๆ เรากับพวกหนูพุกก็ขาดกันไม่ได้... ทำท่าขึงขังกันไปอย่างนั้นแหละ!! พอหลังเลือกตั้งทีไรก็ต้องจับมือกัน--มันเหมือนละคร --เพราะว่า..ชีวิตคือละคร... ท่านอากาศดำเกิงเขียนไว้” ซีอีโอเปิดเผยความจริง
“อย่างน้อยก็ “ตก” เสียงพรรคส้มมาเป็นพวก--แล้วก็เสียงคนรุ่นใหม่ด้วย..ยุทธวิธีนี้มันเป็นวิธีการบ่อนเซาะพรรคส้มในตัวเอง--เป็นจ๊อบหลักของเรา”
“พรรคส้มนะ --ความจริงเราทำลายเขาไม่ได้ ถ้าไม่มีพรรคส้มเลย คือ ถ้าพรรคส้มเป็นศูนย์ ก็ไม่มีพรรคเรา--ผมกลับประเทศได้ก็เพราะเขา--จริง ๆ เขามีบุญคุณกับเรา แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องกดพรรคส้มเอาไว้ ให้พรรคนั้นใหญ่มากไม่ได้..เด็กไม่มีประสบการณ์ ทำงานจริงไม่ได้... เอาแค่กันไว้ ไม่ให้โตมาก เอาไว้เผื่อต่อรอง...พวกนั้นน่ะเด็กเกินไปที่จะรู้เท่าทันเรา..แค่เราทำท่าดีด้วย เขาก็กระโดดคว้าหมับอย่างที่เห็น...”
“การแก้รัฐธรรมนูญ มันเป็น “public attention” คุณรู้ไหม?? คำนี้มันหมายความว่ามันขึ้นอยู่กับกระแสความสนใจทางการเมืองของ “คนเมือง” --แล้วพวกนี้มันมั่นคงที่ไหน?--เอาลมเอาแล้งไม่ได้ เดี๋ยวก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว รอกระแสคนเมืองอ่อนตัวลง เราค่อยว่ากันใหม่..ค่อยคิดมุกใหม่”--
“แล้วภารกิจที่มอบให้หนูไปเมืองจีนละค่ะ” นายกรัฐมนตรีฝ่ายภาพพจน์องค์การถาม
“ก็ไม่มีอะไรมาก ยิ้มอย่างเดียว..ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูดอะไร คนฟังเขาจะรู้...!! อย่าลืมเอาไอแพ็คไปด้วย.. นึกอะไรไม่ออกก็ทำท่าเปิดไอแพ็ค”..อาเตี่ยสอน
“ในนั้นไม่มีอะไรเลยน่ะคะ พวกเลขาฯ เอาอะไรมาใส่ไว้บ้าง --บางทีหนูไม่ได้ดูเลย” นายกรัฐมนตรีฝ่ายภาพพจน์องค์การกล่าวอย่างงง ๆ --แต่ก็นึกถึงคำพูดอาเตี่ย “ยิ้มเข้าไว้”...
“ผมอยากรายงานท่านเหมือนกันครับว่าตอนนี้ “คนใหญ่คนโตของจีน--เขาเอาจริง” ฝากเรามาว่า “ทำไมเราไม่ดูแลบ้านเมืองเรา??” --ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาฝากจริง หรือว่าเป็นข่าวปล่อย..นายกรัฐมนตรีฝ่ายปฏิบัติการถามบ้าง
“โอ้ย..จีนเขาเอาตายอยู่แล้ว --อย่าถามเลยว่าจริงหรือไม่จริง “พวกจีนเทา” มันกลัวที่สุดคือโดนส่งกลับ เขาประหารอย่างเดียว” นายกรัฐมนตรีซีอีโอตอบ
“เราต้องรีบทำตามที่เขากดดัน --ไม่อย่างนั้นเราจะโดนเสียเอง --รีบตัดน้ำตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ตด่วน ย้ายตำรวจได้--ก็รีบย้าย ส่งสารออกไปให้ชัดเจนว่าเราเอาจริง--เสร็จแล้ว รีบตีปี๊บ เราได้เป็นผลงานของเราด้วย เอาใจจีนด้วย --สองต่อเข้าฮอส..”
“ครับผม” นายกรัฐมนตรีฝ่ายปฏิบัติการรับคำ “เดี๋ยวผมดำเนินการเสร็จแล้ว จะรีบให้ฝ่ายภาพพจน์องค์การเสนอต่อสาธารณะ --ขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีซีอีโอมาก --เราได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง..”
“ผมขอถามอีกข้อครับ --แล้วมันจะไม่ขัดกับการเปิดกาสิโนเสรีของเราหรือครับ เห็นหลายคนออกมาท้วงติงว่าเราไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม” ฝ่ายปฏิบัติการถามอีก
“เอาน่า --ก็สิบเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ ผมก็บอกคุณแล้ว ..สิบเปอร์เซ็นต์ก็เท่ากับหนึ่งส่วนสิบ มันมากที่ไหนละ!! คุณอย่าไปบอกเขาสิว่ามันคิดเป็นมูลค่าแสนล้านบาท --เดี๋ยวคนตกใจ!!..ตอบเขาว่าคิดเป็นพื้นที่น้อยนิดของศูนย์การบันเทิงครบวงจรเข้าใจไหม” --ซีอีโอชักมีน้ำโห..เดือดขึ้นมาปุดปุด..
“หนูก็เหมือนกัน วันก่อนบอกนักข่าวให้ไปถามทนาย ..เซ้าซี้เรื่องหุ้นอยู่ได้ --แต่เห็นว่าขอเบอร์ทนายแล้วโทรมาจริง ๆ --หนูเลยสั่งให้ทนายไม่รับสายค่ะ...” นายกรัฐมนตรีฝ่ายภาพพจน์องค์การพลอยขุ่นเคือง...
“เอาถ้าอย่างนั้น เอาตามนี้..ผมขอปิดประชุม เอาให้ลับที่สุดน่ะ --อย่าให้คนรู้นะว่าประเทศเรามีนายกรัฐมนตรีสามคน...”
บทความโดย
เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา