"...สองพี่น้องมีรองเท้ากีฬาเพียงคู่เดียว ต้องแบ่งกันใส่เพื่อฝึกซ้อม แต่ด้วยความมุมานะ พร้อมพรสวรรค์ ทำให้ยานนิสได้เข้าร่วมทีมอาชีพในประเทศกรีซ จนทำให้แมวมองทึ่งในความสามารถ เป็นที่มาของการดราฟต์เข้าสู่การเป็นนักบาสเกตบอล NBA ในที่สุด..."
การดราฟต์ (Draft) เพื่อคัดเลือกนักบาสเกตบอลเข้าสู่ทีมอาชีพของสหรัฐอเมริกาในแต่ละปี จะมีผู้เล่นเพียง 60 คน ที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักกีฬาที่ผ่านการเล่นในระดับมหาวิทยาลัยหรือสังกัดทีมอาชีพนอกประเทศสหรัฐฯ
ในปี 2013 การดราฟต์เกิดขึ้นที่นครนิวยอร์ก มีนักบาสเกตบอลสมัครเข้ารับการคัดเลือกมากกว่า 1,000 คน โดยที่การได้รับเลือกเข้าสู่ทีมอาชีพในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก (National Basketball Association: NBA) ย่อมหมายถึงอนาคตที่สดใส เป็นความใฝ่ฝันอันสูงสุดของบรรดานักบาสเกตบอลทั่วโลก และหนึ่งในผู้สมัครเข้าดราฟต์ในครั้งนี้ คือ ยานนิส อันเททูคุมโป (Giannis Antetokounmpo) อายุเพียง 18 ปี ซึ่งเล่นให้กับทีมอาชีพในประเทศกรีซ และเพิ่งได้รับสัญชาติกรีซเพียง 3 เดือนก่อนการดราฟต์ จึงทำให้สามารถเดินทางเข้าร่วมการคัดเลือกได้
เมื่อการดราฟต์เริ่มต้นขึ้น ผู้เล่นที่คุณสมบัติผ่านเกณฑ์ที่แต่ละทีมเลือกไว้จะถูกขานชื่อ หากได้รับการประกาศชื่อ ทีมนั้น ๆ จะได้สิทธิในการเซ็นสัญญากับผู้เล่นคนนั้นทันที ทีมอื่นจะมาแย่งเซ็นสัญญาไม่ได้ การประกาศรายชื่อในครั้งนั้นได้ล่วงเลยมาถึงทีมที่ 14 แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าชื่อของยานนิส จะได้รับการขานชื่อ แต่เมื่อ เดวิด สเติร์น (David Stern) ประธาน NBA ได้เปิดซองชื่อผู้เล่นอันดับที่ 15 ปรากฏว่าชื่อยานนิส ที่ทีม มิลวอกี บักส์ (Milwaukee Bucks) เลือกไว้ ถูกประกาศขึ้น สร้างความปิติยินดีให้กับยานนิสและพี่ชายที่ต่างกอดกันตัวเป็นเกลียว พร้อมลุกขึ้นโบกผืนผ้าธงชาติกรีซ เรียกเสียงฮือฮาในสนามเพราะเป็นผู้เล่นนอกสายตาที่ได้รับการคัดเลือก เป็นภาพที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่ร่วมในพิธีและผู้ชมทางโทรทัศน์
ยานนิส ถือเป็นนักบาสเกตบอลที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมเล่นใน NBA โดยปกติในการเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม ก็จะต้องมีการเจรจาเรื่องค่าตัวของผู้เล่น แต่สิ่งที่ยานนิสต่อรองกลับมิใช่เรื่องจำนวนเงิน แต่เป็นเงื่อนไขที่จะขอนำพ่อแม่ ชาวไนจีเรีย พร้อมพี่น้องทั้ง 4 คน ที่อาศัยอยู่ในประเทศกรีซอย่างผิดกฎหมาย เดินทางมาอยู่ในสหรัฐฯ โดยเป็นสิทธิที่นักกีฬา NBA สามารถนำครอบครัวมาอยู่ด้วยกันได้ ซึ่งยานนิส สามารถสานฝันที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จอย่างภาคภูมิ
ช่อง Disney Plus ได้ถ่ายทอดชีวิตของครอบครัวอันเททูคุมโป ผ่านภาพยนตร์เรื่อง Rise โดยเริ่มเรื่องจากการที่พ่อแม่ตัดสินใจเดินทางเข้ากรีซอย่างผิดกฎหมาย ดิ้นรนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า โดยฝากลูกชายคนโตที่อายุไม่ถึง 3 เดือนให้คุณยายเลี้ยงที่บ้านเกิด เพราะไม่อยากให้ลูกต้องเผชิญกับการต้องหนี หลบ ๆ ซ่อน ๆ โดยหวังว่าเมื่อพวกเขาตั้งรกรากได้แล้ว จะพาลูกชายมาอยู่ด้วย
อย่างไรก็ดี ความฝันดูห่างไกลความจริง เพราะพวกเขาไม่สามารถหาอาชีพเป็นหลักแหล่งได้ ต้องเร่ร่อนขายของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวในกรุงเอเธนส์ แถมมีลูกที่คลอดตามมาอีกถึง 4 คน แต่เป็นเพราะฟ้าลิขิต ยานนิสและพี่ชายค้นพบพรสวรรค์ของตัวเองในการเล่นบาสเกตบอลเมื่ออายุได้ 13 ปี ซึ่งนับว่าช้ากว่าเด็ก ๆ ในวัยเดียวกัน ทั้งสองเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลสมัครเล่นละแวกบ้าน แบบไม่ต้องเสียเงินค่าเรียน ด้วยความอัตคัด สองพี่น้องมีรองเท้ากีฬาเพียงคู่เดียว ต้องแบ่งกันใส่เพื่อฝึกซ้อม แต่ด้วยความมุมานะ พร้อมพรสวรรค์ ทำให้ยานนิสได้เข้าร่วมทีมอาชีพในประเทศกรีซ จนทำให้แมวมองทึ่งในความสามารถ เป็นที่มาของการดราฟต์เข้าสู่การเป็นนักบาสเกตบอล NBA ในที่สุด
ยานนิสได้นำทีมมิลวอกี บักส์ คว้าแชมป์ NBA และได้รับรางวัลนักบาสเกตบอลทรงคุณค่าในปี 2016 โดยให้สัมภาษณ์ว่า“ผมต้องคอยยืมรองเท้าพี่ใส่ เพราะเราไม่มีเงินพอซื้อรองเท้าอีกคู่ ผมจะนอนบนฟูกในสนามบาสเพื่อจะได้ตื่นมาซ้อมเลยโดยไม่เสียเวลา เราได้เห็นพ่อแม่ต้องจำใจทิ้งพี่ชายไว้ที่บ้านเกิด เพื่อสร้างอนาคตให้ครอบครัวในต่างแดน โดยที่ไม่รู้เลยว่าจะได้กลับไปเจอกันอีกหรือไม่ ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ ตำรวจมาทั้งชีวิต เพราะเราเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย เหมือนเป็นคนนอกที่ได้แต่มองประเทศบ้านเกิด เราทำงานกันหนักมาก ต้องการไปให้ถึงฝัน จึงมีความมุ่งมั่น เพราะรู้ความหมายของการเสียสละ ผมก็แค่ทำหน้าที่ของผม”
ความสำเร็จของครอบครัวอันเททูคุมโป ไม่ได้หยุดเพียงแค่ยานนิส เพราะพี่และน้องอีก 3 คนได้กลายเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพเช่นกัน ในขณะที่พี่ชายคนโตยึดอาชีพนักฟุตบอลในประเทศไนจีเรีย และแม้ว่า ชาร์ลส์ พ่อของพวกเขาจะด่วนจากไปในปี 2017 แต่ลูก ๆ ทั้งห้าได้ยกให้พ่อแม่เป็นฮีโร่ของพวกเขาชั่วนิรันดร์
ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริง เกี่ยวกับชีวประวัติของนักกีฬาที่มีชื่อเสียง มีออกมาให้เห็นอยู่เป็นระยะ ๆ แต่ละเรื่องล้วนสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คน นอกจากจะได้รับอรรถรสจากการชมภาพยนตร์แล้ว การย้อนมองตัวเอง ก็ทำให้ได้ฉุกคิดในหลาย ๆ เรื่อง ภาพยนตร์ 'Rise' ก็เช่นเดียวกัน ทำให้เราได้เห็นภาพของการก้าวข้ามข้อจำกัดต่าง ๆ ของตัวเอง และได้พบกับชีวิตใหม่ จากการต่อสู้และเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง รวมทั้งได้เห็นถึงความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เห็นแก่เงินที่กองอยู่ตรงหน้า ไม่ยอมเซ็นสัญญากับผู้ที่ฉวยโอกาส แต่กลับซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง
อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของแต่ละคน มีความหมายที่แตกต่างกันไป ถ้าเราไม่รู้จักตัวเอง อาจเสียเวลาทั้งชีวิตในการวิ่งไล่ล่า ไขว่คว้า ความฝัน หรือความสำเร็จตามแบบของคนอื่น ซึ่งไม่ใช่ตัวเรา เหมือนพยายามปีนเขาสูงตามคนอื่นขึ้นไป แต่พอขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของยอดเขา กลับพบว่าเราปีนภูเขาผิดลูก แถมจะกลับลงมา ก็ไม่ทันเสียแล้ว
การชมภาพยนตร์ชีวประวัติ ไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือ 'How To' ภาพยนตร์ไม่ได้บอกว่าเราต้องทำอย่างไร แต่กระตุ้นให้เราได้คิดตาม แล้วดึงข้อคิดดี ๆ มีประโยชน์มาปรับใช้ในชีวิต ปรับวิธีคิด หามุมมอง มุมคิด ให้กว้างขึ้น กระตุ้นไฟในตัว แล้วการชมภาพยนตร์ชีวประวัติจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
แหล่งที่มา:
-เรื่องจริง ‘Rise’: Giannis Antetokounmpo และพี่น้องของเขาได้รับชีวประวัติดิสนีย์ที่สร้างแรงบันดาลใจ, Jugo Mobile, 28 มิถุนายน 2022 https://th.jugomobile.com/
-Tessa Smith, Rise Review: The Inspiring Story of the Antetokounmposm, Mamasgeeky, June 24, 2022
https://mamasgeeky.com/2022/06/rise-movie-review.html
หมายเหตุ:
ขอขอบคุณ คุณประภาศรี รงคสุวรรณ ที่มีส่วนร่วมในการเขียน Weekly Mail ฉบับนี้