"...นายกรัฐมนตรีทำการสื่อสารอย่างดีที่สุด ให้คนไทยทั้งประเทศมีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ร่วมหรือความมุ่งมั่นร่วมกัน นี้เป็นบทบาทที่สำคัญที่สุดของผู้นำ คือ สื่อสารให้คนทั้งชาติเกิดวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วม ดังคำพูดที่ว่า “ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ คือ นักสื่อสารที่ยิ่งใหญ่” (Great leader is great communicator) เพราะถ้าคนทั้งชาติมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมหรือความมุ่งมั่นร่วมกัน ชาติจะมีพลังมหาศาลในการเคลื่อนสู่อนาคต นายกรัฐมนตรีไม่ควรพูดมากแบบจับเรื่องจับราวไม่ได้ หรือพูดจิปาถะ..."
สาเหตุใหญ่ที่ไทยออกจากวิกฤตไม่ได้ คือ นายกรัฐมนตรีล้วนทำผิดบทบาท
นายกรัฐมนตรีทำอะไร โดยสรุป คือ บริหารจิปาถะ
ความที่กลไกของบ้านเมืองไม่มีประสิทธิภาพ นายกรัฐมนตรีจึงต้องไปเป็นประธานคณะกรรมการมากมายซึ่งก็ยังไม่ได้ผลอยู่ดี แต่นายกรัฐมนตรีก็เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสและมึนงงไปหมด นี่แหละที่เรียกว่าบริหารจิปาถะ
แล้วบทบาทของนายกรัฐมนตรีที่ถูกต้องคืออะไร
บทบาทนายกรัฐมนตรี คือ เป็นผู้นำทิศทางนโยบายของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด
นโยบายของประเทศหรือนโยบายสาธารณะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ถ้าทำได้ดีประเทศจะพ้นวิกฤตและเจริญอย่างแท้จริงทุกด้าน ประเทศไทยมีทรัพยากรและความรู้มากพอที่จะทำให้คนไทยทุกคนอยู่ด้วยความผาสุกและปลอดภัย สิ่งที่ขาดคือการขับเคลื่อนนโยบายที่ดีไปสู่ความสำเร็จ
นายกรัฐมนตรีจึงต้องมีบทบาทเป็นผู้นำการขับเคลื่อนนโยบายที่ดีไปสู่ความสำเร็จ ใครที่คิดมาเป็นนายกรัฐมนตรีควรใส่ใจเรื่องนี้
วิธีทำมีดังนี้
1. จัดให้มีการระดมความคิดว่า ประเทศไทยมีประเด็นใหญ่ ๆ อะไรบ้าง (Thailand Big Issues) ซึ่งถ้าแก้ไขหรือพัฒนาจะทำให้บ้านเมืองพ้นวิกฤตและเจริญอย่างแท้จริง สมมุติว่าได้ 20 ประเด็น นี้คือประเด็นนโยบายสาธารณะ
2. จัดการพิมพ์ประเด็นนโยบาย 20 ประเด็นเหล่านั้น พิมพ์เป็นเอกสารที่น่าจับต้องและเข้าใจง่าย เผยแพร่ทั่วไปให้ทุกภาคส่วนของสังคมวิพากษ์วิจารณ์ให้ความเห็นเพิ่มเติม นำมาวิเคราะห์สังเคราะห์เป็นประเด็นนโยบาย 20 - 25 ประเด็น ที่คนทั้งประเทศร่วมกันกําหนดนโยบายสาธารณะ 20 - 25 ประเด็นเหล่านี้ มีความศักดิ์สิทธิ์เพราะคนทั้งประเทศร่วมกำหนด
3. นายกรัฐมนตรีทำการสื่อสารอย่างดีที่สุด ให้คนไทยทั้งประเทศมีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ร่วมหรือความมุ่งมั่นร่วมกัน นี้เป็นบทบาทที่สำคัญที่สุดของผู้นำ คือ สื่อสารให้คนทั้งชาติเกิดวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วม ดังคำพูดที่ว่า “ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ คือ นักสื่อสารที่ยิ่งใหญ่” (Great leader is great communicator) เพราะถ้าคนทั้งชาติมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมหรือความมุ่งมั่นร่วมกัน ชาติจะมีพลังมหาศาลในการเคลื่อนสู่อนาคต นายกรัฐมนตรีไม่ควรพูดมากแบบจับเรื่องจับราวไม่ได้ หรือพูดจิปาถะ
