"...ตัวเลขคะแนนเสียง ของผู้ได้รับเลือกตั้ง ชนะกันแบบพลิกขั้วกลับข้างเช่นนี้ ควรทำให้วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาหูตาสว่างขึ้นจากข้อมูลเท็จที่ปั้นแต่งกันขึ้นมาจนทำให้สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ 2 คน ทำร่างมติวุฒิสภา ฉบับที่ S. Resolution 114 เมื่อไม่กี่วันมานี้ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของวุฒิสภา ตามที่ กมธ. ต่างประเทศ และ กมธ. สิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภาของไทย โดยคุณสมชาย แสวงการ นำเสนอต่อสาธารณะเป็นประเด็นที่คนไทยทั่วประเทศไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยเป็นอันขาด..."
การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 14 พค. 66 ปรากฏผลคะแนนลำดับ 1 พรรคก้าวไกลได้ 152 เสียง และลำดับ 2 พรรคเพื่อไทยได้ 141 เสียง เป็นชัยชนะของฟากฝั่งฝ่ายค้านเดิม ในขณะที่พรรคฝ่ายรัฐบาลคือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนนน้อยแบบถูกทิ้งห่าง
ตัวเลขคะแนนเสียง ของผู้ได้รับเลือกตั้ง ชนะกันแบบพลิกขั้วกลับข้างเช่นนี้ ควรทำให้วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาหูตาสว่างขึ้นจากข้อมูลเท็จที่ปั้นแต่งกันขึ้นมาจนทำให้สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ 2 คน ทำร่างมติวุฒิสภา ฉบับที่ S. Resolution 114 เมื่อไม่กี่วันมานี้ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของวุฒิสภา ตามที่ กมธ. ต่างประเทศ และ กมธ. สิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภาของไทย โดยคุณสมชาย แสวงการ นำเสนอต่อสาธารณะเป็นประเด็นที่คนไทยทั่วประเทศไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยเป็นอันขาด
ร่างข้อมติดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ “ขอให้รัฐบาลไทยปกป้อง และธำรงไว้ซึ่งประชาธิปไตย นิติธรรม เสรีภาพในการรวมตัว อย่างสงบ เสรีภาพในการแสดงออก และเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ”
(S. RES. 114 Urging Government of Thailand to protect and uphold democracy, human rights, the rule of law, and rights to freedom of peaceful assembly and freedom of expression, and for other purposes.)
มติข้อ 9 ขอให้สื่อสารกับรัฐบาลไทยว่า ความต่อเนื่องในการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนไทย ในการกำหนดอนาคตอย่างประชาธิปไตยและสันติ เป็นเรื่องที่สหรัฐรับไม่ได้ว่าการเลือกตั้งทั่วไป จะเป็นไปอย่างอิสระและยุติธรรม โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา
(9) Communicates to the Government of Thailand that continuing violations of the rights of the people of Thailand to peacefully and democratically determine their future will make it impossible for the United States to recognize the next general election as free and fair, regardless of outcome.
มติข้อ 10 “การแทรกแซงโดยกองทัพหรือ สถาบันกษัตริย์ก่อน ระหว่าง หรือหลังการเลือกตั้งทั่วไป ทั้งทางตรงและทางอ้อมจะ
(A) กระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และไทย และ
(B) ส่งผลกระทบต่อการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงแก่ไทย และความ
ร่วมมือระดับภูมิภาคและทางเศรษฐกิจ”
(10) Unequivocally states that direct or indirect military or royal intervention before, during, or after the general election would –
(A) profoundly undermine bilateral relations between the United States and Thailand; and
(B) endanger economic and security assistance to Thailand and regional and economic cooperation.
นอกจากนี้ยังมีข้อมติอื่นๆอีกรวม 10 ข้อ โดยที่ทุกข้อล้วนเป็นเรื่องของประเทศไทยไม่ใช่กงการอะไรของวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาเลย
1. ขอถามวุฒิสภาสหรัฐว่า หากรัฐบาลไทยจำกัดสิทธิเสรีภาพ ไม่ปฏิบัติหลักนิติธรรม ไม่เคารพการรวมตัวอย่างสงบ ไม่เคารพเสรีภาพในการแสดงออก การเลือกตั้ง 14 พค. 66 จะปรากฏผลเช่นนี้หรือ
รัฐบาลไทยมีอำนาจรัฐ มีกลไก มีเครื่องมือ และอุปกรณ์สารพัด ที่จะกีดกั้น กลั่นแกล้ง จำกัดการแสดงออกของอีกฝ่าย แต่การเลือกตั้งก็ดำเนินไปโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหน้าที่อย่างอิสระ ไม่มีการแทรกแซงใดๆ เลย ยิ่งเขียนถึงการแทรกแซงของราชวงศ์และทหาร (ในข้อ 10) ยิ่งต้องถามกลับว่า มีราชวงศ์พระองค์ไหนไปแทรกแซง มีทหารหน่วยไหนไปทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นอิสระ ไม่มีเลย
ข้อเรียกร้องที่ 8 ก็เช่นกัน ที่ให้รัฐบาลยกเลิกการเซ็นเซอร์ เนื้อหาและคำพูดออนไลน์ เกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง ขอถามว่ามีใครไปเซ็นเซอร์ใคร มีใครถูกเซ็นเซอร์ ตอบมาให้เห็นได้ไหม การเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข (ข้อ 5) ก็ต้องถามกลับว่า ถ้ามีกลุ่มก๊วนเอาสีไปสาดใส่ทำเนียบขาวเปรอะไปทั้งอาคาร หรือเอาไฟไปเผาผลาญทรัพย์สินของทำเนียบขาว ทางการสหรัฐจะยอมให้กระทำโดยไม่โต้ตอบอะไรเลยหรืออย่างไร
ในกรุงเทพฯ วุฒิสภาสหรัฐฯ ไม่รู้หรือว่าคนที่แสดงความเห็นต่างทางการเมือง ไม่มีใครคนใดถูกกีดกั้น แต่คนกลุ่มหนึ่งไม่ได้แสดงความเห็นทางการเมืองโดยบริสุทธ์อย่างสันติ พวกเขาทุบทำลายตู้ยามสาธารณะ ขว้างระเบิดใส่ถนนหนทาง อย่างน่าอันตรายต่อผู้คนทั่วไป สาดสีใส่ฐานอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเขียนถ้อยคำลามกประจานความกักขฬะของตนเอง เขาจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวฯ ล้วนเป็นการก่อความรุนแรง หยาบคาย เย้ยหยันหลักนิติธรรม อนารยะอย่างนั้นหรือที่วุฒิสภามาเรียกร้องให้ปล่อยตัว
คนของสถานทูตอเมริกาในประเทศไทยไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนจึงไม่เห็นปรากฏการณ์เหล่านี้
2. ในสหรัฐอเมริกาเองนั้น สุดยอดแล้วใช่ไหมในการเคารพต่อสิทธิมนุษยชน เคารพในความแตกต่างทางเชื้อชาติศาสนา ปรากฏการณ์ตำรวจใช้ความรุนแรงกับจอร์จ ฟลอยด์ คนสีผิวจนตายคาพื้นถนนนั่นหรือคือการปฏิบัติหลักนิติธรรม
แล้วที่คนเอเชีย ถูกหยามหมิ่นด้วยวาจา ด้วยการกระทำ ด้วยการเตะต่อย ทุบตี เป็นข่าวทั่วโลกไม่เว้นแต่ละวันล่ะ แปลว่าอะไร
พูดในขอบเขตสากล ประเทศไหนกันที่ตั้งฐานทัพ 800 กว่าแห่งในประเทศอื่นๆ อุตริสร้างพื้นที่เสี่ยงภัยสงครามไปทั่วโลก ดังที่ประเทศไทยเคยถูกสหรัฐฯใช้เป็นฐานทัพทางทหารถึง 8 แห่ง เพื่อไปทิ้งระเบิดถล่มเวียดนาม ลาว กัมพูชา ทำให้ไทยกลายเป็นอริกับประเทศเพื่อนบ้านมาแล้ว
ปฏิบัติการฝนเหลืองและการสังหารหมู่ชาวบ้านที่มายลาย เวียดนามเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน คือความเหี้ยมโหด ไร้มนุษยธรรม ของผู้นำสหรัฐฯ
3. สหรัฐฯ ยังคงพยายามทั้งทางทหาร ใช้ทุน และปฏิบัติการไอโอ เข้าแทรกแซงไทยและประเทศอื่นๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนเอง เพื่อสกัดทางการจีน และเพื่อจะหนีบประเทศไทยไว้ในรักแร้ เหมือนยุคสงครามเย็น เมื่อ 50 ปีก่อน
คนยุคนั้นยังจำได้ดี ที่สหรัฐอเมริกาสร้างหนังเรื่อง “หมู่บ้านพังโพน” เป็นหนังลวงโลก ที่โกหกคนไทยว่าคอมมิวนิสต์เป็นที่สุดแห่งความโหดเหี้ยมเลวร้าย คนไทยยังจำกรณีเรือมายาเกซ ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่แล่นผ่านน่านน้ำไทยไปกัมพูชาโดยไม่เคารพบูรณภาพของน่านน้ำไทย
4. ประวัติศาสตร์ มีบันทึกไว้หมด เพื่อให้เรียนรู้ แต่สหรัฐอเมริกาไม่เคยถอดบทเรียน ยังคงทำผิดซ้ำซากด้วยการเอาข้อมูลเท็จมาเป็นความจริง ตามมาด้วยปฏิบัติการนำพาประเทศไทยไปเป็นพวก ซึ่งทำให้ไทยต้องเป็นอริกับประเทศอื่นโดยไม่จำเป็น
ข่าวล่าสุดมีรายงานว่า กองทัพเรือสหรัฐกำลังจดจ้องจะดึงเอาไทยเข้าไปเป็นสายล่อฟ้า เพื่อเข้าสู่วงจรแห่งภัยสงครามที่จะเป็นเผือกร้อนของรัฐบาลชุดใหม่ในเวลาไม่นานนับจากนี้
ร่างมติวุฒิสภาสหรัฐ 114 ในวันนี้ยังไม่ใช่มติของวุฒิสภา แต่เป็นร่างที่เสนอแล้ว ตั้งแต่ 16 มีค. 66 เพื่อให้วุฒิสภาสหรัฐฯ บรรจุเข้าวาระให้เป็นมติ
ร่างข้อมติ ที่มีเนื้อหาแบบเดียวกันนี้ ยังจ่อเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อีกสำรับหนึ่ง
นี่คือความพยายามอย่างยิ่งยวดของสมาชิกรัฐสภาอเมริกันทั้งสองสภา ที่เอาข้อมูลเท็จมาปั้นน้ำเป็นตัว หลอกลวงทั้งรัฐสภาอเมริกา และหลอกลวงโลกอย่างสิ้นอาย ไม่เพียงเท่านั้น ยังเข้าแทรกแซงและข่มขู่ประเทศไทยอย่างไม่ควรให้อภัย
เขาทำเช่นนี้ เพื่ออะไรกัน