“เพราะเขาเหลือเพียงร่างกาย แต่กลับสง่างามกว่าคนเป็น กลายเป็นหนึ่งเดียวกับรัก เพราะเขาไม่อาจเกลียดชังหรือแย่งชิงอะไรได้อีก เขาจะถูกทิ้งไว้แบบนี้ เพื่อให้เลือดเนื้อ ได้ต่อชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ แม้ลมฝนจะพัดแรงเพียงใด ก็จะไม่ปริปากบ่น ความตายคือสิ่งที่ทำให้คนได้เป็นคนอย่างสมบูรณ์”
Vinland Saga หรือ ชื่อภาษาไทย สงครามคนทมิฬ เป็นหนังสือการ์ตูน อิงประวัติศาสตร์ ในรัชสมัย พระเจ้าสเวน ฟอร์กเบียร์ด ตัวเอกเรื่องนี้เป็นชาวไอซ์แลนด์ เปี่ยมไปด้วยโทสะ ต่อผู้สังหารพ่อของตนนามว่า “ธอร์ฟินน์ บุตรแห่งทอร์ส” สู่นักเดินทางผู้ตามหาดินแดนนามว่า “วินแลน”
*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของ Vinland Saga ภาค 1-2
ขับเคลื่อนด้วยโทสะ
ในเริ่มแรก ธอร์ฟินน์ เป็นเพียงแต่เด็กชายอ่อนแอคนหนึ่ง ต้องเข้าสู่สนามรบเพราะความแค้นของเค้าที่มีต่อ อาสเคอลัดด์ โจรสลัดผู้รับงานสังหาร พ่อของเค้า หลังจากนั้น ธอร์ฟินน์ กลายเป็นนักสู้ที่มีทักษะการต่อสู้ มีความคิดโหดเหี้ยม ขับเคลื่อนด้วยการแก้แค้น และจิตใจอันไร้ความปรานี เค้ากลายเป็นลูกน้องของ อาสเคอลัดด์ เพราะหากสามารถทำตามที่สั่งได้ เค้าจะได้ประลองกับ อาสเคอลัดด์ เพื่อแก้แค้นให้พ่อของตน แต่แล้วความฝัน กว่า 11 ปี ของเค้าก็ต้องพังทลาย เมื่อ อาสเคอลัดด์ ได้เสียชีวิตก่อน จากการลอบสังหาร พระเจ้าสเวน เพื่อให้ องค์ชายคนุต ได้ขึ้นครองราชย์ ในช่วงวาระสุดท้าย อาสเคอลัดด์ ได้บอกกับ ธอร์ฟินน์
“ หลังจากที่ข้าตายไปแล้ว เจ้าคิดจะใช้ชีวิตแบบไหนธอร์ฟินน์ ”
การตายของ อาสเคอลัดด์ ทำให้ ธอร์ฟินน์ ได้ทราบว่า 11 ปี ที่ผ่านมา มันช่างว่างเปล่า ไร้ค่าเหลือเกิน.....
หลักจากการจากไปของ อาสเคอลัดด์ ธอร์ฟินน์ ไร้เป้าหมายชีวิต ไม่สามารถหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ต่อ จนท้ายที่สุดเค้าก็ได้กลายมาเป็นทาส ให้กับ นายท่านเคทิล เศรษฐีเจ้าของไร่นา ผู้สัญญากับธอร์ฟินน์ว่า หากธอร์ฟินน์ทำนาแล้วเอาผลผลิตมาขายเคทิลตามสมควรได้ จะได้รับการไถ่ตัวออกไป แต่ที่ฟาร์มแห่งนี้เค้าได้พบ ความหมายของการมีชีวิตอยู่
สงบสุข การเอาใจใส่และการให้อภัย
ธอร์ฟินน์ ได้พบกับสิ่งที่เค้าไม่เคยรู้จักมาก่อนในช่วงเวลาชีวิตที่ผ่านมา นั่นคือ การใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติ ชีวิตที่ผ่านมาของเค้าได้แต่ทำตามคำสั่งของ อาสเคอลัดด์ ทำให้ปัจจุบันของเค้า หาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ เนื่องจากเค้ารู้จักเพียงแต่การฆ่าฟัน แต่การมาของ เอนาร์ ชายผู้สูญเสียครอบครัวจากสงคราม ได้สอนให้เค้ารู้จักการใช้ชีวิตแบบคนปกติ แม้ในช่วงแรก ธอร์ฟินน์ อาจจะไม่เปิดใจกับ เอนาร์ แต่ต่อมา เค้าก็เริ่มตระหนักได้ว่า เค้าควรจะก้าวต่อไปและไม่จมปรักอยู่กับความแค้นที่มีต่อ อาสเคอลัดด์
ต่อจากนี้ ธอร์ฟินน์ ไม่สามารถจับดาบเพื่อฟาดฟันผู้อื่นได้อีกแล้ว แม้ไม่อาจลบความผิดที่ฆ่าผู้คนไปมากมาย แต่อย่างน้อยต่อจากนี้เค้าก็จะไม่ทำร้ายผู้อื่นอีกแล้ว
หลังจากนั้น ธอร์ฟินน์ ก็ได้รู้จักและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบคนปกติ เค้าได้เจอผู้คนมากมาย เช่น นายผู้เฒ่า สเวอร์เคล ได้สอนให้เค้าว่า การเริ่มใหม่ ไม่มีคำว่าสายเกินไป ถ้าคิดจะเริ่ม หรือ งู (ฉายา) เป็นอดีตนักรบแบบเดียวกับ ธอร์ฟินน์ ที่เชื่อว่า การจับดาบเพื่อปกป้องผู้คน เป็นหนทางที่ถูกต้อง อาร์นีด เองก็เป็นอีกคนที่ได้สอนว่า สงครามไม่เคยนำมาซึ่งสิ่งใด นอกจากความสูญเสีย ผู้คนในฟาร์มแห่งนี้ ทำให้ความคิดต่อโลกของเค้าเริ่มจะเปลี่ยนแปลงไป
นักรบที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องมีดาบ
ในระหว่างที่ ธอร์ฟินน์ กำลังใช้ชีวิตอย่างสงบสุข องค์ชายคนุต ได้กลายเป็นกษัตริย์ต่อจากพระเจ้าสเวน เมื่อก่อนเค้าต้องการสร้างดินแดนที่มีแต่ความสงบสุข ไร้การฆ่าฟัน และเกลียดพ่อที่สร้างโลกที่มีแต่การฆ่าฟัน แต่ตอนนี้ คนุต ได้เชื่อว่า สุดท้ายแล้วการจะสร้างโลกในอุดมคติ จำเป็นต้องมีอำนาจ ที่มาจากความรุนแรง ไม่ว่าจะต้องฆ่าคนไปมากขนาดไหนก็ตาม
ตอนนี้เค้าต้องการยึดฟาร์มของ เคทิล แต่ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเค้าพบกับ ธอร์ฟินน์ อดีต ราชองครักษ์ ผู้เคยเปี่ยมไปด้วยความแค้น ตอนนี้ได้กลายเป็นชายที่ไม่มีเหตุผลให้ทำร้ายใคร ทั้งสองได้พูดคุย เจรจากัน คนุต ได้รู้สึกตัวว่าเค้าเอง ก็ไม่ได้อยากทำร้ายผู้คนเช่นเดียวกับ ธอร์ฟินน์ เค้าได้ตระหนักแล้วว่า โลกที่สงบสุขของเค้าใช้เพียงอำนาจอย่างเดียวไม่ได้ จึงได้ถอยทัพกลับไป
.
การ์ตูนเรื่อง Vinland Saga ได้แสดงให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความหมายของความรักที่แท้จริง ในตอนที่ 18 บาทหลวง ได้คุยกับ องค์ชายคนุต เรื่องของ อะไรคือความรักที่แท้จริง บาทหลวงจึงตอบว่า
“เพราะเขาเหลือเพียงร่างกาย แต่กลับสง่างามกว่าคนเป็น กลายเป็นหนึ่งเดียวกับรัก เพราะเขาไม่อาจเกลียดชังหรือแย่งชิงอะไรได้อีก เขาจะถูกทิ้งไว้แบบนี้ เพื่อให้เลือดเนื้อ ได้ต่อชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ แม้ลมฝนจะพัดแรงเพียงใด ก็จะไม่ปริปากบ่น ความตายคือสิ่งที่ทำให้คนได้เป็นคนอย่างสมบูรณ์”
ในชีวิตของเรา ความรักที่มีต่อผู้คนข้างตัวเรานั้น เราจะเรียกว่าความรักที่แท้จริง หรือ เราควรจะเรียกว่าการแบ่งแยกชนชั้น ความรัก คือ การเลือกปฏิบัติ แต่ ความรักที่แท้จริง คือ การไม่เลือกปฏิบัติ เหมือนกับความตายที่มันไม่เคยให้สิทธิพิเศษกับสิ่งใด
ธอร์ฟินน์ ได้แสดงให้ผู้ชมได้เห็นว่า การใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ไม่อาจนำมาซึ่ง ความสงบสุข หากใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ก็มีเพียงแต่จะไปสร้างความบาดหมางขึ้นต่อไป เป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันหมดสิ้น เช่นเดียวกับในช่วงสุดท้ายของเรื่อง ที่ทหารของ คนุต ไม่เข้าใจว่าทำไม ธอร์ฟินน์ ถึงไม่โจมตีกลับเลย แม้จะโดนต่อยเป็นร้อยหมัด ธอร์ฟินน์ ตอบกลับว่า
“วันนี้เราพบกันเป็นครั้งแรก พวกท่านไม่ใช่ศัตรูของข้า ตัวข้าไร้ซึ่งศัตรู”