"...เมื่อทุกคนมีงานทำ มีรายได้ หลุดหนี้ มีเงินออม ก็หายจน อยู่ดีมีสุข มีอำนาจซื้อมาก เศรษฐกิจมหภาคก็จะเติบโตและมั่นคง เพราะอยู่บนฐานที่แข็งแรงของเราเองไม่ใช่พึ่งตลาดโลกเป็นหลักซึ่งพลิกผันและวิกฤตง่าย รัฐบาลก็จะเก็บภาษีได้มาก โภคทรัพย์จากเต็มท้องพระคลัง..."
นักเศรษฐศาสตร์ค้านกันตรึม ในนโยบายแจกเงินคนละ 10,000 บาท เป็นเงิน 5 แสนกว่าล้านบาท กลัวคนไทยจะเป็นหนี้หัวโต แต่แก้ปัญหาประเทศไม่ได้จริง
ที่แก้ปัญหาได้จริงคือสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่
เมื่อทุกคนมีงานทำ มีรายได้ หลุดหนี้ มีเงินออม ก็หายจน อยู่ดีมีสุข มีอำนาจซื้อมาก เศรษฐกิจมหภาคก็จะเติบโตและมั่นคง เพราะอยู่บนฐานที่แข็งแรงของเราเองไม่ใช่พึ่งตลาดโลกเป็นหลักซึ่งพลิกผันและวิกฤตง่าย รัฐบาลก็จะเก็บภาษีได้มาก โภคทรัพย์จากเต็มท้องพระคลัง
การสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ก็ไม่ยากถ้าเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยระดมกำลังของทุกฝ่ายระดมเทคนิคและวิธีการทั้งหมดที่จะสร้างงาน ระดมการจัดการทั้งหมด
นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้นำทิศทางนโยบาย ให้ทุกองคาพยพของประเทศมีความมุ่งมั่นร่วมกัน คนไทยไม่เคยมีความมุ่งมั่นร่วมกันไปคนละทิศคนละทาง ประเทศจึงติดอยู่ในวิกฤตการณ์เรื้อรัง เมื่อใดคนไทยมีความมุ่งมั่นร่วมกัน จะเกิดพลังประดุจแสงเลเซอร์ทะลุทะลวงอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จ
นายกรัฐมนตรีจึงไม่ควรบริหารจิปาถะ ซึ่งจะหมดแรงและไม่สำเร็จ แต่ต้องมีวิสัยทัศน์ว่าอะไรเป็นจุดคานงัดประเทศไทย และเป็นผู้นำที่สื่อสารให้คนไทยทั้งประเทศมีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จุดคานงัดนั้น
จุดคานงัดประเทศไทย คือ การสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่
หายจนถ้วนหน้า ลดความเหลื่อมล้ำ ทุกคนมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น รวมทั้งรัฐบาลด้วย ไม่มีความเสี่ยงต่อการเป็นหนี้หัวโตและความล้มเหลวเหมือนการแจกเงิน
แจกงานดีกว่าแจกเงิน
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.freepik.com