ปฐมบทของการขึ้นสู่อำนาจและไขว่คว้าความสำเร็จของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ รับบทโดย เซบาสเตียน สแตน ที่ปรับลุคตัวเองจนกลายเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ ในวัยหนุ่มในฐานะนักธุรกิจผู้ทะเยอทะยานและใช้ทั้งกลยุทธ์เล่ห์เหลี่ยมทุกชนิดในการสร้างอาณาจักรของตัวเองโดยมี รอย โคห์น ทนายหัวอนุรักษ์นิยมผู้ฉาวโฉ่และได้รับการยอมรับว่าฉลาดหลักแหลมและเหลี่ยมจัดที่สุดในอเมริกาเป็นกุนซือข้างกาย
“กฎของผู้ชนะมีเพียง แค่ 3 อย่าง ข้อแรก โจมตี โจมตี และโจมตี ข้อสองอย่ายอมรับอะไรให้ปฏิเสธทุกเรื่อง ข้อ สุดท้าย ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ให้ประกาศว่าเราชนะไว้ก่อน”
“มาได้ถูกจังหวะ” คงจะสามารถพูดเปรียบถึงการมาของหนังเรื่อง The Apprentice มาพร้อมๆกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ อย่างพอดิบพอดี หนังเรื่องนี้ทำให้เจ้าของเรื่องราวอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ไร้สาระ หยามหมิ่น และน่ารังเกียจทางการเมือง การออกฉายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เป็นความพยายามในการทำร้ายขบวนการทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศเรา” แต่กลับได้เสียงปรบมือชื่นชมของผู้ชมในงานก็ดังขึ้นมาอย่างล้นหลาม และยาวนานถึง 8 นาที จาก การฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 77
The Apprentice ว่าถึงเรื่องราวของ โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ และ อดีตทนายคู่ใจของเค้า รอย มาร์คัส โคห์น ในสมัยตั้งแต่ โดนัลด์ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ใส่สูทเก็บค่าเช่าอะพาร์ตเมนต์ ที่อยู่ใต้ร่มเงาธุรกิจของพ่อ สำหรับเรื่องราวส่วนใหญ่ในหนัง ก็ค่อนข้างไม่ได้มีอะไรแปลกมาก เพราะก็เป็นเรื่องราวเส้นทางของ โดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนจะมาลงเล่นการเมือง
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือ การเติบโตของตัวละครทั้งสอง ไปในทางลักษณะแบบกลับด้านกัน ในช่วงแรก โดนัลด์ จะดูเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่ค่อยมั่นใจ อ่อนต่อโลก ไม่ดื่มแม้แต่สุรา แตกต่างจาก รอย ที่เป็นทนายแต่กลับดูถูกกฎหมายอย่างสุดโต่ง ทั้งการพยายามยกเลิกภาษี ข่มขู่ แบล็กเมลฝ่ายตรงข้าม และอื่นๆอีกมากมาย ก่อนที่เหตุการณ์ในเรื่องจะนำพาตัวละครสองตัวนี้ค่อยๆเติบโตกันไปแบบสลับข้างกันอย่างสุดขั้วในช่วงหลัง จนทำให้จากเด็กอ่อนต่อโลกในวันนั้น กลายเป็นปีศาจไปได้
ในด้านตัวละครเอง กลับกลายเป็นว่าตัวละครที่น่าสนใจน้อยที่สุด ดันกลายเป็น โดนัล ทรัมป์ ซะเอง อาจจะเพราะตัวละครของเค้าไม่ได้ถูกเล่าในแง่มุมที่ลึกมาก แต่กลับมีแค่ด้านตื้นๆ หรือรู้แค่เป้าหมายของตัวละคร เท่านั้น ตัวหนังไม่ได้พาเราไปรู้จักกับตัวตนอื่นๆของ โดนัล เท่าที่ควร มีเพียงแค่ด้านที่ดูแย่ๆเท่านั้น กลับกัน ตัวละครที่ดูน่าสนใจที่สุดในเรื่อง กลายเป็น รอย โคห์น ทั้งบุคลิกประหลาดที่ไม่ค่อยเหมือนปกติ บุคลิกที่คัดแย้งกับสิ่งที่ตัวเองพูดมาตลอดทั้งเรื่อง ทั้งการที่เค้าเป็นเกย์ แต่กลับทำงานที่กับคนที่ข่มแหงประชากรเกย์ หรือ การเป็นทนาย แต่กลับไม่เคยเคารพกฎหมาย สิ่งที่ท้าทายจิตใจคนดูที่สุดคือในช่วงท้ายของเรื่อง ทั้งที่เรารู้ว่าตัวละครนี้เป็นคนไม่ดีขนาดไหน แต่ก็ดันรู้สึกสงสารกับบทสรุปของเค้า และน่าเสียดายที่เส้นเรื่องอาจไม่ได้เน้นไปที่ความสัมพันธสองตัวละครนี้เท่าที่ควร
ในส่วนของการแสดงนั้น เซบาสเตียน สแตน สามารถ แสดงบทเป็น โดนัล ทรัมป์ เหมือนจริงซะจนน่าตกใจ แม้ในช่วงแรกๆอาจจะรู้สึกไม่คุ้นกับท่าทางในแบบเด็กอ่อนต่อโลกของเค้า แต่ในช่วงที่เค้ากลายเป็นอีกคนนั้น ทั้งลักษณะการพูด เรียกได้ว่าแสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่วน เจเรมี สตรอง สามารถแสดงหน้าหมั่นไส้ เจ้าเล่ห์ และน่าสงสารของ รอย โคห์น ออกมาได้อย่างดี
ข้อเสียหลักๆ ของหนังเรื่องนี้ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคงเป็นเรื่องของ มุมกล้อง ที่ชวนปวดหัวมากๆ ที่ใส่ความเป็นหนังสารคดี คล้าย Found Footage เพื่อเพิ่มความสมจริงเข้าไปในฉากนั้นๆ แต่ผลลัพธ์คือ สามารถทำให้คนดูเกิดอาการเวียนหัว จนไม่สามารถโฟกัสเนื้อเรื่องบางจุดได้ (โชคดีที่ยังพอคลำๆทางไปต่อได้) อาจจะด้วยการลำดับภาพที่ไม่ต่อเนื่องที่เยอะจนเกินไปด้วย
สำหรับผม นี่เป็นหนังที่อ้างอิงเรื่องราวของบุคคลที่มีอยู่จริง นำมาเล่าได้สนุกมาก มีทั้งอาจจะมีข้อเสียไปบ้างประปราย แต่ก็ยังคงความสนุกของหนังพร้อมมาชมหลักการวิถีของผู้ชนะแบบ โดนัล ทรัมป์ ส่วนในเรื่องที่ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความจริง หรือไม่ ก็โปรดจงจำไว้ครับว่า “กฎข้อที่ 2 ความจริงของทุกคนไม่เหมือนกัน....”
พบ ‘The Apprentice กว่าจะเป็นลุง’ พร้อมกัน
14 พฤศจิกายน 2567
ในโรงภาพยนตร์
รับชม Trailer ได้ที่ :