"...เครดิตบูโรไม่มีแบล็คลิสต์ มีแต่ข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะจะทำให้ระบบสถาบันการเงินของไทย กลับไปเน้นแต่หลักประกัน..."
เมื่อวันที่ 15 ม.ค.66 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แถลงนโยบายว่า มีคนไทยติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร กว่า 5.5 ล้านคน ทำให้กู้ในระบบไม่ได้ ต้องไปกู้นอกระบบแทนพรรคชาติพัฒนากล้า จึงเสนอนโยบาย ยกเลิกแบล็กลิสต์ แล้วใช้ระบบ Credit Score แทน ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ข้อมูลในการชำระหนี้ประจำวันต่างๆ มาเป็นเกณฑ์ตัดสิน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มือถือ ใครมีประวัติดีก็ได้เครดิตดี สามารถกู้ได้มาก ใครเครดิตไม่ดีก็กู้ได้น้อย ซึ่งเป็นระบบที่ทันสมัยและตอบโจทย์มากกว่าการติดแบล็กลิสต์
ในฐานะที่ผมเคยเกี่ยวข้องกับเครดิตบูโร ผมขอให้ข้อสังเกต เพื่อเป็นประโยชน์แก่การปรับปรุงนโยบาย ดังนี้
1 ข้อมูลในเครดิตบูโรนั้น จะแสดงเพียงว่าลูกหนี้รายใด ชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนด หรือเลยเวลาที่กำหนด
2 เครดิตบูโรให้บริการจัดทำ Credit score อยู่แล้ว โดยใช้โปรแกรมวิเคราะห์ จากข้อมูลหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้บัตรเครดิต หนี้เช่าซื้อรถยนต์ และหนี้เช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ แต่ยังไม่มีข้อมูลการชำระ ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า หรือค่าโทรศัพท์มือถือ เพราะกฎหมายไม่อนุญาต
3 Credit score นั้น ออกมาเป็นตัวเลขเดียว เพื่อความสะดวกแก่ผู้ที่ใช้งาน ส่วนสถาบันการเงินจะกำหนด Credit score ขั้นต่ำเท่าไหร่นั้น จะแตกต่างไปแต่ละสถาบันการเงิน
4 เพราะฉะนั้น กรณีลูกหนี้รายใดผิดนัดชำระหนี้ต่อเนื่องกันหลายครั้ง เป็นระยะเวลานาน ก็ย่อมจะทำให้ Credit score ต่ำลง แต่ถ้าลูกค้า สามารถนำเสนอแนวทางในการค้าขาย สามารถทำให้สถาบันการเงินเชื่อมั่นได้ว่า รายได้มีความแน่นอน มั่นคงระดับหนึ่ง ถึงแม้จะผิดนัดชำระหนี้ และถึงแม้ Credit score ต่ำ สถาบันการเงินก็ยังปล่อยกู้ได้ โดยอาจมีเงื่อนไขในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย ที่กระชับเป็นพิเศษกว่าปกติ
5 เครดิตบูโรให้บริการ เปิดให้ประชาชนสามารถขอดูข้อมูล Credit score ของตนเองได้ เพื่อทราบจุดอ่อนจุดแข็ง และปรับปรุงการชำระหนี้เพื่อให้ Credit score สูงขึ้น
6 สรุปแล้ว เครดิตบูโรจึงไม่มีแบล็คลิสต์ มีแต่ข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ กี่งวด เกิดขึ้นเมื่อใด
7 สำหรับแนวคิด จะห้ามสถาบันการเงินอ้างอิงข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ในเครดิตบูโรนั้น แทนที่จะช่วยให้ลูกหนี้สามารถจะกู้ยืมได้ง่ายขึ้น จะมีผลในทางกลับกัน
จะทำให้ระบบสินเชื่อไทย กลับไปเป็นสมัยโบราณ ก่อนมีเครดิตบูโร เพราะเมื่อสถาบันการเงินไม่มีข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ ก็ย่อมจะเลือกให้กู้เฉพาะแก่ลูกค้า ซึ่งมีหลักประกันดี หรือมีหลักฐานฐานะดี หรือเป็นผู้ที่รู้จักกันเท่านั้น ส่วนลูกค้าที่อยู่ชายขอบ marginal borrowers ก็จะหลุดออกไปจากระบบโดยอัตโนมัติ
8 ขอย้ำว่า ระบบ Credit Score ที่ใช้ข้อมูลในการชำระหนี้ประจำวันต่างๆ มาเป็นเกณฑ์ตัดสิน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มือถือ นั้น
ข้อเสนอนี้เครดิตบูโรในไทย ยังปฏิบัติไม่ได้ เพราะกฎหมายไทยไม่อนุญาตให้เครดิตบูโรนำมาใช้ในการทำ Credit score นอกจากนี้ ในการจัดทำ Credit score นั้น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มือถือ โดยปกติจะไม่ให้คะแนนด้านบวก เพราะคนทั่วไปจะไม่ยอมให้มีการ ตัดน้ำ ตัดไฟ หรือตัดมือถือ
ดังนั้น จะนำมาให้คะแนนด้านลบเป็นสำคัญ กล่าวคือ เมื่อใดที่มีการผิดนัดชำระ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มือถือ ก็จะแสดงว่าลูกหนี้รายนั้นอาการหนักแล้ว
สรุปแล้ว ต้องเข้าใจว่า
เครดิตบูโรไม่มีแบล็คลิสต์ มีแต่ข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะจะทำให้ระบบสถาบันการเงินของไทย กลับไปเน้นแต่หลักประกัน
ส่วนระบบ Credit Score เครดิตบูโรก็ทำอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถนำเอาข้อมูล ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มือถือ มาใช้ได้ เนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาต
จึงขอให้ข้อมูลไว้ เพื่อเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงนโยบายนะครับ
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
เขียนเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
https://www.facebook.com/100044618165480/posts/756765445820721/?d=n
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala