"...เป็นโอกาสอันดีของไทยที่จะเป็นเจ้าภาพเชิญผู้นำประเทศมหาอำนาจทั้ง 3 คุยกันเรื่องสันติภาพ ตามพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว ร.9..."
ในการประชุม APEC ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายนนี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ไบเดน และปูติน อาจเดินทางมาร่วมประชุมด้วย เป็นโอกาสอันดีของไทยที่จะเป็นเจ้าภาพเชิญผู้นำประเทศมหาอำนาจทั้ง 3 คุยกันเรื่องสันติภาพ ตามพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว ร.9
สงครามหรือสันติภาพเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของโลกและมนุษยชาติ
ถ้าโลกมีสันติภาพ โลกมีทรัพยากรและความรู้เพียงพอที่จะทำให้มนุษย์ทุกคนบนดาวนพเคราะห์ดวงนี้ มีพออยู่พอกินและคุณภาพชีวิตที่ดี
เพราะฉะนั้น เป็นหน้าที่ของทุกคนและทุกองค์กรจะต้องเพียรพยายามสร้างโลกสันติภาพให้ได้
ประเทศไทยมีจุดแข็งเรื่องสันติภาพ พระเจ้าอยู่หัว ร.9 มีสายพระเนตรอันยาวไกลและลึกซึ้ง จึงมีพระราชดำรัสเช่นนั้น ประวัติศาสตร์เป็นประจักษ์พยานอย่างดีว่าวัฒนธรรมที่ยืดหยุ่น ประนีประนอมของไทย ทำให้คนทุกชาติและศาสนาที่มาพำนักในประเทศไทยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ดูที่อยุธยาก็ได้ 2 ฝั่งแม่น้ำเป็นที่ตั้งของชุมชนชาติและศาสนาต่าง ๆ มีทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม ในขณะที่ในดินแดนของตนมีความขัดแย้งและรุนแรงระหว่างศาสนาต่าง ๆ แม้ศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกาย แต่เมื่ออยู่ในประเทศไทยกลับอยู่ร่วมกันอย่างสันติทั้งในอดีตและปัจจุบัน
เพราะวัฒนธรรมสันติภาพของไทย ในสภาวะที่โลกมีความขัดแย้งและรุนแรงเช่นในปัจจุบัน ไทยควรจะใช้จุดแข็งข้างต้นขับเคลื่อนเรื่องสันติภาพ อันจะเป็นการตอบสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชด้วย
โดยถือโอกาสจัด 'สีจิ้นผิง – ไบเดน – ปูติน' คุยกันเรื่องสันติภาพในประเทศไทย เป็นปฐมฤกษ์ของการที่ประเทศไทยจะขับเคลื่อนเรื่องสันติภาพเป็นเรื่องใหญ่ต่อไป
APRC (Asian Peace and Reconciliation Council) ที่ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นประธาน สมาชิกประกอบด้วยอดีตประธานาธิบดี และอดีตนายกรัฐมนตรีของหลายประเทศในเอเชีย เป็นองค์กรที่เหมาะมากในการเคลื่อนไหวเรื่องสันติภาพ
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ซึ่งมีสมรรถนะระดับโลก ดังที่เคยลงแข่งขันเป็นเลขาธิการสหประชาชาติ ควรรีบคุยกับรัฐบาลไทยและลงมือติดต่อผู้นำประเทศมหาอำนาจทั้ง 3 โดยใช้เสน่ห์แบบไทย ทำให้เขาอยากมาประชุมที่เมืองไทย หลังจากนั้นคนไทยฝ่ายต่าง ๆ ควรปรับตัวจัดตั้งเครื่องมือในการขับเคลื่อนเรื่องสันติภาพ เช่น กระทรวงการต่างประเทศอาจตั้ง International Peace Institute วุฒิสภาจัดตั้งกรรมาธิการสันติภาพ เพราะมีวุฒิสมาชิกที่สนใจเรื่องสันติภาพอยู่แล้ว เช่น พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้เคยเป็นแม่ทัพกองกำลังรักษาสันติภาพในติมอร์ วุฒิสมาชิกวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ ซึ่งร่วมงาน APRC กับดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย เป็นต้น ภาคธุรกิจอาจร่วมกันจัดตั้ง P4P (People for Peace) อย่าลืมว่าเมื่อหลาย 10 ปีก่อน การมีเครือข่ายแพทย์เพื่อสันติภาพที่เรียกว่า International Physicians for the Prevention of Nuclear War (IPPNW) เครือข่ายนี้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ควรทำให้ P4P ได้ผล จนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
ที่สำคัญควรมีการจัดตั้ง King Bhumibol International Peace Foundation ให้เป็นองค์กรที่มีเกียรติสูงสุดในการขับเคลื่อนเรื่องสันติภาพโลก และมีการให้รางวัลสันติภาพพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล ทำนองเดียวกับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล (Prince Mahidol Award) ที่มอบให้กับคนทุกชาติทุกภาษาในโลกที่มีผลงานดีเด่นเรื่องสันติภาพ
ดังนี้เป็นต้น
ต้องไม่ลืมว่า 'ความมีน้ำใจ' เป็นแก่นแกนของวัฒนธรรมร่วมของคนชาติไทย 'ความมีน้ำใจ' เป็นฐานรากของลักษณะวัฒนธรรมไทยหลายอย่าง เช่น ความอ่อนโยนของรอยยิ้ม และสุขนิยม ความยืดหยุ่น ประนีประนอม ความเป็นชุมชน หรือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสมดุล ความเป็นมิตร (Friendliness) ความมีน้ำใจ คือ จุดแข็งของไทย ในขณะที่เป็นจุดอ่อนของโลก เพราะการขาดน้ำใจเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงและสงคราม ลองพิจารณาดูให้ดี ๆ เถิด จะเห็นว่าการขาดน้ำใจเป็นต้นเหตุของปรากฏการณ์ ความรุนแรง และความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน เรื่องสงครามยูเครน และความตึงเครียดที่ไต้หวัน ก็มีขึ้นเพราะเหตุนี้
วัฒนธรรมที่ว่าอ่อนของไทยจึงกลายเป็นจุดแข็ง
ทุกฝ่ายโดยเฉพาะมหาวิทยาลัย ควรทำความเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของคำว่า วัฒนธรรม ว่าไม่ใช่แค่ร้องรำทำเพลง เรือนไทย วงดนตรีไทย อย่างที่มหาวิทยาลัยทำกัน ในความหมายของวัตถุประสงค์ในข้อ 'ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม'
แต่วัฒนธรรมนั้นมีความหมายที่ลึกและครอบคลุมอย่างยิ่ง เพราะหมายถึง 'วิถีชีวิตร่วมกันของกลุ่มชนที่สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมหนึ่ง ๆ' จึงรวมทุกสิ่งทุกอย่างในแผ่นดินหรือ 'ภูมิ' นั้น ๆ เช่น
ภูมิศาสตร์ ภูมิทัศน์ ภูมิประวัติ ภูมิปัญญา ภูมิธรรม หรือที่ เนวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ใช้คำว่า 'ภูมิบ้านภูมิเมือง'
การพัฒนาจึงควรเอาวัฒนธรรมเป็นตัวตั้ง เพราะบูรณาการไม่แยกส่วนอย่างการพัฒนาปัจจุบัน การแยกส่วนทำให้เสียสมดุล การเสียสมดุลทำให้ปั่นป่วน วุ่นวาย รุนแรง วิกฤต ไม่ยั่งยืน
การพัฒนาอย่างยั่งยืน ต้องเอาวัฒนธรรมเป็นตัวตั้ง
จุดแข็งของวัฒนธรรมไทย คือ 'ความมีน้ำใจ' จุดอ่อนของวัฒนธรรมตะวันตก คือ การขาดน้ำใจ จึงไม่ควรเอาอย่างเขาไปในทุกสิ่งทุกอย่าง หันมาเข้าใจจุดแข็งของวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล ทั้งในประเทศไทยและในโลก
การอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล คือ สันติภาพ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @APEC2022TH
เขียนโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี