"...สำหรับเด็กชายและเด็กหญิงทุกคนที่ดูฉันอยู่ในค่ำคืนนี้รางวัลนี้เป็นแสงแห่งความหวังและความเป็นไปได้นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าถ้าฝันให้ไกลมันจะเป็นจริงได้ในซักวันและผู้หญิงทั้งหลายอย่าให้ใครบอกว่าคุณได้ผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตไปแล้ว … อย่ายอมหมดหวัง..."
งานมอบรางวัลออสการ์ ประจำปี 2023 ครั้งที่ 95 ผ่านพ้นไปเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา ไม่ได้มีเหตุการณ์ระทึกเหมือนกับที่วิลล์ สมิธ ขึ้นไปตบหน้า คริส ร็อก พิธีกรเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ภายในงานได้เปลี่ยนพรมสีแดงเป็นสีแชมเปญ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการไม่ใช้ความรุนแรงให้เหล่าบรรดานักแสดงเดินเข้าสู่สถานที่จัดงาน
ในปีนี้ ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคงไม่พ้นเรื่อง Everything Everywhere All At Once (ซือเจ๊ทะลุมัลติเวิร์ส) ที่คว้าถึง 7 รางวัลจากที่เสนอชื่อเข้าชิง 11 รางวัล ถือเป็นภาพยนตร์ที่ใช้งบประมาณน้อยเพียง 25 ล้านดอลลาร์ สรอ. และเลือกเปิดตัวในโรงภาพยนตร์เพียงไม่กี่โรงเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว แต่ผลปรากฏว่ากระแสตอบรับดีมาก จนกลายเป็นหนังทำรายได้ทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ สรอ.
Everything Everywhere All At Once เป็นเรื่องราวของ เอเวอลีน หวัง (แสดงโดยมิเชล โหย่ว ซึ่งได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม) หญิงชาวจีนอพยพที่ต้องแบกรับภาระทุกอย่างภายในครอบครัว ตั้งแต่ธุรกิจซักแห้งที่ประสบปัญหาขาดทุนและจัดการชีวิตคู่กับสามี (แสดงโดย ดี ฮุย ควน ซึ่งได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม) ที่ไม่หวานชื่น รวมถึงความสัมพันธ์กับลูกสาว ที่ไม่ค่อยลงรอยกัน แถมไปเจอกับเจ้าหน้าที่สรรพากรที่เคร่งครัด (แสดงโดยเจมี ลี เคอร์ติส ซึ่งได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม) จนทำให้เธอคิดเสมอว่าถ้าหากเธอไม่หนีออกจากบ้าน ไม่ได้แต่งงานกับสามีคนนี้ หรือไม่ได้ทำแบบที่เคยทำ ชีวิตอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ ซึ่งอยู่มาวันหนึ่ง เธอก็พบว่าทางเลือกเหล่านั้นได้มีอยู่จริง ๆ แต่เป็นในจักรวาลคู่ขนานอื่น ๆ หรือมัลติเวิร์ส
ผมคงไม่ทำตัวเป็นสปอยเลอร์ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ยังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ หรือสามารถดูได้ผ่านวิดีโอออนไลน์ และต้องสารภาพว่า ภาพยนตร์แนว Sci-fi ไม่ได้เป็นแนวที่ผมชอบมากนัก แต่เมื่อดูจนจบ ผมได้เรียนรู้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญ แม้ว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น เราต้องยอมรับในความเป็นตัวตนของตนเอง ต้องจัดการแก้ไขและผ่านช่วงชีวิตที่ยุ่งยากให้ได้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ และในท้ายที่สุด ความสัมพันธ์กับครอบครัวและคนใกล้ชิดเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ต้องเข้าใจในความรู้สึกของคนอื่น
นอกเหนือจากการกวาดรางวัลของภาพยนตร์ Everything Everywhere All At Once แล้ว งานมอบรางวัลออสการ์ในปีนี้ต้องถือว่าเป็นปีทองของนักแสดงอาวุโสที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นครั้งแรก แต่สามารถคว้ารางวัลไปครองถึง 4 คน คือ มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) เบรนแดน เฟรเซอร์ (Brendan Fraser) คี ฮุย ควน (Ke Huy Quan) และ เจมี ลี เคอร์ติส (Jamie Lee Curtis)
สำหรับ มิเชล โหย่ว นักแสดงชาวมาเลเซียวัย 60 ปีที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาดี ใฝ่ฝันเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็ก เริ่มเฉิดฉายในวงการตั้งแต่เป็น Miss Malaysia เมื่ออายุ 21 ปี ก่อนเข้าสู่เวทีการแสดงฮอลลีวูดในปี 2540 แสดงในภาพยนตร์เรื่องเจมส์บอนด์ ตอน Tomorrow Never Dies และได้รับบทบาทเด่นในหนังดังอีกหลายเรื่อง เช่น Crouching Tiger, Kung Fu Panda และ Crazy Rich Asians ก่อนได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปีนี้ ถือเป็นนักแสดงเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลเกียรติยศนี้ เธอได้มอบรางวัลนี้ให้กับคุณแม่วัย 84 ปีที่กำลังเฝ้าดูบนจอทีวี พร้อมกล่าวว่า “สำหรับเด็กชายและเด็กหญิงทุกคนที่ดูฉันอยู่ในค่ำคืนนี้ รางวัลนี้เป็นแสงแห่งความหวังและความเป็นไปได้ นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าถ้าฝันให้ไกล มันจะเป็นจริงได้ในซักวัน และผู้หญิงทั้งหลาย อย่าให้ใครบอกว่าคุณได้ผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตไปแล้ว…อย่ายอมหมดหวัง”
