"...หากแต่การแจกเงินแบบจีนไม่ใช่“เฮลิคอปเตอร์มันนี่” และที่สำคัญ จีนในยุคสีจิ้นผิงจะไม่สนับสนุนการแจกเงินแบบถ้วนหน้า (universal and unconditional) เพราะการแจกเงินหรือแจกสิ่งของให้ประชาชนจนไม่ยอมทำงาน จะทำให้คนขี้เกียจ งอมืองอเท้า เฝ้ารอคอยการช่วยเหลือจากรัฐ สีจิ้นผิงมองว่า จะกลายเป็นปัญหาติดกับดักสวัสดิการ..."
กระแสข่าวการแจกเงินของรัฐบาลจีนในช่วงก่อนวันชาติจีนที่ผ่านมาได้ถูกพูดถึงกันมากในหน้าสื่อหลายสำนักของไทย และมีการใช้คำศัพท์ที่ฟังดูน่าตื่นเต้น เช่น จีนแจกเงินสุดฉ่ำ หรือ จีนแจกเงิน 7 แสนล้านรับวันชาติจีน รวมทั้งบางสื่อพยายามที่จะเปรียบเทียบกับมาตรการแจกเงินของรัฐบาลไทย เช่น จีนเอาบ้าง ! แจกเงินประชาชน หรือ จีนเอาด้วย ! ไทย-จีน แจกเงินเหมือนกัน เป็นต้น
ในความเป็นจริง การแจกเงินแบบจีนในยุคสีจิ้นผิง ไม่ใช่การแจกเงินในลักษณะ“เฮลิคอปเตอร์มันนี่” บทความนี้จึงจะมาวิเคราะห์“การแจกเงินแบบจีน”ในประเด็นต่างๆ เช่น จีนแจกเงินอย่างไร แจกให้ใคร หน่วยงานไหนรับผิดชอบ เป็นต้น โดยสรุปในแต่ละประเด็น ดังนี้
ประเด็นแรก เริ่มจากการทำความเข้าใจว่า #เฮลิคอปเตอร์มันนี่ คืออะไร
โดยทั่วไป การแจกเงินในลักษณะ “เฮลิคอปเตอร์มันนี่” จะเปรียบเสมือนการโปรยเงินจากเครื่องเฮลิคอปเตอร์เพื่อแจกจ่ายเงินที่หล่นลงมาสู่พื้นดินให้กับประชาชน เป็นการอัดฉีดแจกเงินจำนวนมากให้ถึงมือประชาชนโดยเร็ว เพื่อนำไปใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับนโยบายดั้งเดิมในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่จะแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประมาณ 50 ล้านคน โดยจะใช้งบประมาณราว 5.6 แสนล้านบาท จึงถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเงินแจกให้เปล่า ในลักษณะที่เข้าข่ายเป็น “เฮลิคอปเตอร์มันนี่”
หากแต่การแจกเงินแบบจีนไม่ใช่“เฮลิคอปเตอร์มันนี่” และที่สำคัญ จีนในยุคสีจิ้นผิงจะไม่สนับสนุนการแจกเงินแบบถ้วนหน้า (universal and unconditional) เพราะการแจกเงินหรือแจกสิ่งของให้ประชาชนจนไม่ยอมทำงาน จะทำให้คนขี้เกียจ งอมืองอเท้า เฝ้ารอคอยการช่วยเหลือจากรัฐ สีจิ้นผิงมองว่า จะกลายเป็นปัญหาติดกับดักสวัสดิการ
ดังนั้น จีนจะเน้นแจกเงินแบบมุ่งเป้า จะให้เงินช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มที่เดือดร้อนจริงๆ หรือที่เรียกกันว่า “กลุ่มเปราะบาง” เช่น กลุ่มชาวจีนที่ยังคงยากจนข้นแค้น
ทั้งนี้ ในเชิงวิชาการ เฮลิคอปเตอร์มันนี่ เป็นคำที่บัญญัติขึ้นโดยนักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญ คือ Milton Friedman โดยมีลักษณะสำคัญ คือ ธนาคารกลางพิมพ์เงินแจกให้ถึงมือประชาชนโดยตรง (ไม่ต้องผ่านกลไกดอกเบี้ยหรือใช้นโยบายการเงิน) และจำนวนเงินที่จะให้ประชาชนต้องมีสเกลขนาดใหญ่อย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ ที่สำคัญ การใช้นโยบายเฮลิคอปเตอร์มันนี่ ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในกรณีที่การใช้เครื่องมือนโยบายการเงินอื่นๆ ล้มเหลว
ประเด็นที่สอง #แจกเงินแบบจีน เป็นอย่างไร แจกให้ใคร หน่วยงานไหนรับผิดชอบ
