"...ความสำคัญของความเป็นอิสระของธนาคารกลางอันนำไปสู่ความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ นำไปสู่ ‘หลักปฏิบัติ’ ที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลกหลายประการ เช่นฝายการเมืองไม่ควรแสดงท่าทีกดดันหรือข่มขู่ธนาคารกลางในที่สาธารณะอย่างโจ่งแจ้ง แต่สามารถแสดงความคิดเห็นที่ต่างออกไปอย่างสุภาพ มีการพูดคุยที่อิงบนหลักการ หลักฐานเชิงประจักษ์และข้อมูลสนับสนุนอย่างรอบด้าน ไม่ใช่นำเสนอข้อมูลด้านเดียว เป็นต้น..."
ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีการตั้งคำถามถึงความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะจากฝ่ายการเมือง ว่าเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศหรือไม่ จนนำไปสู่วิวาทะระหว่างฝ่ายที่ต้องการปกป้องความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย กับฝ่ายที่สนับสนุนความเห็นของภาคการเมือง
เนื่องจากวิวาทะเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่งต่อการดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นเสาหลักหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจมหภาคควบคู่กับนโยบายการคลังในทุกประเทศทั่วโลก ในขณะเดียวกันสังคมยังมีความเข้าใจค่อนข้างน้อยในเรื่องความจำเป็นที่ธนาคารกลางต้องมีความเป็นอิสระเพื่อให้สามารถดำเนินนโยบายการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน คณะผู้แถลงการณ์จึงขอแสดงความเห็น ดังนี้
ความเป็นอิสระของธนาคารกลางมีความจำเป็นด้วยเหตุผลอย่างน้อยสองเหตุผล
ประการแรก ธนาคารกลางควรมีความเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมืองในระดับหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้การดำเนินนโยบายการเงินเป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการทางการเมืองระยะสั้น ที่อาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นเสถียรภาพด้านราคา เสถียรภาพของระบบการเงิน และเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน
หากอำนาจในการกำหนดปริมาณเงิน หรืออัตราดอกเบี้ยอยู่ในมือของรัฐบาลผู้ใช้เงิน ก็จะเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะรัฐบาลมีแรงจูงใจที่จะให้ต้นทุนการใช้เงินหรืออัตราดอกเบี้ยต่ำลง
ประการที่สอง การดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ (inflation targeting) จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อสาธารณชน ตลาดการเงิน ตลาดทุน ตลาดเงินตราระหว่างประเทศ มีความเชื่อใจธนาคารกลางว่าจะแน่วแน่ในการรักษาเสถียรภาพสามประการที่กล่าวถึงก่อนหน้า จนทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อ (inflation expectation) อยู่ในกรอบเป้าหมายจริง ซึ่งจะส่งผลให้พฤติกรรมการใช้จ่าย การลงทุน ปริมาณและการหมุนเวียนของเงิน การสร้างสินทรัพย์ทางการเงิน เป็นไปในทิศทางที่เอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพจริงทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
หากความเชื่อมั่นดังกล่าวถูกทำลายไป หน่วยเศรษฐกิจก็จะมีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไป จนอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ฟองสบู่ อันจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในที่สุด ดังตัวอย่างประเทศตุรกีในปัจจุบัน
ความสำคัญของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้รับการรับรองจากงานวิชาการจำนวนมากรวมทั้งประสบการณ์ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกตลอดระยะเวลาหลายสิบปีหรือมากกว่านั้น ที่แสดงให้เห็นว่าการมีเสถียรภาพของราคา ของระบบการเงิน และของระบบสถาบันการเงินส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านหลากหลายช่องทาง เช่นการที่ราคามีเสถียรภาพทำให้หน่วยเศรษฐกิจ (ประชาชน ธุรกิจ ภาคการเงิน และอื่น ๆ) สามารถวางแผนการจับจ่าย วางแผนธุรกิจ และแผนการเงิน ได้อย่างเหมาะสม ไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของราคา ทำให้การใช้จ่าย การลงทุน การออม เป็นไปตามแผนระยะยาวได้ดีกว่า ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว และที่สำคัญคือการป้องกันวิกฤติเศรษฐกิจ เช่นฟองสบู่และการหดตัวรุนแรงที่กล่าวถึงข้างต้น
ความสำคัญของความเป็นอิสระของธนาคารกลางอันนำไปสู่ความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ นำไปสู่ ‘หลักปฏิบัติ’ ที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลกหลายประการ เช่นฝายการเมืองไม่ควรแสดงท่าทีกดดันหรือข่มขู่ธนาคารกลางในที่สาธารณะอย่างโจ่งแจ้ง แต่สามารถแสดงความคิดเห็นที่ต่างออกไปอย่างสุภาพ มีการพูดคุยที่อิงบนหลักการ หลักฐานเชิงประจักษ์และข้อมูลสนับสนุนอย่างรอบด้าน ไม่ใช่นำเสนอข้อมูลด้านเดียว เป็นต้น
