"...มันไม่ใช่ความบังเอิญ ไม่ใช่ปลายศอกโคจรมาพบกับขมับขวาโดยไม่ได้นัดหมาย แต่เป็นความจงใจของซุปเปอร์เล็กที่จะใช้ศอกประกาศิตพิชิต หมัดอันตรายของแฮกเกอร์ตี้ แล้วซุปเปอร์เล็กก็ทำได้อย่างรวดเร็วเพียง 47 วินาทีของยกแรก..."
ผู้เขียนไม่ใช่นักดูมวยประเภทเกาะติดขอบสนาม จะตั้งใจดูก็เฉพาะคู่ชกคู่ชิงสำคัญที่เป็นข่าวใหญ่และน่าติดตามเท่านั้น
แต่พอได้ดูคลิพชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทยรุ่นแบนตัมเวท ระหว่างซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 ผู้ท้าชิงกับโจนาธาน แฮกเกอร์ตี้ เจ้าของแชมป์โลกจากอังกฤษในศึก ONE 168 : Denver ที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด USA เมื่อ 7 กย.67 ได้เห็น “ศอกประกาศิต” ของซุปเปอร์เล็ก ที่พิชิตแฮกเกอร์ตี้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เป็นความงดงามในความรุนแรงที่ยากจะได้เห็นที่ไหน ทำให้อดใจไม่ได้ที่จะต้องเรียนรู้และบันทึกไว้เป็นเนื้องานหนึ่ง ในงานเขียนของตนเอง
สำหรับผู้เขียนแล้ว การได้เขียนถึงใคร ถึงอะไร มันเป็นคุณค่าเอนกอนันต์ที่จะได้เรียนรู้และกล่อมเกลาแง่คิดมุมมองที่ศึกษาจากสื่อและคนอื่นๆที่เป็นครูของผู้เขียนได้
การประหมัดมวยในวันนั้น ตั้งแต่สัญญาณเริ่มยกแรก
ถ้าใช้คำกีฬาฟันดาบไทย อาจจะเรียกว่า “ประดาบก็เลือดเดือด”
แฮกเกอร์ตี้ พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมในฐานะแชมป์ เขาเข้าต่อย เข้าเตะขา บุกตลุยเข้ามาแบบทะยานเข้าใส่ หวังเผด็จศึกเร็ว
ส่วนซุปเปอร์เล็ก ดูจังหวะ มีรุกมีถอย
แล้วก็ถึงฉากสุดท้าย เสมือนหนึ่งคิดว่าซุปเปอร์เล็กไม่กล้าปะทะด้วย แฮกเกอร์ตี้ยิงหมัดซ้ายเข้าใส่ก่อน แล้วเหวี่ยงหมัดขวาตามเข้ามา ซุปเปอร์เล็กก้มหัวลง ให้หมัดขวาคู่ต่อสู้คร่อมหัวไป แล้วยิงศอกขวาเข้าใส่ตรงขมับขวาเปรี้ยงเดียว แฮกเกอร์ตี้หงายหลังลงอย่างสิ้นฤทธิ์ พยายามจะลุกขึ้น ก็ลุกไม่ไหว สักพักหนึ่งแฮกเกอร์ตี้ถึงพยุงตัวยืนขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นกรรมการก็จับแพ้ไปแล้ว
จังหวะตีศอกใส่ขมับนั้นเอง เป็นน็อคประวัติศาสตร์ที่โลกมวยไทยต้องจดจำ แฟนหมัดมวยคนไหน แม้อยากจะลืมก็ลืมไม่ได้
