
"...ผมขอเสนอให้ใช้โอกาสนี้ให้เหล่าสภาวิชาชีพทางสุขภาพทุกสาขามาพูดคุยกันเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิแทนการฟ้องร้องโดยอาจจัดทำแนวปฏิบัติร่วมกันระหว่างวิชาชีพอย่างชัดเจน พัฒนาระบบฝึกอบรมและยกระดับศักยภาพเพื่อการพัฒนาการระบบปฐมภูมิร่วมกัน ออกแบบระบบส่งต่อผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ สร้างกลไกติดตามและประเมินผลที่โปร่งใส ต่อไป..."
หมายเหตุ:ผศ.นพ.สุธีร์ รัตนะมงคลกุล อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงคณบดีคณะแพทยศาสตร์ และกรรมการแพทยสภาผู้ทรงเกียรติขอให้การทบทวนการฟ้องร้องโครงการร้านยาชุมชนอบอุ่น: มุมมองจากอาจารย์แพทย์เพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพอย่างยั่งยืน
ในฐานะอาจารย์แพทย์ที่สอนวิชาเวชศาสตร์ชุมชนและการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ ผมขอตั้งข้อสังเกตต่อกรณีฟ้องร้องของแพทยสภาต่อสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสภาเภสัชกรรม ในโครงการ ‘ร้านยาชุมชนอบอุ่น’ ที่มีการรับยาฟรีใน 16 กลุ่มอาการในระบบบัตรทองดังนี้คือ
การสอนนิสิตนักศึกษาแพทย์ในปัจจุบันเป็นไปภายใต้หลักการเรียนรู้ร่วมกันของสหวิชาชีพสุขภาพที่เรียกว่า Interprofessional Education (IPE) เพื่อความร่วมมือระหว่างวิชาชีพในเพิ่มคุณภาพการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาระบบสุขภาพสมัยใหม่ บนเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของเหล่าคณาจารย์ที่ทุ่มเทสร้างการเรียนรู้ระหว่างวิชาชีพให้กับระหว่างนิสิตนักศึกษา การฟ้องร้องของแพทยสภาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการถอยหลังทางความคิด หากยังเป็นการทำลายการพัฒนาระบบสุขภาพที่ดีงามที่จะเกิดขึ้น
ในพื้นที่ชนบทห่างไกล ที่ซึ่งการเข้าถึงบริการสาธารณสุขเป็นเรื่องยากลำบาก โครงการร้านยาชุมชนอบอุ่นคือแสงสว่างแห่งความหวัง การฟ้องร้องของแพทยสภาจะทำลายโอกาสการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนกลุ่มเปราะบาง จึงไม่ต้องการให้ความพยามในการลดความเหลื่อมล้ำนี้ถูกทำลายไป
เภสัชกรไทยในปัจจุบันไม่ใช่เพียงผู้จ่ายยา แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมอย่างเข้มข้น มีความรู้ความสามารถในการคัดกรอง ให้คำปรึกษา และดูแลผู้ป่วยอย่างองค์รวม การจำกัดบทบาทของของเพื่อนร่วมวิชาชีพทางสุขภาพจึงเป็นการแสดงการไม่ให้เกียรติและเคารพในศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ
จึงขอให้คณบดีคณะแพทยศาสตร์ในฐานะกรรมาการโดยตำแหน่งในแพทยสภาและกรรมการแพทยสภาผู้ทรงเกียรติ ได้ทบทวนและถอนฟ้องดังกล่าวเพื่อเป็นเป็นต้นแบบให้กับนิสิตนักศึกษาทางสุขภาพ ช่วยทลายกำแพงระหว่างวิชาชีพสร้างหัวใจแห่งการร่วมมือ และนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพโดยเฉพาะผู้ป่วยที่เข้าไม่ถึงการบริการสุขภาพ ยังเป็นการให้เกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพเภสัชกรเพื่อนร่วมวิชาชีพสุขภาพ
ผมขอเสนอให้ใช้โอกาสนี้ให้เหล่าสภาวิชาชีพทางสุขภาพทุกสาขามาพูดคุยกันเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิแทนการฟ้องร้องโดยอาจจัดทำแนวปฏิบัติร่วมกันระหว่างวิชาชีพอย่างชัดเจน พัฒนาระบบฝึกอบรมและยกระดับศักยภาพเพื่อการพัฒนาการระบบปฐมภูมิร่วมกัน ออกแบบระบบส่งต่อผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ สร้างกลไกติดตามและประเมินผลที่โปร่งใส ต่อไป
ท้ายที่สุด ขอย้ำถึงปณิธานอันสูงส่งของการแพทย์ตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์ไทยที่ว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และ เกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งวิชาชีพไว้ให้บริสุทธิ์” เพื่อสร้างระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ เข้าถึง และเป็นธรรมสำหรับคนไทยทุกคน
ด้วยความเคารพและปรารถนาดี
ผศ.นพ.สุธีร์ รัตนะมงคลกุล
อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.thaipbs.or.th และ https://www.freepik.com

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา