"...ชื่อนามสกุลคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ค่านิยม และความเชื่อ ในสมัยก่อนคนสามัญไม่พิถีพิถันในการตั้งชื่อ ส่วนมากมักเป็นคำไทยแท้พยางค์เดียว เช่น อิน ทอง แก้ว แต่มายุคสมัยนี้จะคิดประดิษฐ์มากขึ้น ถือเคล็ด ถือดวง โชคชะตา พร้อมแสวงหาความสำเร็จในชีวิตหรือต้องการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตน..."
นักมานุษยวิทยาพยายามค้นหาว่าการระบุตัวตนในช่วงมนุษย์ยุคหินเป็นอย่างไร เพราะในยุคนั้นยังไม่มีภาษาเขียน มีเพียงแต่รอยฝ่ามือที่ปรากฎอยู่ตามถ้ำต่าง ๆ เพื่อพยายามบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของคน ๆ นั้น เราจึงไม่สามารถระบุชื่อใครได้จนถึง 3,200 ปีก่อนคริสต์ศักราช เมื่อมนุษย์เริ่มสื่อสารได้ด้วยภาษาเขียน และมีการค้นพบโต๊ะดินเหนียวโบราณในประเทศอิรัก สลักไว้ว่า “ข้าวบาร์เลย์จำนวน 29,086 กระสอบ ได้นำส่งแล้วในช่วงเวลา 37 เดือน ลงชื่อ 'คูชิม (Kushim)'
ใครคือคูชิม คาดการณ์ว่าเป็นผู้ชายมีหน้าที่ในการตรวจรับสินค้าหรือนักบัญชี และนี่คือชื่อแรกที่มนุษย์รู้จักก่อนชื่อกษัตริย์และนักปราชญ์เสียอีก ต่อจากนั้นมา การระบุชื่อตัวตนได้ช่วยให้เราได้รู้จักเรื่องราวในอดีตได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับชื่อคนไทยมีมานานแล้ว ตามศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงที่อ้างอิงถึงพระนามของพระชนกและพระชนนีว่า “พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง” ในขณะที่ชื่อราษฎรมักเป็นชื่อง่าย ๆ เช่น นายมั่น นายมี ตาสี ตาสา และแม่นวล เป็นต้น อย่างไรก็ดี การเรียกเฉพาะชื่ออย่างเดียวเริ่มมีความยุ่งยากในการระบุตัวตน ดังนั้น ในสมัยรัชกาลที่ 6 จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตรา 'พระราชบัญญัติขนานนามสกุล พ.ศ. 2456'ขึ้น โดยคนไทยคนแรกที่มีนามสกุลคือ “เจ้าพระยายมราช” เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น
ชื่อนามสกุลคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ค่านิยม และความเชื่อ ในสมัยก่อนคนสามัญไม่พิถีพิถันในการตั้งชื่อ ส่วนมากมักเป็นคำไทยแท้พยางค์เดียว เช่น อิน ทอง แก้ว แต่มายุคสมัยนี้จะคิดประดิษฐ์มากขึ้น ถือเคล็ด ถือดวง โชคชะตา พร้อมแสวงหาความสำเร็จในชีวิต หรือต้องการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตน เช่น ชื่อผม “รณดล” นับเป็นชื่อแปลกไม่เหมือนใคร แต่พ่อแม่อยากจะให้คล้องจองกับ “ลอนดอน” สถานที่เกิดของผม หากไม่บอก คงไม่มีใครทราบ (แต่ที่แน่ ๆ ไม่ได้ลอกเลียนแบบ โรนัลโด นักฟุตบอลชื่อดังก้องโลก เพราะผมเกิดก่อน)
ปัจจุบันชื่อนามสกุลรุ่นใหม่ ๆ ต้องยอมรับว่ายาวขึ้นเรื่อย ๆ จะขานอยู่แต่ละครั้งต้องอ่านแล้วอ่านอีก เช่น เด็กชาย ธนญญ์นภสสร์ แถมชื่อเริ่มแปลกขึ้นเรื่อย ๆ เช่น สายใจ เกาะมหาสมุทร กันภัย สูญสิ้นภัย ไปจนถึง กนกกร เหินเวหา
แต่หากให้กล่าวถึงเรื่องการตั้งชื่อที่หลุดโลก คงไม่พ้นเรื่องราวของชายนามว่า วินเนอร์ (Winner) และ ลูซเซอร์ (Loser)
ครอบครัวตระกูลเลน (Lane) มีลูกก่อนหน้านั้นมาแล้วถึง 5 คน แต่ละคนถูกตั้งชื่อแบบปุถุชนทั่วไปไม่ว่าจะเป็น จอห์น เคนนี่ หรือ เซเรนา เมื่อลูกคนที่ 6 ถือกำเนิดขึ้นในปี 1958 โรเบิร์ต เลน ผู้พ่อ จึงตัดสินใจตั้งชื่อให้แปลกแวกแนว และให้สุด ๆ ไปเลย โดยตั้งชื่อลูกชายว่า “Winner” เพื่อให้เป็นผู้ชนะตลอดกาล เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน อาศัยอยู่ในย่านฮาเล็ม นครนิวยอร์ก ต่อมาอีก 3 ปี ลูกคนสุดท้องเปิดตามาดูโลก โรเบิร์ต คิดไม่ออกว่าจะตั้งชื่อลูกว่าอะไร จึงหันไปถามลูกสาวที่สวนตอบกลับมาทันควันว่า “เรามีผู้ชนะแล้ว ทำไมเราไม่ตั้งชื่อน้องว่า ผู้แพ้ (Loser) ล่ะค่ะ” โรเบิร์ตเห็นดีด้วยโดยไม่ระแวงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับลูกชายคนสุดท้อง
Winner และ Loser เติบโตมาด้วยกัน เพื่อน ๆ ไม่เคยนำชื่อของทั้งสองมาล้อเล่น ซึ่ง Loser ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ในตอนเด็ก ฉันไม่คิดว่าชื่อฉันไม่เป็นมงคล และเมื่อเข้าโรงเรียน ชื่อฉันเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว ทำให้ฉันใช้ชีวิตอย่างเด็กปกติทั่วไป แต่ยอมรับว่าครูและเพื่อน ๆ ไม่ยอมเรียกชื่อผมว่า Loser และเรียกชื่อผมว่า ลู (Lou) แทน”
หากนำชื่อมาเป็นตัวตั้ง Winner ควรจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าแต่กลับตาลปัตร ปัจจุบัน Winner อายุ 65 ปี กลับกลายเป็นคนที่ตกระกำลำบาก ติดคุกติดตะรางตั้งแต่อายุ 19 ปี ด้วยการก่ออาชญากรรม ตั้งแต่คดีขโมยเล็กขโมยน้อย ไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย ปัจจุบันอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงคนไร้บ้าน และพยายามจะหาทางออกให้ชีวิต ในขณะที่ Loser วัย 62 ปี เป็นนักเรียนและนักกีฬาดาวเด่นตั้งแต่เรียนมัธยม จนได้รับทุนการศึกษาเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยลาฟาแยต (Lafayette) วิทยาลัยดีเด่น 1 ใน 50 ของสหรัฐก่อนยึดอาชีพเป็นตำรวจ ทั้งนี้ Loser ประสบความสำเร็จในอาชีพ ได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว จนได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานสืบสวน สังกัดกรมตำรวจรัฐนิวยอร์ก
ปัจจุบัน พี่น้องคู่นี้แทบไม่ได้เจอกันเลย แม้ว่า Winner จะโทรศัพท์มาหา Loser เมื่อเขาไม่มีเงิน แต่ Loser กล่าวว่า“ในฐานะที่ผมเป็นตำรวจ ผมทราบดีว่าต้องวางตัวอย่างไร”
เรื่องราวของ Winner และ Loser บ่งบอกว่า “แม้ชื่อตัวจะมีความหมายดี สร้างความเป็นมงคลและมีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ความสำเร็จอยู่ที่ตัวเราเองในการตั้งเป้าหมายของชีวิต และความมุ่งมั่นพยายามที่จะไปสู่จุดนั้น”
แหล่งที่มา:
-Robert Krulwich ,Who’s the First Person in History Whose Name We Know?, National Geographic, August, 19, 2015 https://www.nationalgeographic.com/science/article/whos-the-first-person-in-history-whose-name-we-know
-กำเนิดนามสกุลของคนไทย จากพระราชวิสัยทัศน์อันทันสมัยของ รัชกาลที่ 6, Talk “TRUE” Story 2 มกราคม. https://www.luehistory.com
-Family's winner becomes a loser and loser a winner, The Sydney Morning Herald, August 1, 2002 https://www.smh.com.au/world/familys-winner-becomes-a-loser-and-loser-a-winner-20020801-gdfi5p.html