มันไม่ใช่ความบังเอิญ ไม่ใช่ปลายศอกโคจรมาพบกับขมับขวาโดยไม่ได้นัดหมาย แต่เป็นความจงใจของซุปเปอร์เล็กที่จะใช้ศอกประกาศิตพิชิต หมัดอันตรายของแฮกเกอร์ตี้ แล้วซุปเปอร์เล็กก็ทำได้อย่างรวดเร็วเพียง 47 วินาทีของยกแรก
แฮกเกอร์ตี้ โพสต์ผ่านอินสตาแกรมของเขาว่า
“ผลการแข่งขันในไฟลท์นี้ ไม่เป็นไปตามที่ผมหวังไว้ ผมคิดว่าผมทำให้เขาเพลี่ยงพล้ำบาดเจ็บได้แล้ว จึงตัดสินใจพุ่งเข้าไป แต่กลับโดนศอกเขาสวนมาอย่างสวยงาม ต้องยกเครดิตให้เขาผู้คู่ควรกับชัยชนะในครั้งนี้”
ซุปเปอร์เล็กให้สัมภาษณ์หลังชนะน็อคว่า
“ผมซ้อมจังหวะนั้นนับครั้งไม่ถ้วน ซ้อมมาโดยตรง เก็บไว้เป็นไม้ตายในการเผด็จศึกครั้งนี้ ผมดูว่าหากรอจังหวะ ไม่ชนะแน่ ผมจึงเปลี่ยนแผนด้วยการเดินเข้าหา แล้วรอจังหวะ พอแฮกเกอร์ตี้ปล่อยหมัดขวา ผมจึงชิงจังหวะศอกสวนเข้าทันที เพราะหมัดกับศอกเมื่อออกอาวุธพร้อมกันศอกจะถึงก่อนหมัด ก็ได้ผลทันที”
ในขณะที่เขาทราย กาแล็กซี่ อดีตยอดนักมวยไทยแชมป์โลกหลายสมัย หลายสถาบัน กล่าวชื่นชมซุปเปอร์เล็กว่า
“ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะน็อคแฮกเกอร์ตี้ได้เร็วมากๆ ซุปเปอร์เล็กแก้ทางมวยด้วยการที่แฮกเกอร์ตี้ใช้หมัดโถมเข้ามา ซุปเปอร์เล็กดักศอกโดนเข้าเต็มๆขมับเลย มันสองแรงบวก มันทำให้ลูกนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ลุกไม่ขึ้นหรอกครับ”
ขาวผ่อง สิทธิชูชัย (ชื่อจริง ทวี อัมพรมหา) ซึ่งเป็นนักมวยของไทยที่ได้สร้างประวัติศาสตร์มวยสากล โดยได้เหรียญเงินโอลิมปิคเป็นคนแรกในปี 2527 บอกกับผู้เขียนว่า “ศอก กับ เข่า เป็นอาวุธอันตรายที่สุด ถึงขั้นที่มวยประเภท คิก บ๊อกซิ่ง (Kick Boxing) ซึ่งฝรั่งนำเอามวยไทยไปปรับแปลงนั้น มีกติกาวางไว้เลยว่า คิก บ๊อกซิ่ง ห้ามใช้ศอก และห้ามจับคอตีเข่า เพราะทั้งสองอย่างนี้นักมวยไทยทำได้ดีกว่าชาติอื่น”
ขาวผ่อง บอกว่า “ศอกพิฆาตแฮกเกอร์ตี้ครั้งนี้เป็นสองจังหวะบวก เขาโถมตัวยิงหมัดเข้ามาอย่างแรง และโดนสับศอกอย่างแรงที่ขมับแบบนี้ไปต่อไม่ได้เลย ต้องรู้ว่า นี่เป็นการใช้แม่ไม้มวยไทยสมบูรณ์แบบ คือเอาศอกแก้หมัดอย่างเป็นผล
หรือลูกเตะต้องแก้ด้วยถีบ ถีบเข้าตรงไหน ก็สกัดจังหวะเตะของคู่ต่อสู้ได้ชะงัด นักมวยที่ถีบได้ฉมังที่สุดในโลกคือ สามารถ พยัคฆ์อรุณ อดีแชมป์โลกฟลายเวทของคนไทย
ต้องรู้ว่า มวยไทยมีการแก้ทางกันทุกลูก ที่จริงศอกไม่ต้องหนักก็ได้ แต่ศอกของซุปเปอร์เล็ก หนักด้วย คมด้วย เพราะจังหวะดี ลงตรงจุดอันตราย เป็นความคมที่เด็ดขาด”
เมื่อไปค้นตำราแก้ทางมวยของแม่ไม้มวยไทยก็พบว่า
มวยหมัดแพ้มวยศอก
มวยศอกแพ้มวยเตะ
มวยเตะแพ้มวยเข่า
มวยเข่าแพ้มวยหมัด
บางตำราบอกว่า
หมัดแก้ด้วยเข่า
เข่าแก้ด้วยศอก
ศอกแก้ด้วยเตะ
เตะแก้ด้วยหมัด
เพื่อนผู้เขียนชื่อ พินัย อนันตพงษ์ เป็นอดีตรองอธิบดีกรมการปกครอง เป็นคนเกาะติดขอบสนามกีฬาหลายชนิด ให้ความรู้ว่า
“แม่ไม้มวยไทยนั้น มีการแก้ทางมวยกันได้ตลอด อาวุธทุกอย่างมีจุดเด่นจุดด้อย ต้องปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ในเวลานั้น
ยกตัวอย่างเช่น ผุดผาดน้อย วรวุฒิ เป็นมวยเตะที่ยอดเยี่ยม วันนั้นที่เวทีลุมพินี เขาต่อยกับหัวไทร สิทธิบุญเลิศ ซึ่งเป็นมวยหมัด
พอถึงยกที่4 เป็นไปตามตำรา ผุดผาดน้อยมวยเตะ โดนพายุหมัดของหัวไทร ถูกนับ 8 ถึงสองครั้ง ผุดผาดน้อยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการฟันศอกสวนหมัด ศอกหนึ่งโดยปลายคางของ หัวไทรล้มลงไปให้กรรมการนับสิบ เป็นการพลิกล็อกครั้งใหญ่ วิธีการแก้เกมส์ของผุดผาดน้อยเข้าตำราแก้ทางของแม่ไม้มวยไทย”
ศึกมวยไทยครั้งนี้ ซุปเปอร์เล็กวางแผนและซุ่มซ้อมจังหวะมาอย่างดีก็จริง แต่ยังขึ้นกับการช่วงชิงจังหวะเข้ากระทำ
ครูมวยไทยสอนไว้นานแล้วว่า “ทำทีเป็นถอย ปล่อยให้คู่ต่อสู้เชื่อว่าตนเองสิ้นฤทธิ์ แล้วจู่โจมในห้วงยามที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึง”
ใช่แล้ว ซุปเปอร์เล็ก ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นศอกประกาศิต ที่สะท้านไปทั่วทั้งโลก
สองหมัด สองเท้า สองเข่า สองศอก
หนึ่งศีรษะ ตรึงตอก คู่ต่อสู้
มวยหมัด แพ้มวยศอก บอกคำครู
ศอกแพ้เตะ ต้องรู้ ตำรามวย
มวยเตะ ยังแพ้ ซึ่งมวยเข่า
เข่าแพ้หมัด รุกเร้า จำไว้ด้วย
นวอาวุธไทย อันรุ่มรวย
แรงฤทธิ์ ถึงขั้นม้วย มรณา
มอญยันหลัก หักคอเอราวัณ
จระเข้ฟาดหาง พลัน เข้าใบหน้า
หนุมานถวายแหวน บรรเจิดตา
หักงวงไอยรา บรรเจิดใจ
มวยไทย แรงฤทธิ์ ด้วยพิษสง
ฝรั่งงง นิ่งงัน มันเป็นไฉน
งดงาม ในรุนแรง อันแกร่งไกร
แม่ไม้มวยไทย วิถีวัฒนธรรม
ประสาร มฤคพิทักษ์