ส่วนธนาคารกลางเองก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อภารกิจของตนให้เป็นไปตามกรอบนโยบายเงินเฟ้อที่ตกลงกับรัฐบาลและรัฐสภา เหตุผลสำคัญสำคัญคือ ธนาคารกลางต้องมีความรับผิดชอบต่อสาธารณชน เช่นการออกจดหมายเปิดผนึกอธิบายเหตุผลกรณีที่เงินเฟ้อไม่อยู่ในกรอบเป้าหมาย เป็นต้น นโยบายการคลังเองก็ต้องรักษาเสถียรภาพด้วยเช่นกันผ่านการมีวินัยการคลังที่เหมาะสม เพื่อป้องกันมิให้หนี้สาธารณะ (ทั้งทางการและหนี้ที่เกิดจากนโยบายกึ่งการคลัง) และรายจ่ายในการบริหารหนี้สูงเกินไป ต้องมีนโยบายด้านภาษีที่เหมาะสมกับการพัฒนาประเทศ มีการใช้จ่ายด้านการคลังที่มีประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสประเทศในการก้าวทันพัฒนาการสำคัญ ๆ เช่นพัฒนาการด้านเทคโนโลยี การรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นต้น
คณะผู้แถลงการขอเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบนโยบายการเงินและนโยบายการคลังร่วมมือกันในการรักษาเสถียรภาพในด้านที่ตัวเองรับผิดชอบ และทำการประสานเชิงนโยบายอย่างเหมาะสม ผ่านการพูดคุยถกเถียงที่ตั้งอยู่บนฐานวิชาการ และมีข้อมูลสนับสนุน พร้อมกับการรักษาระดับความอิสระของธนาคารกลางอย่างที่ควรเป็น ประเทศไทยโชคดีที่มีสถาบันและกระบวนการให้หน่วยงานด้านการเงินการคลังร่วมกันจัดทำกรอบงบประมาณประจำปีตามหลักวินัยการเงินการคลังอยู่แล้ว รัฐบาลจึงควรใช้กระบวนการนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
อนึ่งเพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ คณะผู้แถลงการณ์ขอแจ้งว่านักเศรษฐศาสตร์กลุ่มหนึ่งจะจัดงานเสวนาเรื่อง “การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยเพื่อสร้างการเจริญเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” วัตถุประสงค์เพื่อระดมความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ทุกรุ่นในการหาทางออกให้กับประเทศไทยที่ติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางเป็นเวลานาน จนทำให้กลายเป็นผู้ป่วยแห่งอาเซียน งานเสวนาจะมีขึ้นในเร็วๆนี้ โดยจะจัดให้มีการถ่ายทอดผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
นาย นิพนธ์ พัวพงศกร
นายกสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย
นาย วิศาล บุปผเวส
เลขาธิการสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย
**หมายเหตุ**
เรียน เพื่อนนักเศรษฐศาสตร์ทุกท่าน
สิ่งที่ส่งมาด้วย แถลงการณ์เรื่องความขัดแย้งระหว่างธปท. กับ ฝ่ายการเมือง และใบร่วมลงนาม
ตามที่มีความขัดแย้งระหว่างธปท. และฝ่ายการเมืองเรื่องความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ผมและเพื่อนนักเศรษฐศาสตร์บางคนมีความเป็นห่วงกังวลมาก และต้องการระดมสมองหาทางออกให้สังคม จึงตกลงร่วมกันดำเนินการ 2 เรื่องๆ แรก คือ ออกแถลงการณ์ขอให้ “ผู้รับผิดชอบนโยบายการเงินและนโยบายการคลังร่วมมือกันในการรักษาเสถียรภาพในด้านที่ตัวเองรับผิดชอบ และทำการประสานเชิงนโยบายอย่างเหมาะสม ผ่านการพูดคุยถกเถียงที่ตั้งอยู่บนฐานวิชาการ และมีข้อมูลสนับสนุน พร้อมกับการรักษาระดับความอิสระของธนาคารกลางอย่างที่ควรเป็น” ถ้าท่านเห็นด้วยกับแถลงการณ์นี้ กรุณาลงนามร่วมกันครับ
เรื่องที่สอง คือ เพื่อนนักเศรษฐศาสตร์ที่เป็นกรรมการสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยและผมในฐานะนายกสมาคมฯ ตกลงจะจัดการเสวนาหาทางออกด้านการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลาง/ระยะยาว เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคง และยกระดับความเป็นอยู่ของคนไทย โดยการระดมความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ทุกรุ่น ในเร็วๆนี้ เบื้องต้นกำหนดจัดการเสวนาในวันที่ 28 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00-17.00 น. ที่ศูนย์เรียนรู้ ธปท. สมาคมฯจะ confirm วันเวลาที่แน่นอนภายในสัปดาห์นี้ และจะรีบประกาศให้ทราบเพื่อให้นักเศรษฐศาสตร์ทุกรุ่นมีโอกาสร่วมแสดงความเห็นเพื่อหาทางออกให้ประเทศ
จึงเรียนมาเพื่อขอความกรุณาลงนามในแถลงการณ์ (หากท่านเห็นด้วย) และกรุณาส่งใบร่วมลงนาม มายัง คุณนุชนารถ [email protected] โทร 081-442-0052 ภายในวันเสาร์ 11 พฤษภาคม 2567
ผมขอขอบคุณในความร่วมมือครับ
นิพนธ์ พัวพงศกร [email protected]