"...วิธีทำงานของพรรคการเมือง คือ สร้างกลุ่มแกนหรือกลุ่มนักพัฒนานโยบายของพรรคประมาณ 100 - 200 คน ศึกษาเรื่องที่กล่าวมาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วลองลงมือปฏิบัติในพื้นที่ให้มีความจริงจากประสบการณ์..."
1. หน้าต่างแห่งโอกาส
หน้าต่างแห่งโอกาส นาน ๆ จะเปิดให้ทำเรื่องดี ๆ ที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเปิดแต่ไม่ได้ใช้ ไม่ช้าก็จะปิดและผ่านเลยหมดโอกาส
ด้วยเหตุปัจจัยต่าง ๆ ประจวบเหมาะที่ทำให้เกิดการบรรจบของ 4 กระทรวงสำคัญภายใต้พรรคการเมืองเดียวกัน คือ มหาดไทย - ศึกษาธิการ - อุดมศึกษา - แรงงาน โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบมหาดไทย 4 บรรจบ นี้เปิดโอกาสให้ทำเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทย
2. เรื่องสำคัญที่สุด คือ ประเทศไทยที่มีบูรณภาพ
ปัญหาใหญ่ที่สุด คือ การพัฒนาแบบแยกส่วนเป็นเรื่อง ๆ
การชำแหละอะไรออกเป็นส่วน ๆ เหมือนชำแหละโค ชำแหละสุกร ทำให้สิ้นชีวิต ชีวิต คือ การเชื่อมโยง สิ่งที่ไม่มีชีวิตเติบโตงอกงามไม่ได้ มีแต่จะผุพังไป
ประเทศไทยจึงพัฒนาไม่สำเร็จ เพราะการแยกส่วนทำให้เสียสมดุลเสมอ อย่างเช่น เซลล์มะเร็ง มันสูญสำนึกแห่งองค์รวม ทำตัวแยกส่วนเป็นเอกเทศ ทำให้ระบบร่างกายเสียสมดุลจึงป่วยและชีวิตไม่ยั่งยืน
ประเทศที่พัฒนาแบบแยกส่วน จึงเสียสมดุลหรือป่วยประดุจเป็นโรคมะเร็ง การวินิจฉัยโรคผิดทำให้ประเทศไทยไม่หายป่วย การรักษาตามอาการแบบใช้ยาพาราเซตามอล ประเทศไทยไม่หายป่วย ต้องรักษาให้ตรงสมุฏฐาน
3. กุญแจคือบูรณาการ
การพัฒนาอย่างบูรณาการให้ 8 มิติ เชื่อมโยงอยู่ในกันและกัน คือ
เศรษฐกิจ - จิตใจ - สังคม - สิ่งแวดล้อม - วัฒนธรรม - สุขภาพ - การศึกษา - ประชาธิปไตย
ทั้ง 8 มิติ ต้องบูรณาการกัน ไม่ใช่แยกส่วนเป็นเรื่อง ๆ แล้วก็ไม่สำเร็จ อย่างที่แล้วมา
ถ้าทั้ง 8 มิติ บูรณาการกัน จะเกิดความสมดุล ความสมดุล คือ ความเป็นปรกติสุข หรือสุขภาพดีและยั่งยืน
4. การพัฒนาอย่างบูรณาการต้องเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง
เอากรม หรือวิชาการ หรือประเด็นเป็นตัวตั้งไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้แยกส่วนเป็นเรื่อง ๆ
พื้นที่ คือ ชุมชน หรือ หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบพื้นที่ทั้งประเทศอยู่แล้ว นี่คือจุดแข็งที่กระทรวงอื่นไม่มี
พื้นที่ทุกระดับมีองค์กรจัดการคือ
พื้นที่ จำนวน องค์กรจัดการ
ชุมชน (หมู่บ้าน) 80,000 องค์กรหรือสภาผู้นำชุมชน
ตำบล 8,000 อบต./เทศบาลตำบล
อำเภอ 800 องค์กรอำเภอ
จังหวัด 77 อบจ.
