"...กฎแห่งแรงดึงดูดจะได้ผลเมื่อเราคิดบวก เพราะหากเราหมกมุ่นไปกับความคิดเชิงลบ ผลที่ออกมาก็จะมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเราเสมอ อย่างไรก็ดี ความพยายามคิดบวกตลอดเวลาเป็นเรื่องยาก เพราะในแต่ละวันเรามักจะเผชิญเรื่องที่ไม่คาดฝัน เป็นที่มาที่ทำให้คิงส์เชื่อมโยงไปถึงกฎแห่งแรงสั่นสะเทือน พัวพันไปถึงพลังงาน แรงสั่นสะเทือน และจักรวาล จนถึงกลศาสตร์ควอนตัม จนผมต้องนิ่งไปสักพักหนึ่งว่าโยงกันได้อย่างไร..."
“ให้คิดเป็นบวก เราโชคดีกว่าหลายคน ยิ้มเข้าไว้” เป็นประโยคที่คนใกล้ชิดมักจะใช้ในการปลอบโยนให้กำลังใจเมื่อเห็นหน้าตาเราอมทุกข์แบบบุญไม่รับ แม้ประโยคยอดฮิตนี้จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ด้วยความคิดที่ไม่เคยหยุดยั้งในแต่ละวัน (มีบทวิจัยระบุว่า เราใช้ความคิดและใช้จินตนาการกว่า 60,000 เรื่องในแต่ะละวัน) เราจึงมักกลับมาเป็นโรคจิตตกอีก ยิ่งวันไหนเริ่มต้นแย่ ๆ วันนั้นถือว่าหายนะ มักเป็นวันที่รู้สึกไม่มีความสุขไปตลอดวัน
เหล่าบรรดานักจิตวิทยาและกูรูทั้งหลายมักมีข้อแนะนำ พร้อมมีหนังสือหลายเล่มพยายามแนะนำถึงการแสวงหาความสุขให้ชีวิต ใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการตอบโจทย์นี้ แต่สำหรับ เว็กซ์ คิงส์ (Vex King) วัย 36 ปี ชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดีย อินฟลูเอนเซอร์ทางอินสตาแกรมที่มีผู้ติดตามกว่า 1.4 ล้านคน ผู้ผ่านจุดต่ำสุดของชีวิต อาศัยอยู่ในบ้านพักพิงตอนวัยเด็ก ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายสุด ๆ ฝ่าฟันชีวิตเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ แต่เกือบตัดสินใจไม่เรียนต่อ และเริ่มต้นชีวิตทำงานได้ไม่สวยหรู แต่ในที่สุด เขาค้นพบหนทางชีวิตที่ดีกว่า ได้เข้าสู่วงการดนตรีเป็นโปรดิวเซอร์ ก่อนพลิกตัวเองมาเป็นที่ปรึกษาและไลฟ์โค้ช เขียนหนังสือเรื่อง Good Vibes, Good Life (ใช้คลื่นพลังบวก ดึงดูดพลังสุข) เป็นหนังสือ non-fiction ขายดีติดอันดับหนึ่งของหนังสือพิมพ์ Sunday Times ในปี 2021 จากยอดขายกว่า 1 ล้านเล่ม และเป็นหนังสือขายดีที่ร้านหนังสือแบงก์ชาติมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว
คิงส์เกริ่นนำด้วยข้อคิดที่ไม่แตกต่างจากคนอื่นที่กล่าวไว้ว่า “การรักตัวเองคือการสร้างสมดุลระหว่างการยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็น แต่ต้องตระหนักว่าเราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่าและพยายามไปให้ถึงจุดนั้น” แต่แนวคิดที่ฉีกแนวคนอื่นคือ คิงส์ได้ยกถึงกฎแห่งแรงดึงดูด (attraction theory) เน้นเรื่องการคิดบวก และกฎแห่งแรงสั่นสะเทือน (vibration theory) มาผสมผสานกัน เพื่อให้มีชีวิตและเป็นคนที่ดีกว่าเมื่อวาน
คิงส์ได้เล่าเหตุการณ์สมัยเรียนมหาวิทยาลัยว่า ครอบครัวมีฐานะยากจน ทำให้ไม่สามารถไปเที่ยวกับเพื่อนในช่วงฤดูร้อนได้ แต่จู่ ๆ เขาก็ได้รับจดหมายจากกรมสรรพากรว่าจะได้รับเงินภาษีคืน คิงส์โทรศัพท์ติดตามว่าเมื่อไหร่จะได้รับเงินดังกล่าว แต่กลับไม่มีคำตอบที่ชัดเจน จนเขาเลิกหวังและบอกเพื่อน ๆ ว่าให้จองไปเที่ยวกันโดยไม่ต้องรอ จากนั้นก็หันไปใส่ใจเรื่องอื่น และทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นแต่ในที่สุดคิงส์ได้รับภาษีคืนก่อนเดินทางไม่กี่วัน ทำให้เขาเชื่อสนิทใจต่อกฎแห่งแรงดึงดูดที่ว่า หากเรามีความเชื่อว่าสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้น สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นในที่สุด กล่าวคือ “ความเชื่อของเรา สามารถทำให้เป็นจริงได้”
กฎแห่งแรงดึงดูดจะได้ผลเมื่อเราคิดบวก เพราะหากเราหมกมุ่นไปกับความคิดเชิงลบ ผลที่ออกมาก็จะมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเราเสมอ อย่างไรก็ดี ความพยายามคิดบวกตลอดเวลาเป็นเรื่องยาก เพราะในแต่ละวันเรามักจะเผชิญเรื่องที่ไม่คาดฝัน เป็นที่มาที่ทำให้คิงส์เชื่อมโยงไปถึงกฎแห่งแรงสั่นสะเทือน พัวพันไปถึงพลังงาน แรงสั่นสะเทือน และจักรวาล จนถึงกลศาสตร์ควอนตัม จนผมต้องนิ่งไปสักพักหนึ่งว่าโยงกันได้อย่างไร
คิงส์อธิบายว่าทุกสิ่งมีพลังงานแอบแฝง ในตัวเราก็เช่นกันมีพลังธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและกลายเป็นแรงสั่นสะเทือน เป็นคลื่นความถี่ส่งต่อไปกลายเป็นความคิด อารมณ์ และคำพูด ที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงตัวเรา ทั้งนี้ แรงสั่นสะเทือนที่มีความถี่สูงมักจะเป็นเรื่องดี ๆ ซึ่งรวมถึงความคิดเชิงบวก และอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ในขณะที่ความถี่ต่ำมักจะเป็นเรื่องที่เราควรจะลด ละ เลิก
การจะทำให้ความคิดกลายเป็นรูปร่างจริง หรืออย่างน้อยเป็นจริง ต้องเชื่อมความถี่ในแรงสั่นสะเทือนของสิ่งนั้น คล้ายกับคลื่นสถานีวิทยุ ที่เราต้องจูนตัวรับสัญญาณให้ตรงกับความถี่ของสถานีนั้น หากต้องการให้รู้สึกดี ๆ เราก็ต้องส่งความรู้สึกนั้นออกไป เพื่อจะได้รับกลับมาผ่านการสั่นสะเทือนที่ตรงกัน ดังนั้น ความเข้าใจที่ว่า “เราจะรู้สึกดีเมื่อเรามีสิ่งนั้นเมื่อมีทรัพย์สิน เงินทอง หน้าที่การงานที่ดี หรือความรัก แต่ความจริงคือเราสามารถรู้สึกดีได้ทุกชั่วขณะ”
การนำกฎแห่งแรงดึงดูด และกฎแห่งแรงสั่นสะเทือนมาใช้นั้น ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อด้วย ตั้งแต่การอยู่ท่ามกลางคนคิดบวก ภาษากายของเรา การพักผ่อนที่เพียงพอ ทานอาหารที่มีคุณภาพ การค้นหาแรงบันดาลใจ ไปจนถึงการจับอารมณ์ของตนเอง
ในตอนท้ายของหนังสือ คิงส์ได้สรุปแนวคิดไว้ว่า “เรามีทุกสิ่งที่ต้องการเพื่อสร้างชีวิตที่น่าตื่นเต้นและงดงาม ทุกอย่างเริ่มจากการรักตัวเอง การสร้างแรงดึงดูดและรักษาแรงสั่นสะเทือนที่สูง ยิ่งจะทำให้เราสานฝันให้เป็นจริงได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลา แต่แรงสั่นสะเทือนที่สูงยิ่งจะทำให้เรารู้สึกดี และหากเราสัมผัสความรู้สึกดีอย่างต่อเนื่อง เราจะมองชีวิตในทางบวกอยู่เสมอ”
รณดล นุ่มนนท์