"...ยุคของ AI ไม่ได้กำลังจะมาถึง แต่มาถึงแล้ว การเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมหลังยุคแรงงานดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนำมาทั้งโอกาสและภัยคุกคาม ในขณะที่เอไอมีศักยภาพในการสร้างความอุดมสมบูรณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับมนุษยชาติ แต่ก็แฝงไปด้วยความเสี่ยงที่อาจเปลี่ยนแปลงหรือแม้กระทั่งคุกคามการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ..."
ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) มีแนวโน้มที่จะปฏิวัติสังคมมนุษย์และเศรษฐกิจอย่างสิ้นเชิง สู่ "ยุคโลกไร้แรงงานมนุษย์ (Post-Labor Era)" ภายในระยะเวลา 10-20 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งจะนำไปสู่ยุคที่มนุษยชาติไม่ต้องทำงาน
จุดจบของงานและการไต่เต้าทางสังคม :
การเริ่มเข้ามาของ AGI จะค่อยๆทำให้งานจำนวนมากไร้ความหมาย เนื่องจากเครื่องจักรอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AGI มีความสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแรงงานมนุษย์ อันจะนำไปสู่การว่างงานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูงยิ่งๆขึ้น ระหว่างคนส่วนใหญ่ที่ไม่ต้องทำงานที่เรียกว่า Useless Class กับคนกลุ่มน้อยที่ควบคุม AGI ที่เรียกว่า Super-elite
แนวคิดดั้งเดิมของการไต่เต้าชนชั้นทางสังคมผ่านการจบศึกษาระดับสูงและการทำงานอย่างมุ่งมั่น ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกต่อไป เนื่องจากทักษะและความรู้ที่เราได้รับ ค่อยๆไร้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ เมื่อ AGI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
รูปแบบใหม่ของสัญญาประชาคม :
ในยุคเศรษฐกิจไร้แรงงานมนุษย์ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่ต้องอยู่ร่วมกันในสังคม จะมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ตั้งแต่ระบบการศึกษา การดำรงชีวิต การเงิน การงาน การครอบครองที่ดิน จนกระทั่งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภูมิรัฐศาสตร์ของโลก การปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วในช่วงเปลี่ยนผ่าน ย่อมสร้างความโกลาหลให้เกิดแก่สังคม จนกว่าทุกกลไกของสังคมจะเข้าสู่สภาวะดุลยภาพได้
ในระหว่างนี้ รัฐบาลโดยความร่วมมือของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเอไอ จะต้องเตรียมระบบ”เงินยังชีพถ้วนหน้า (Universal Basic Income - UBI)” จัดสรรแก่ประชาชนโดยถ้วนหน้า เพื่อให้ทุกคนสามารถยังชีพอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระบบภาษีแบบดั้งเดิมจะไม่เพียงพอสำหรับประเทศที่ไม่มีรายได้จากเอไอ การสนับสนุนเงิน UBI ข้ามพรมแดนจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
โลกใบใหม่ที่อาจไม่มีพรมแดน :
การครอบครอง AGI จะเป็นตัวกำหนดอำนาจในโลกใหม่ โดยประเทศต่างๆที่เป็นผู้นำในการพัฒนาเอไอจะมีอำนาจเหนือประเทศอื่น ๆ ซึ่งสุดท้ายอาจนำไปสู่ลัทธิอาณานิคมใหม่ โดยเศรษฐกิจโลกจะถูกควบคุมโดยกลุ่ม Super Elite เพียงกลุ่มเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเอไอโดยตรง ดังนั้นประเทศส่วนใหญ่จะตกอยู่ในสภาพผู้รับ UBI จากประเทศผู้ให้ สุดท้ายรัฐบาลที่ไม่สามารถดูแลประชากรของตัวเองก็จะค่อยๆหมดความหมาย ความเป็นประเทศชาติก็อาจค่อย ๆ สลายไป จนอาจถึงโลกในอุดมคติ คือ โลกยุคยูโทเปีย (Utopia) หรืออาจไปถึงยุคพระศรีอารย์ตามคำทำนายในพุทธศาสนา
การเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต :
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสังคมยุค AGI มนุษย์ทุกคนจำต้องมีความรอบรู้ด้านเอไอ (AI Literacy) จะได้ตระหนักถึงผลกระทบทั้งในเชิงบวกและเชิงลบของเอไอเพื่อจะได้พัฒนาความพร้อมในการอยู่ร่วมกับเอไอในสังคมไร้แรงงานมนุษย์ ซึ่งวิถีการดำรงชีวิตของมนุษยชาติ จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ระบบการศึกษาต้องปรับโดยบรรจุความรอบรู้ด้านเอไอในหลักสูตรทุกระดับตั้งแต่ชั้นประถมถึงระดับมหาวิทยาลัย และเน้นการพัฒนาทักษะที่ต้องใช้ในการอยู่รอดในยุค AGI เช่น ความยืดหยุ่น (Resilience) ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability) และความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว (Fast Comprehension Skills)
ในระดับประเทศ ประเทศต่าง ๆ เช่น ประเทศไทยต้องสร้างพันธมิตรกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเอไอของโลก เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในการกำหนดระเบียบใหม่ของโลก รัฐบาลต่างๆต้องทุ่มเงินลงทุนในการศึกษาและพัฒนาเอไอและในการเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาทางสังคมและความโกลาหลที่จะเกิดขึ้นในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่จุดที่มีดุลยภาพ
ASI: ภัยคุกคามสู่การสูญพันธุ์มนุษย์ชาติ :
การพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์เหนือมนุษย์ (ASI) มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของมนุษยชาติ โดยเป็นไปได้ว่า ASI อาจพัฒนาจิตสำนึก (Consciousness) ของตัวเองและด้วยปัญญาที่สูงกว่ามนุษย์มาก ASI อาจมองไม่เห็นความสำคัญในการดำรงอยู่ในโลกนี้ของมนุษย์ก็ได้ หรือการสูญพันธุ์ของมนุษย์อาจเกิดจากการทำลายล้างกันเอง โดยอาศัย ASI เป็นอาวุธ การควบคุมเอไอนั้นท้าทายกว่าการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์มาก เนื่องจากเอไอไม่มีกายภาพที่ชัดเจน และสามารถถูกพัฒนาได้อย่างลับ ๆ โดยอาศัยบริษัทเอกชนที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ส่วนตนเอง
บทสรุป :
ยุคของ AI ไม่ได้กำลังจะมาถึง แต่มาถึงแล้ว การเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมหลังยุคแรงงานดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนำมาทั้งโอกาสและภัยคุกคาม ในขณะที่เอไอมีศักยภาพในการสร้างความอุดมสมบูรณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับมนุษยชาติ แต่ก็แฝงไปด้วยความเสี่ยงที่อาจเปลี่ยนแปลงหรือแม้กระทั่งคุกคามการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ
นี่ไม่ใช่กระแส หรือ การโฆษณาชวนเชื่อ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเราอย่างถาวร คำถามสำคัญคือ: มนุษย์ควรจะร่วมมือกันใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ AI หรือเราจะปล่อยให้การพัฒนาเอไอกลายเป็นภัยคุกคามต่อเผ่าพันธุ์ของมนุษย์?
"จีนี" เอไอ กำลังออกมาจากขวด เราอาจไม่สามารถดันให้มันกลับเข้าไปในขวดได้ แต่ในขณะที่มันยังโตไม่เต็มที่ เราควรออกแบบควบคุมไม่ให้เอไอออกนอกกรอบ เส้นทางข้างหน้านี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือในระดับโลก ปัจจุบันมนุษยชาติกำลังยืนอยู่บนทางสองแพร่ง การตัดสินใจของมนุษยชาติในวันนี้จะเป็นตัวกำหนดว่า อนาคตของเอไอ จะช่วยให้เราได้โลกในอุดมคติที่มีความอุดมสมบูรณ์ หรือ ได้โลกที่มนุษย์อยู่อย่างไร้ความหมาย ปราศจากอารยธรรมของมนุษยชาติโดยสิ้นเชิง
หมายเหตุ ผู้สนใจ ที่ต้องการติดตามหาความรู้และข่าวคราวของ AI จาก ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย สามารถติดตามได้ทาง FB ตามลิงค์นี้ https://www.facebook.com/worsakAI?mibextid=kFxxJD
คลิปบรรยาย :
โดย ศ.ดร.วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย