"...พอได้รับเลือกตั้งมา อาจารย์ก็ชักชวนให้มาเป็นเลขาฯ เพื่อประสานงานกับการเมือง หรือทุกๆหน่วยงานเลย เป็นงานเบื้องหลังด้านการประสานงานมากกว่านะ”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2565 นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Bangkok Mission : วาระคนกรุงเทพฯ ดำเนินรายการโดยนายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ผ่านทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 106 วิทยุครอบครัวข่าว เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา
โดยนายภิมุขให้สัมภาษณ์ว่า การรับตำแหน่งเลขานุการ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่า กทม.ส่วนตัวชอบงานพัฒนาเมืองเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว และได้มีโอกาสเจอนายชัชชาติ ได้คุยกันจนทราบว่า นายชัชชาติต้องการทีมงานที่มีความอิสระ และอยากทำงานให้กรุงเทพฯ จริงๆ จึงสนใจ ซึ่งได้คุยกัน 2-3 ครั้งตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมา โดยได้เข้าไปช่วยงานตั้งแต่ก่อนการประกาศการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. 1 เดือน
“ตอนที่ท่าน (ชัชชาติ สิทธิพันธุ์) ชวนมาให้ร่วมงาน ไม่ได้มีระบุนะว่า จะได้เข้ามาทำตำแหน่งอะไร ท่านแค่บอกให้มาช่วยกัน ซึ่งผมไม่ซีเรียสอะไร แต่เพราะเห็นความอิสระของ กทม. และความตั้งใจทีมงานของนายชัชชาติ สุดท้ายเมื่อได้รับการเลือกตั้ง จริงๆ ไม่ได้ซีเรียสกับตำแหน่งอะไร จะเป็นที่ปรึกษานอกรอบก็ได้ เพราะผมเองก็มีงานที่รับผิดชอบอยู่ แต่พอได้รับเลือกตั้งมา อาจารย์ก็ชักชวนให้มาเป็นเลขาฯ เพื่อประสานงานกับการเมือง หรือทุกๆหน่วยงานเลย เป็นงานเบื้องหลังด้านการประสานงานมากกว่านะ” นายภิมุขกล่าว
กับคำถามว่าเป็นผู้ประสาน 10 ทิศนั้น นายภิมุขตอบว่า ไม่ขนาดนั้น ตอนนี้ขอ 2-3 ทิศก่อน แต่จากภาระน่าจะมากกว่า 10 ทิศ ตอนนี้เพิ่งเริ่มงานก็เริ่มประสานงานกับสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) บ้างแล้ว แต่เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังรับรองสมาชิกไม่ครบ จึงต้องรอให้มีการประกาศรับรองให้เร็วที่สุด ซึ่งหากเปิดสภาไม่ได้ ก็พิจารณาเรื่องงบประมาณกันไม่ได้
นายภิมุข กล่าวต่อว่า ไม่ได้เสนออะไรให้นายชัชชาติเอาไปทำเพิ่มเติม มาเป็นตัวเสริมมากกว่า เพราะท่านเตรียมพร้อมมาทุกอย่างแล้ว และหลายอย่างก็เห็นตรงกัน อย่างเช่น การแก้ปัญหาเรื่องเส้นเลือดฝอยต่างๆ ซึ่งสามารถแก้ได้และไม่ใช่เงิน แม้จะเป็นปัญหาเล็กๆ ก็ตาม ส่วนเมกกะโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ ก็อาจจะพักสักนิดหนึ่ง เพราะมีอยู่ในมือกันอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ไปสั่งหยุด เพียงแต่เอาเรื่องที่เดือดร้อนที่สุดมาทำก่อน
214 นโยบาย จะพยายามทำให้หมด
เมื่อถามว่า การเข้ามาของนายชัชชาติจะทำให้ข้าราชการและเขตต้องปรับเปลี่ยนวิธีทำงานหรือไม่ นายภิมุขตอบว่า อาจจะเปลี่ยนแปลงในเรื่องเรียงลำดับความสำคัญใหม่ โดยยึดเอาปัญหาของประชาชนเป็นที่ตั้ง เช่น ปัญหาขยะกองสูง หรือสะพานสร้างไม่เสร็จ เป็นต้น อะไรที่สามารถทำได้ก็ทำไปเลย
เมื่อถามต่อว่า ในฐานะที่เคยเป็นอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะมีโอกาสเข้ามาดูแลด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมหรือไม่ นายภิมุขตอบว่า งานด้านนี้จะมีนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่า กทม. เป็นผู้ดูแลโดยตรง ส่วนตัวเองเป็นเลขาฯ ทำงานเบื้องหลัง และเน้นไปในทางประสานงานมากกว่า
ส่วนการจัดการกับความคาดหวังที่เข้ามามากมายจากคะแนนที่ได้มาอย่างล้นหลามนั้น นายภิมุขกล่าวว่า ทีมงานทำงานหนัก เพื่อสนองความคาดหวังของประชาชน บางคนมองว่า เสนอนโยบายมากถึง 214 นโยบายจะทำหมดหรือไม่ ท่านก็ยืนยันว่า จะพยายามทำให้หมด เชื่อว่า การเสนอนโยบายมากๆ จะได้ประโยชน์มากที่สุด และยังมีความมั่นใจว่า จะทำได้หมดทุกข้อ
ภาพจาก Facebook วิทยุครอบครัวข่าว ส.ทร.FM106