"...แม้ว่าหลวงตามหาบัวจะประกาศปิดโครงการผ้าป่าช่วยชาติอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2547 แต่ลูกศิษย์ลูกหาทั้งพระสงฆ์และฆราวาสยังศรัทธาและสานต่อเจตนารมณ์ของท่านเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 26 ปี ด้วยหลวงตามหาบัวเป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี “มีคุณธรรม มีเมตตา มีการอนุเคราะห์” ทำให้ผู้คนเกิดพลังศรัทธาและความเชื่อมั่น ไม่เว้นแม้แต่ชาวแบงก์ชาติ..."
สวัสดีครับ
ในสัปดาห์ที่แล้ว พวกเราคงมีคำถามคาใจว่า ทำไมคำปรารภของพระสงฆ์สายพระป่าเพียงรูปหนึ่ง จึงสามารถหล่อหลอมคนทั้งประเทศให้ยอมสละทรัพย์สินส่วนตัวที่อาจจำเป็นต้องใช้ในภาวะฉุกเฉินมาให้กับโครงการผ้าป่าช่วยชาติ คงต้องย้อนไปทำความรู้จัก ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน (หลวงตามหาบัว) ให้ถ่องแท้เสียก่อน
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย จ.อุดรธานี และพระมนฑน์จิตต์เกษม (หลวงปู่เฉลิม ธัมมธโร) เจ้าอาวาสวัดป่าภูแปกญาณสัมปันโน จ.เลย พระสงฆ์ผู้ใกล้ชิดหลวงตาได้กล่าวว่า “หลวงตามหาบัว เป็นพระที่มุ่งเน้นการปฏิบัติธรรมและสอนเรื่องการพัฒนาจิตใจมาเป็นอันดับหนึ่ง การช่วยเหลือสังคมเป็นอันดับรอง แต่ด้วยประเทศกำลังประสบปัญหา ท่านจึงตัดสินใจเดินหน้าทำโครงการผ้าป่าช่วยชาติอย่างต่อเนื่อง ท่านเป็นทั้ง “ผู้นำ” และเป็น “ศูนย์รวมจิตใจ” ของคนไทย ท่านสอนธรรมะไปพร้อม ๆ กับเชิญชวนให้คนร่วมบริจาคทรัพย์สินเงินทองของมีค่าตามกำลังของแต่ละคน เพื่อนำมาช่วยประเทศชาติ”1/
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
หลวงปู่เฉลิม ธัมมธโร
ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม อดีตเจ้าหน้าที่การเงิน โครงการผ้าป่าช่วยชาติ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า การเดินสายไปตามจังหวัดต่าง ๆ ของหลวงตามหาบัวไม่ใช่จะราบรื่น บางจังหวัดก็ไม่ให้ความร่วมมือบางครั้งต้องไปขอใช้ศาลาประชาคม หรือโรงเรียนเป็นสถานที่บรรยายธรรมและรับบริจาค บางทีก็มีคนมาฟังไม่มาก และไม่ใช่ว่าจะได้ทองคำมากมายไปเสียทุกครั้ง ได้มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป หรือได้ทองปลอมมาเป็นกิโลก็มี แต่หลวงตามหาบัวไม่เคยบ่น ได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น เรียกได้ว่าค่อย ๆ เก็บเล็กผสมน้อย ท่านได้ปรารภไว้ว่า “อย่าว่าแต่แชมเปี้ยนเลย พ่อแชมเปี้ยนเราก็จะไม่ถอย...เรารู้เห็นโลกชัดเจน จนยืนยันว่าจะไม่กลับมาเกิดอีก แต่ที่ทำก็เพราะทำด้วยน้ำใจที่เมตตาสงสารหัวใจสัตว์โลก”2/
จนมาถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2541 ภายหลังเปิดโครงการได้เพียง 4 เดือน ได้ส่งมอบเงินบริจาคก้อนแรกจำนวน 1,278,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาท่านเน้นรับบริจาคเป็นทองคำ จึงทำให้การส่งมอบครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2542 ได้มอบทองคำแท่งบริสุทธิ์หนัก 1,036.738 กิโลกรัม และเงินอีก 3,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับแบงก์ชาติ โดยมี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ผู้ว่าการในขณะนั้นเป็นผู้รับมอบ3/
หลวงตามหาบัว แสดงธรรมและรับผ้าป่าช่วยชาติ
วันที่ 4 ธันวาคม 2542 ณ แบงก์ชาติ
พิธีรับมอบทองคำ ครั้งที่ 30
วันที่ 30 เมษายน 2567 ณ สวนแสงธรรม
งานบูชาคุณแผ่นดินไทย วันที่ 22 เมษายน 2544 ณ ท้องสนามหลวง
ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม
(ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565)
แม้ว่าหลวงตามหาบัวจะประกาศปิดโครงการผ้าป่าช่วยชาติอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2547 แต่ลูกศิษย์ลูกหาทั้งพระสงฆ์และฆราวาสยังศรัทธาและสานต่อเจตนารมณ์ของท่านเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 26 ปี ด้วยหลวงตามหาบัวเป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี “มีคุณธรรม มีเมตตา มีการอนุเคราะห์” ทำให้ผู้คนเกิดพลังศรัทธาและความเชื่อมั่น ไม่เว้นแม้แต่ชาวแบงก์ชาติ
พี่ทศพร รุจิยากร อดีตพนักงาน เล่าว่า มีพนักงานและอดีตพนักงานแบงก์ชาติหลายคนร่วมบริจาคทองคำทุกชนิด รวมถึงเหรียญพระสยามเทวาธิราช ที่ระลึกการทำงานครบ 20 ปี น้ำหนักทองรวมกันราว 1 กิโลกรัม โดยมีเจตนาส่งคืนทองคำที่ตนได้รับจากแบงก์ชาติให้กลับไปเป็นสมบัติของแผ่นดิน คณะศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัวและผู้มีจิตศรัทธาทุกคน มีความเชื่อมั่นในกระบวนการทำงานของแบงก์ชาติ เพราะทองคำและสินทรัพย์ที่ได้รับบริจาคทั้งหมดถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี มีการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยมีเจ้าหน้าที่ของแบงก์ชาติ และคณะกรรมการจากหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เข้าตรวจสอบเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ แบงก์ชาติยังเปิดเผย ยอดรับบริจาคทางเว็บไซต์ www.bot.or.th ซึ่งมีข้อมูลตั้งแต่เริ่มต้นรับบริจาคเพื่อความโปร่งใสให้ประชาชนทุกคนตรวจสอบได้
ปัจจุบัน แบงก์ชาติได้แยกสินทรัพย์ที่รับบริจาคจากโครงการนี้ไว้อย่างชัดเจน โดยจัดอยู่ในบัญชีทุนสำรองเงินตรา ซึ่งตามกฎหมายแล้วสามารถใช้หนุนหลังเพื่อพิมพ์ธนบัตรเท่านั้น ห้ามนำสินทรัพย์ในบัญชีนี้ไปใช้ในกรณีอื่น จึงมั่นใจได้ว่า สินทรัพย์ที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมดจะทำหน้าที่เป็นสมบัติของชาติตามเจตนารมณ์ของหลวงตามหาบัวตลอดไป4/
แม้ว่า หลวงตามหาบัวท่านจะมรณภาพแล้วเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2554 ด้วยสิริอายุ 97 ปี 77 พรรษา เป็นการสูญเสียแม่ทัพสายวิปัสสนากัมฐานของชาวพุทธทั่วโลกครั้งสำคัญ ในวาระสุดท้ายของชีวิต ท่านยังสั่งเสียไว้ในพินัยกรรมว่า เงินบริจาคที่ได้รับในงานศพ ขอให้นำไปซื้อทองคำและส่งมอบให้แบงก์ชาติทั้งหมด อย่านำเงินมาใช้จ่ายในงานศพ ใช้เพียงฟืนเผาร่างก็พอแล้ว หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ไม่เพียงแต่เป็นพระสงฆ์ที่มีวัตรปฏิบัติที่น่าเลื่อมใสและคำสอนที่ตรงไปตรงมา แต่ท่านยังเป็นแบบอย่างที่ดี ให้คนรุ่นหลังยึดถือปฏิบัติ ในเรื่องความรักชาติ ความเสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
รณดล นุ่มนนท์
17 มิถุนายน 2567
แหล่งที่มา :
1/ หลวงตามหาบัว ผ้าป่ากู้วิกฤตชาติ: ความจริงไม่ตาย, (25 กันยายน 2562) Thai PBS,
https://www.youtube.com/live/6zhD27esK60
2/ ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน โครงการช่วยชาติด้วยเมตตาธรรม, พิมพ์ครั้งที่ 3, เดือนเมษายน 2553,
พิมพ์ที่บริษัทด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด หน้า 24
3/ สรุปยอดรับบริจาคทองคำและเงินตราต่างประเทศตามโครงการผ้าป่าช่วยชาติ ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน, ธนาคารแห่งประเทศไทย, https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/research-and-publications/reports/bot-report/financial-reports/financial-reports-explanation/bot_gold_donation_outstanding.pdf
4/ ทองคำหลวงตามหาบัว: จากพลังศรัทธาสู่การเก็บรักษาใน “คลังหลวง”, ธนาคารแห่งประเทศไทย, https://www.bot.or.th/th/research-and-publications/reports/annual-report/Report2023/box8.html
หมายเหตุ :
ขอขอบคุณ คุณสุรินทร ลาภเจริญทรัพย์ เลขานุการอาวุโส ประจำผู้ว่าการ ที่มีส่วนร่วมในการเขียน weekly mail ฉบับนี้ คุณพิมพ์วรีย์ กิตติสารกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ, คุณสงวน เลิศโชคชัย ผู้วิเคราะห์อาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ที่ช่วยค้นหาข้อมูล และคุณนันทนา กรดเต็ม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารข้อมูลและดาต้าอนาไลติกส์ ที่ช่วยตรวจสอบข้อมูลจากหอจดหมายเหตุ ธปท.