4. การขับเคลื่อนนโยบาย 20 - 25 ประเด็น ตามเป้าหมายและวิสัยทัศน์ร่วมไปสู่ความสำเร็จ ที่แล้วมามีความสำเร็จในนโยบายที่ดี ๆ น้อยมาก เพราะขาดเครื่องมือในการขับเคลื่อน มีแต่การบริหารตามกฎระเบียบของระบบราชการ ซึ่งชำนาญในการทำตามกฎระเบียบ แต่ไม่มีทักษะในการขับเคลื่อนนโยบาย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือที่เรียกว่าสภาพัฒน์ฯ ก็เป็นองค์กรทำแผน แต่ไม่มีความชำนาญในการขับเคลื่อนนโยบาย
ฉะนั้นจึงต้องมีกลไกในการขับเคลื่อนนโยบายที่เรียกว่า “กลุ่มขับเคลื่อนนโยบาย” (กขน.) ที่ประกอบด้วยผู้ที่มีความสามารถเหมาะสม ถ้ามีนโยบายสาธารณะ 20 - 25 ประเด็น ก็มี กขน. 20 – 25 กลุ่ม
5. การตั้งกขน.ที่มีสมรรถนะสูง ต้องพิถีพิถันมากทำแบบซี้ซั้วไม่ได้จะล้มเหลว ไม่ใช่คนที่วิ่งเต้นอยากเป็น พวกพ้อง หรือโดยตำแหน่ง แบบนั้นจะล้มเหลวอย่างคณะกรรมการต่าง ๆ วิธีที่ดี คือ หาประธานกลุ่มกขน.ที่มีปัญญาบารมีให้ได้ แล้วให้ท่านไปเสาะหาสมาชิกกลุ่มที่เหมาะสมเอง โดยรัฐบาลไม่เข้าไปยุ่งย่าม แต่สนับสนุนการทำงานของกขน.ทุกทางและปฏิบัติตาม
6. กขน.ทำการขับเคลื่อนระบบนโยบายครบวงจร 12 ขั้นตอน ถ้าครบวงจรเกิด จะเกิดผลสำเร็จเหมือนวงจรไฟฟ้าถ้าครบวงจรกระแสไฟก็เดินได้ ที่ไม่สำเร็จก็เพราะทำเป็นส่วน ๆ หรือบางส่วนไม่ครบวงจร ถ้าครบวงจรเมื่อใดก็ไม่มีทางไม่สำเร็จ จึงเรียกกระบวนการนี้ว่าสัมฤทธิศาสตร์
7. “กระบวนการนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม” หรือ P4 (Participatory Public Policy Process) กระบวนการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะที่กล่าวมา ถ้าเข้าใจในรายละเอียดจะเห็นว่าเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายในสังคมมีส่วนร่วมรวมทั้งการเมืองด้วย P4 จึงเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่มีคุณภาพยิ่ง เพราะเป็นกระบวนการทางปัญญาร่วมของคนทุกฝ่าย ที่นำไปสู่ความสำเร็จ หรือกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ (Interactive learning through action) ในสถานการณ์จริงของคนทั้งชาติ
8. กระบวนการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน (Transformation) ในทุกมิติ ที่ยิ่งทำ
- ยิ่งรักกันมากขึ้น
- ยิ่งเชื่อถือไว้วางใจกันมากขึ้น
- ยิ่งฉลาดขึ้นและฉลาดร่วมกัน
- เกิดปัญญา (Collective wisdom)
- นวัตกรรมและอัจฉริยภาพกลุ่ม
- ทั้งหมดเป็นพลังมหาศาลฝ่าความยากทุกชนิดสู่ความสำเร็จ
- ทุกคนมีความสุขประดุจบรรลุนิพพาน
ฉะนั้น ถ้านายกรัฐมนตรีในอนาคตเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ หรือผู้นำ P4 จะเกิดอานิสงส์มหาศาลถึงเพียงนี้ สื่อมวลชน P4 มีความสำคัญยิ่งต่อการเกิดสังคม P4 และนายกรัฐมนตรี P4