ในขณะที่ คี ฮุย ควน เติบโตจากครอบครัวลี้ภัยหนีภาวะสงครามเวียดนาม แยกย้ายไปคนละทิศละทางก่อนย้ายไปตั้งรกรากที่สหรัฐ เริ่มการเป็นนักแสดงตั้งแต่วัย 12 ปี จากภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones and The Temple of Doom ในปี 1984 ทำให้ควนได้รับโอกาสแสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่องในเวลาต่อมา รวมถึงเรื่อง Encino Man ในปี 1992 ร่วมกับ เบรนแดน เฟรเซอร์ เจ้าของรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก The Whale แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายก่อนที่ ควน ต้องเบนเข็มไปทำงานหลังจอ เพราะไม่ได้รับโอกาสการแสดงอีก ทั้งนี้ ควน กล่าวว่า “การเติบโตจากนักแสดงเด็กไปเป็นนักแสดงผู้ใหญ่ว่ายากแล้ว แต่ถ้าคุณเป็นนักแสดงมันจะยากขึ้นไปอีก 100 เท่า”
อย่างไรก็ดี เมื่อหนังเรื่อง Crazy Rich Asians ที่แสดงโดยนักแสดงเอเชียในปี 2018 ออกฉายและดังเป็นพลุแตก จุดประกายให้ควนในวัย 50 ปี ตัดสินใจกลับมาเดินตามฝัน จนได้รับเลือกให้รับบทในภาพยนตร์เรื่อง Everything Everywhere All At Once ทั้งนี้ ควน ได้กล่าวบนเวทีว่า“แม่ ผมเพิ่งชนะรางวัลออสการ์ การผจญภัยของผมเริ่มต้นขึ้นบนเรือ ผมใช้เวลานับปีในค่ายอพยพ และด้วยอะไรสักอย่างผมก็ได้มาอยู่บนเวทีที่ใหญ่ที่สุดในฮอลลีวูด พวกเขาบอกว่าเรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ในหนังเท่านั้น ความฝันมันคือสิ่งที่คุณต้องเชื่อและศรัทธา ผมเกือบจะยอมแพ้กับตัวเองไปแล้ว สำหรับคนอื่น ๆ ที่ยังตามฝันอยู่ โปรดทำมันต่อไป”
ในกรณีของเบรนแดน เฟรเซอร์ วัย 54 ปี ชีวิตไม่ได้แตกต่างจากควนมากนัก ซึ่งพวกเราอาจจะไม่คุ้นหน้าเขาในวันนี้ แต่หากย้อนไปกับการแสดงเป็นพระเอกในเรื่อง The Mummy ในปี 1999 หลายคนคงจะจดจำได้ แต่หลังจากนั้น เฟรเซอร์ได้หายไปจากวงการด้วยเหตุผลทางสุขภาพ การหย่าร้าง และถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้เขาเป็นโรคซึมเศร้า ก่อนตัดสินใจกลับเข้าวงการ แสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง The Whale รับบทเป็นคนที่มีน้ำหนักกว่า 270 กิโลกรัม ที่ต้องใช้ชีวิตบนรถเข็น และซ่อมแซมความสัมพันธ์กับลูกสาววัยรุ่น จนได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในที่สุด เฟรเซอร์ กล่าวบนเวทีว่า “ผมเริ่มเข้าวงการนี้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และไม่เคยเปิดโอกาสให้ตัวเองเลยจนถึงวันนี้”
คนสุดท้ายที่ต้องกล่าวถึงคือ เจมี ลี เคอร์ติส นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม วัย 64 ปี ขึ้นกล่าวขอบคุณอย่างน่าประทับใจว่า “พ่อแม่ฉันเป็นนักแสดง ฉันแต่งงานกับนักแสดง และฉันรักที่จะเป็นนักแสดง เป็นอาชีพที่ฉันรักและช่างสวยสดงดงามเสมอ ฉันอายุ 64 ปีแล้ว และนี่ถือเป็นความอัศจรรย์ที่สุด”
การได้รับรางวัลออสการ์ของดาราทั้ง 4 นี้จะถือเป็น 'การกลับมาแจ้งเกิด' หรือ 'ถึงคิวเสียที' ก็แล้วแต่ แต่พวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความไม่เคยยอมแพ้แก่โชคชะตา และ 'ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ'
แหล่งที่มา
-สรุปเรื่องย่อ Everything Everywhere All at Once หนังออสการ์ 7 รางวัล ไทยรัฐออนไลน์ 13 มีนาคม 2566 14:58 น. https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2652491
-วาดฝัน สรุปผลรางวัลออสการ์ 2023 ความฝันที่เป็นจริงของชาวเอเชีย Everything Everywhere All At Once กวาดรางวัลใหญ่ ภาพยนตร์สมทบชายหญิงยอดเยี่ยม Today OnLine 13 มีนาคม 2566 https://today.line.me/th/v2/article/j7q1jQK
-อรัณย์ หนองพล CRACKED: Ke Huy Quan จากผู้อพยพสงครามสู่เวทีออสการ์ การต่อสู้ของนักแสดงที่ ‘เกือบทิ้งฝัน’ ไปแล้ว The Standard 13 มีนาคม 2566 https://thestandard.co/cracked-ke-huy-quan/
-MARK OLSENSTAFF, Was this the ‘Year of the Comeback’ at the Oscars?, Los Angeles Times, MARCH 12, 2023 9:28 PM
https://www.latimes.com/entertainment-arts/awards/story/2023-03-12/oscars-2023-was-this-the-year-of-the-comeback