‘พิธา’ ตอบคำถามสื่อหลายประเด็น ยืนยันไม่อ่อนข้อในการตรวจสอบรัฐบาล ยันซักฟอกรัฐบาล เม.ย.นี้แน่นอน ส่วนกรณีศาลรธน.จะพิจารณากรณีหาเสียงแก้ม.112 เตรียมฉากทัศน์รองรับแล้ว ก่อนปฏิเสธกรณี ‘ทักษิณ’ ไม่ได้อ่อนตรวจสอบ แต่ต้องให้ความเป็นธรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 26 มกราคม 2567 ในการแถลงแผนงานของพรรคก้าวไกลที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ภาพรวมของฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล จะต้องมีการทำงานร่วมกัน แผนดำเนินการของพรรคฝ่านค้าน คงจะต้องเอามาร่วมกันทั้งพรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเป็นธรรม รวมอื่นพรรคร่วมอื่นๆด้วยว่า จะมีอะไรที่สามารถทำงานร่วมกันได้หรือแจกจ่ายงานว่า ใครเหมาะสมกับงานส่วนไหน ต้องรอพรรคอื่นด้วยว่ามีแผนอย่างไร
@ไม่อ่อนข้อรัฐบาล จ่ออภิปราย-ตั้งกระทู้-กรรมาธิการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการตรวจสอบรัฐบาลเห็นว่าความเข้มข้นของพรรคก้าวไกลยังไม่มากพอ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาภายในค่อนข้างมาก อยากให้ฉายภาพว่า อะไรคือสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเจอ นายพิธาตอบว่า คงเป็นไปตามที่ได้นำเสนอก่อนหน้านี้ ทุกๆสัปดาห์จะมีกรรมาธิการในการเก็บข้อมูลต่างๆ และมีการลงพื้นที่รับฟังประชาชนตลอดเวลา และในเบื้องหลังมีการเรียบเรียงและฉายภาพว่า อะไรคือสิ่งที่รัฐบาลทำผิดพลาดบ้าง และอะไรที่ต้องปรับปรุง ซึ่งตามกลไกของรัฐสภาก็มีไว้บ่าง ซึ่งในเดือน เม.ย.นี้ น่าจะเห็นภาพและเรียกดูข้อมูลที่เก็บไว้ทุกๆสัปดาห์ ชี้แจงกับประชาชนและรัฐบาลได้ทราบด้วย และหากมีประเด็นอะไรที่รอไม่ได้ ก็ยังมีช่องทางการตั้งกระทู้ถามในสภาฯ และการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน เพื่อให้ทิศทางในการบริหารราชการแผ่นดินมีความเป็นธรรม
@พร้อมรับคำพิพากษา ศาลรธน.ปม 112
เมื่อถามว่า ปัญหาเฉพาะหน้าของพรรคก้าวไกลคือในสัปดาห์หน้า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 มีการประเมินฉายทัศน์ต่างๆไว้อย่างไร นายพิธาระบุว่า มีการคิดเป็นซีเนริโอไว้อยู่ รวมถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุดก็มีการประเมินไว้แล้ว แต่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลก็ยังบริหารจัดการได้ และไม่ได้ทำให้ภาพรวมของแผนการทั้งปีสะดุดลง เชื่อว่าสามารถบริหารจัดการได้ ส่วนรายละเอียดคงบอกอะไรไม่ได้ เพราะทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ย้ำเตือนมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หัวข้อในการอภิปรายรัฐบาลได้เตรียมไว้แล้วหรือยัง นายพิธากล่าวว่า ต้องเน้นใน 3 ข้อใหญ่ คือ 1.ความล้มเหลวในการบริหารประเทศ 2.พฤติกรรมการประพฤติมิชอบและการทุจริตคอร์รัปชั่น และการทำงานที่ช้าเกินไป น้อยเกินไปและสายเกินไป ตอนนี้การทำข้อมูลหลังบ้านมีข้อมูลเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ทั้งจดหมาย การส่งข้อความเข้ามา หรือการลงพื้นที่ และส่วนของกรรมาธิการที่เรียกข้อมูลได้เรื่อยๆ ขอสัญญากับประชาชนว่า มาตรฐานต่างๆ จะทำให้ไม่ผิดหวังและไม่ต่ำกว่า 4 ปีที่ผ่านมาแน่นอน
@โชว์แผนงานเป็นความโปร่งใส
กับประเด็นคำถามที่ว่า การเปิดแผนงานของพรรคก้าวไกลทำให้รัฐบาลสามารถสกัดแผนงานบางอย่าง อาทิ การเสนอกฎหมายบางฉบับ หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า การทำงานไม่ได้มีแค่ฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่ยังมีประชาชน อาสาสมัคร เอกชน NGO และองค์กรระหว่างประเทศให้ความร่วมมือ หากไม่พูดให้ชัดเจนและโปร่งใสว่าจะทำอะไร การได้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนก็คงสร้างความเข้าใจไม่ได้ และมองไม่เห็นว่าการเมืองแห่งความเป็นไปได้จะเป็นอย่างไร และอีกอย่าง ตนก็ไม่ได้บอกทุกเรื่อง (หัวเราะ) เรื่องในรายละเอียดของพรรคก็มีอยู่ข้างหลัง แต่ที่มานำเสนอวันนี้ก็เป็นส่วนที่ได้สรุปมาแล้ว ก็น่าจะมีการชี้แจงให้กบัสมาชิกพรรคอีกที ซึ่งจะมีการลงรายละเอียดแน่นอน