ยุทธศาสตร์ คือ ร่วมเรียนรู้ และสนับสนุนให้องค์กรจัดการในพื้นที่ มีสมรรถนะในการพัฒนาอย่างบูรณาการ
5. หัวใจของการพัฒนาประเทศไทย
สภาผู้นำชุมชนตามธรรมชาติ และกระบวนการชุมชน 7 ขั้นตอน
ตรงนี้คนทั้งประเทศจะไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง จึงพัฒนาไม่ได้ ตามพระราชดำรัสของในหลวง ร.9 “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”
มายาคติอย่างหนึ่งที่ทำให้สังคมไทยไม่มีพลัง คือ เคารพแต่ความเป็นทางการ ไม่เข้าใจว่าความไม่เป็นทางการนั้นมีมาก่อน ใหญ่กว่า สอดคล้องกับความเป็นจริงตามธรรมชาติมากกว่า และคล่องตัวกว่า
ผู้นำตามธรรมชาติ คือ ผู้นำที่ไม่เป็นทางการ มีในทุกชุมชนประมาณ 40 - 50 คนต่อหมู่บ้าน ท่านเหล่านี้เป็นผู้นำกลุ่มอาชีพบ้าง ผู้นำกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มสตรี กลุ่มเยาวชน ครู พระ ศิลปิน ปราชญ์ชาวบ้าน ที่ว่าเป็นผู้นำตามธรรมชาติเพราะไม่ใช่ผู้นำโดยการเลือกตั้งหรือโดยการแต่งตั้ง แต่เป็นผู้นำที่เกิดขึ้นเอง โดยชาวบ้านค้นพบว่าเขามีคุณลักษณะ 5 คือ
1. เป็นคนเห็นแก่ส่วนรวม
2. เป็นคนสุจริต
3. เป็นคนรอบรู้
4. เป็นคนสื่อสารเก่ง
5. เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
คุณสมบัติ 5 ประการของผู้นำตามธรรมชาติไม่แน่ว่าผู้นำที่เป็นทางการจะมีครบ ผู้นำตามธรรมชาติเป็นผู้นำที่มีคุณภาพสูงสุด และมีอยู่หมู่บ้านละ 40 - 50 คน ทั้งประเทศจึงมีประมาณ 4 ล้านคน !!
นี่คือพลังสร้างสรรค์มหาศาลที่ฐานแผ่นดิน
แต่คนไทยไม่รู้ความจริงของแผ่นดินไทย เพราะการศึกษาที่เอาวิชาเป็นตัวตั้งไม่ได้เอาความจริงเป็นตัวตั้ง จึงไม่รู้จักผู้นำตามธรรมชาติที่ฐานของแผ่นดินไทย ผู้นำเหล่านี้จะสร้างฐานประเทศไทยให้มั่นคง เมื่อฐานของประเทศมั่นคงก็จะรองรับประเทศทั้งหมดให้มั่นคง
พระเจดีย์ต้องสร้างจากฐาน
สร้างจากยอดไม่ได้เพราะจะพังลง ๆ ประเทศไทยพัฒนาประดุจสร้างพระเจดีย์จากยอดจึงไม่สำเร็จ
กระบวนการชุมชน 7 ขั้นตอน
หัวใจการเรียนรู้ที่คนไทยทุกคนควรรู้
ได้แก่
1. สภาผู้นำชุมชนตามธรรมชาติ เกิดจากการก่อตัวขึ้นเอง มีประมาณ 40 - 50 คน
2. สำรวจข้อมูลชุมชน ให้รู้สถานการณ์ความเป็นจริงของชุมชนรอบด้าน เป็นขั้นตอนที่ขาดมิได้ เพราะถ้าปราศจากข้อมูลจะคิดไม่ครบ
3. ทำแผนชุมชน คิดจากข้อมูลชุมชน มักเป็นแผนพัฒนาชุมชนอย่างบูรณาการ
4. เสนอสภาประชาชน หรือสภาชุมชน คือ ที่ประชุมของคนทั้งหมู่บ้าน ไม่ต้องอาศัยการเลือกตั้ง เพราะชุมชนมีขนาดเล็กจึงเป็นประชาธิปไตยทางตรง ไม่มีการซื้อเสียงขายเสียง ประชาธิปไตยชุมชนจึงมีคุณภาพสูงกว่าประชาธิปไตยทางอ้อม
5. ลงมือปฏิบัติตามแผน โดยคนทั้งชุมชนซึ่งผ่านการทำแผนมา จึงเข้าใจและปฏิบัติได้ถูกต้อง
6. กลุ่มติดตามการปฏิบัติ เพื่อขจัดอุปสรรคทำให้ปฏิบัติได้
7. กลุ่มประเมินผลปฏิบัติตามแผน เป็นข้อมูลป้อนกลับไปข้อ 2