ในช่วงก่อนวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางการจีนได้มีการแจกเงินให้กับกลุ่มผู้เปราะบาง เช่น ชาวจีนที่ยากจนข้นแค้น เด็กกำพร้า และผู้ที่ไร้บ้าน โดยหน่วยงานจีนที่รับผิดชอบ คือ กระทรวงการคลังและกระทรวงกิจการพลเรือนของจีนได้มีการออกคำสั่งให้มีการเร่งแจก“เงินอุดหนุนการดำรงชีพให้กับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส” ให้ครบภายในวันที่ 1 ต.ค. และเป็นการแจกเงินแบบครั้งเดียวแบบมุ่งเป้า เพื่อบรรเทาความยากลำบากให้กับผู้ที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง
ในแง่วงเงินงบประมาณที่ใช้ในปีนี้ รัฐบาลจีนประกาศจัดสรรงบประมาณวงเงิน 1.54 แสนล้านหยวน เพื่ออุดหนุนและช่วยเหลือทางการเงินแก่กลุ่มผู้เปราะบาง
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของกระทรวงกิจการพลเรือน ประชากรจีนที่ยากจนข้นแค้น คือ มีรายได้น้อยกว่า 2.30 ดอลลาร์ มีอยู่ประมาณ 4.74 ล้านคน และกลุ่มเปราะบางในจีนที่จะได้รับ “เงินอุดหนุนรายเดือน”จากรัฐ มีอยู่ประมาณ 40.4 ล้านคน
ที่น่าสนใจ คือ รัฐบาลจีนในระดับมณฑล/ท้องถิ่นยังได้มีการออกมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินให้กับชาวจีนในท้องที่ของตน โดยใช้เงินงบประมาณของท้องถิ่นตนเอง
เช่น รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ ประกาศแจกคูปอง e-coupon มูลค่าราว 500 ล้านหยวน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในเซี่ยงไฮ้ ผ่าน WeChat Pay โดยแบ่งเป็นการแจกคูปองสำหรับการรับประทานอาหารในร้านอาหาร รวม 360 ล้านหยวน และการอุดหนุนค่าที่พักในโรงแรม อีก 90 ล้านหยวน รวมทั้งการให้ส่วนลดการชมภาพยนตร์ อีก 30 ล้านหยวน และส่วนลดสำหรับกิจกรรมกีฬา เช่น การใช้บริการสระว่ายน้ำสาธารณะ อีก 20 ล้านหยวน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีอีกกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนในปีนี้ ได้แก่ บัณฑิตจบใหม่แต่ยังหางานทำไม่ได้ในช่วง 2 ปีหลังเรียนจบแล้ว โดยรัฐบาลจีนได้มีนโยบายสวัสดิการประกันสังคมให้แก่บัณฑิตจบใหม่กลุ่มนี้ เพื่อกระตุ้นการจ้างงานต่อไป
ประเด็นที่สาม จีนเลือก #จังหวะเวลาที่เหมาะสม (right timing) ในการแจกเงินให้กับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อซื้อใจประชาชนในวาระสำคัญ นั่นคือ วันชาติจีน
รัฐบาลจีนรอจังหวะเวลาในการส่งเงินช่วยเหลือให้ถึงมือชาวจีนกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำไปใช้จ่ายในวาระวันชาติจีน คือ วันที่ 1 ต.ค. และในปี 2024 นี้เป็นวาระพิเศษครบรอบ 75 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแสดงให้เห็นถึง "ความรักและความห่วงใยของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีนที่มีต่อชาวจีนที่กำลังเดือดร้อนเผชิญความยากลำบากในการใช้ชีวิต"
ดังนั้น ทางการจีนตั้งใจเลือกจังหวะเวลาในการมอบเงินอุดหนุนค่าครองชีพในวาระสำคัญเช่นนี้ เพื่อให้ชาวจีนได้มีเงินไปจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันหยุดยาว 1-7 ต.ค.หรือ golden week เพื่อหวังกระตุ้นกำลังซื้อ เร่งการบริโภค และบรรเทาความกังวล เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของชาวจีนให้กล้าใช้เงินมากขึ้น ไม่เน้นประหยัดอดออมมากเกินไป จนทำให้การบริโภคในจีนไม่คึกคัก ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนยังคงอึมครึมซึมเซาในปีนี้