ผู้สื่อถามอีกว่า ดังนั้น รูปแบบพรรคฝ่ายค้านของก้าวไกลจะไม่เหมือนพรรคอื่นใช่หรือไม่ นายพิธาตอบว่า พรรคมีบทบาทในฝ่ายนิติบัญญัติ การทำฏำหมายที่ก้าวหน้าเป็นหน้าที่ของพรรคอยู่แล้ว แน่นอว่าการตรวจสอบตรงไปตรงมาและเต็มที่อยู่แล้ว นอกจากนั้นการตรวจสอบไม่พอต้องมีการแนะนำด้วย และในขณะเดียวกันต้องเรียนรู้ในกระบวนการ เมื่อได้รัฐบาลจะได้ไม่มีอะไรติดขัดที่สามารถทำงานได้เลย
@ปัดอ่อนตรวจสอบรัฐบาลปม ‘ทักษิณ’
เมื่อถามอีกว่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การตรวจสอบของพรรคก้าวไกลค่อนข้างที่จะอ่อนแอลง หลังจากที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะการตรวจสอบเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีที่รักษาตัวอยู่นอกเรือนจำนั้น นายพิธาระบุว่า ไม่เป็นความจริง พรรคยังทำงานอย่างตรงไปตรงมา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ได้ตั้งกระทู้ถามสดไปในสภาฯแล้ว ก็มองว่าเป็นเรื่องของระบบไม่ใช่แค่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และไม่ต้องการให้กลายเป็นเรื่องของความสะใจ แต่จะให้ความสำคัญกับระบบที่ควรจะมีความเสมอภาคของคนที่โดนกลั่นแกล้งทางการเมือง รวมถึงคนที่โดนลี้ภัยไปต่างประเทศที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองและไม่สามารถกลับบ้านได้ ควรที่จะได้รับโอกาสกลับเข้าสู่กระบวนการอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะสนับสนุนและโจมตีบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ไม่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นนิติรัฐของอภิสิทธิ์ชน เราพยายามทำงานตรงนี้ให้ไปข้างหน้าให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แล้วมีความเห็นอย่างไรที่ตอนนี้ สถานการณ์ของนายทักษิณ ที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจ มีการมองว่าเป็นการสองมาตรฐาน แต่ทางพรรคก้าวไกลไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง นายพิธา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่านายทักษิณถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองด้วยความสองมาตรฐานเช่นเดียวกัน ไม่ได้หมายความว่าความสองมาตรฐานที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ สามารถไปล้มล้างความสามารถความสองมาตรฐานในอดีต เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ควรจะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งก่อนและหลัง แต่ยังไงก็ยังติดตามอยู่ตลอดจะใช้กลไกทั้งนอกและในสภาฯในการทำงานตรงนี้
@งง สว.เพิ่งมาอภิปรายรัฐบาล
ส่วนที่มีการนำพรรคก้าวไกลไปเปรียบเทียบกับ กรณีที่ สว. จะเปิดอภิปราย มาตรา 153 โดยประเด็นเนื้อหารวมถึงนายทักษิณด้วยนั้น นายพิธา กล่าวว่า อายุการทำงานไม่เท่ากัน ประสิทธิภาพของการทำงานไม่ได้หมายความว่าใครทำก่อนทำหลัง แต่ประสิทธิภาพการทำงานคือใครทำงานตรงเป้าหมายมากกว่ากัน หากวุฒิสภาเห็นว่า เวลาที่เหมาะสมคือตอนนี้ ก็อาจจะทำก่อนพรรคก้าวไกล ก็เป็นสิทธิของวุฒิสภา
“แต่ที่น่าแปลกก็คือประชุมกันมาหลายปี ก็เพิ่งเห็นครั้งแรกไม่เคยมีการตรวจสอบรัฐบาลมาก่อน ก็เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามกลับไป แต่ของเราอภิปรายไม่ไว้วางใจมาทุกปี และไม่เคยทำให้ประชาชนผิดหวัง เราทำอย่างเต็มที่ไม่มีการออมมือ” นายพิธาระบุ
เมื่อถามว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะเกิดขึ้นในเดือน เม.ย. จะมีเรื่องนายทักษิณหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องรอดูสถานการณ์ไหนที่จะมาเรียงลำดับความสำคัญ