กระบวนการชุมชน 7 ขั้นตอน นี้เป็นวงจรจัดการ (Management loop) ที่จะปรับตัวให้ดีขึ้นตลอดเวลา เป็นกระบวนการที่ทรงพลังยิ่ง เป็นการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติในสถานการณ์จริง หรือ PILA (Participatory Interactive Learning through Action) เป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมที่ใช้ความรู้และการเรียนรู้
ชุมชนเข้มแข็ง คือ โลกศรีอาริยะที่มีความเจริญทั้งทางเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สุขภาพ การศึกษา และประชาธิปไตย
เป็นองค์กรทางสังคมที่มีภูมิคุ้มกันจากภยันตรายทุกชนิด เป็นสังคมรมณีย์ของอารยชน
ชุมชนเข้มแข็ง จึงเป็นประดุจเซลล์ของร่างกายที่ประกอบกันเป็นระบบชีวิตที่วิจิตร ชุมชนเข้มแข็งก็ควรเป็นหน่วยพื้นฐานของสังคมที่วิจิตร
6. วิธีการ
กลุ่ม 10 ต่อตำบล
ควรจัดให้มี กลุ่มร่วมพัฒนาตำบลอย่างบูรณาการ (กพต.) กลุ่มละประมาณ 10 คนต่อตำบล ไปสนับสนุนและร่วมเรียนรู้กับอบต./เทศบาลตำบล และผู้นำชุมชนตามธรรมชาติ ทุกหมู่บ้านในตำบล ร่วมในกระบวนการชุมชน 7 ขั้นตอน ดังกล่าวในตอน 5 จะเกิดการพัฒนาอย่างบูรณาการ 8 มิติในทุกหมู่บ้านเต็มตำบลหนึ่ง ๆ
ทำอย่างนี้ในทุกตำบลทั่วประเทศประมาณ 8,000 ตำบล
แผ่นดินไทยทั้งประเทศจะเกิดการพัฒนาอย่างบูรณาการ ขจัดทุกข์ และสร้างสุขภาวะที่สมบูรณ์ เป็นแผ่นดินศานติสุข
กลุ่มพัฒนาตำบลกลุ่มละ 10 คน ควรมาจากทุกภาคส่วนของสังคมไทย ซึ่งมีทั้งหมด 9 ภาคส่วน คือ
1. ภาคภูมิสังคม (สังคมที่ติดแผ่นดินไทย)
2. ภาคการเมือง
3. ภาครัฐ ทั้งพลเรือนและกองทัพ
4. ภาคธุรกิจและภาคการเงิน
5. ภาคการศึกษา
6. ภาคการพระศาสนาและวัฒนธรรม
7. ระบบสุขภาพ
8. ภาคประชาสังคม
9. ภาคการสื่อสาร
เมื่อคนไทยจากทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่อย่างบูรณาการ ก็ทำให้เกิดการพัมนาอย่างบูรณาการในทุกภาคส่วนของประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีบูรณภาพเป็นองค์รวมประเทศไทย เป็นแผ่นดินไทยศานติสุข
7. กลุ่มแกนหรือกลุ่มนักพัฒนานโยบายของพรรค
วิธีทำงานของพรรคการเมือง คือ สร้างกลุ่มแกนหรือกลุ่มนักพัฒนานโยบายของพรรคประมาณ 100 - 200 คน ศึกษาเรื่องที่กล่าวมาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วลองลงมือปฏิบัติในพื้นที่ให้มีความจริงจากประสบการณ์
กลุ่มนักพัฒนานโยบายของพรรคเหล่านี้ มีหน้าที่ทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนและสนับสนุนการปฏิบัติ ให้เกิดการปฏิบัติการพัฒนาอย่างบูรณาการในทุกพื้นที่ และถักทอทุกภาคส่วนเข้ามาบูรณาการกับพื้นที่เพื่อทำให้เกิด
ประเทศไทยที่มีบูรณภาพ
เป็นแผ่นดินไทยศานติสุข
นี่คือหน้าต่างแห่งโอกาสที่กำลังเปิด ซึ่งถ้าไม่ได้ใช้จะน่าเสียดายยิ่ง และประเทศไทยจะทุกข์ระทม แทนที่จะเป็นสังคมอุดมสุข