มีข้อสังเกตว่า รัฐบาลจีนมักจะเลือกจังหวะเวลาในการมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้หรือผู้เดือดร้อนในช่วงวาระสำคัญของชาติ ตัวอย่างเช่น ในปี 2015 ในวาระครบรอบวันสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลจีนได้เคยแจกเงินอุดหนุนให้แก่ทหารที่ผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 คนละ 5,000 หยวน เป็นต้น
ประเด็นสุดท้าย การแจกเงินของจีนเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ #อัดฉีดบาซูก้าทางเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ให้เติบโตร้อยละ 5 ตามเป้าหมาย
สำหรับการแจกเงินให้กลุ่มผู้เปราะบางในครั้งนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการอัดฉีดบาซูก้าทางเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค และเพื่อให้เศรษฐกิจจีนในปีนี้สามารถขยายตัวเติบโตได้ตามเป้าหมายร้อยละ 5
ก่อนหน้าจะมีการประกาศแจกเงินช่วยเหลือฯ ในครั้งนี้ รัฐบาลจีนก็ได้เร่งใช้ทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวจีน และหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
เช่น ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางของจีนได้ประกาศลดอัตราส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio : RRR) และลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (Reverse Repurchase Rate) ระยะ 7 วัน
รวมทั้งนโยบายด้านอสังหาฯ เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน และลดเงินวางดาวน์เพื่อซื้อบ้านหลังที่ 2
นอกจากนี้ ทางการจีนยังใช้นโยบายตลาดทุน เพื่อกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้น เช่น การตั้งกองทุนพยุงตลาดหุ้น การอนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์และประกันฯ สามารถเข้าถึงเงินทุนของธนาคารกลาง เพื่อนำไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้
ธนาคารกลางจีนยังได้มีโครงการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ (swap facility) วงเงินเบื้องต้น 5 แสนล้านหยวน เพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ กองทุน และบริษัทประกันฯ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อสนับสนุนตลาดหุ้น เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพื่อเรียกความเชื่อมั่นในตลาดทุนของจีน
โดยสรุป รัฐบาลจีนต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะประคับประคองเศรษฐกิจจีนในปี 2024 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ร้อยละ 5 รวมทั้งการแจกเงินให้กลุ่มเปราะบางดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
อย่างไรก็ดี #การแจกเงินแบบจีนไม่ใช่การเหวี่ยงแหโปรยเงิน เฮลิคอปเตอร์มันนี่แบบสะเปะสะปะ หากแต่รัฐบาลจีนยังคงมีความระมัดระวัง #ไม่ละเลงงบแก้ปัญหาแบบไร้ทิศทาง แต่จะยังคงเน้นดำเนินนโยบายแบบมุ่งเป้าที่ยึดโยงกับเป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาประเทศ และเน้นรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจต่อไปนั่นเอง
ที่มา : Aksornsri Phanishsarn
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.freepik.com