"...วิลเลียมได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ TED TALK ตอนหนึ่งว่า “ฉันนอนหลับและฝันถึงอนาคตของประเทศมาลาวีตลอดเวลา แต่ความฝันจะกลายเป็นจริงได้นั้นจะต้องมาจากใจ ผมอยากให้คนอื่น ๆ รู้ว่า ผมทำอย่างไรในสถานการณ์ที่ยากลำบากนั้นมีความท้าทายมากมายและผมได้พิสูจน์ว่า หากเราทุ่มเททำงานอะไรในชีวิต ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ความท้าทายตรงหน้าที่คอยขัดขวางไม่ให้เราไปถึงจุดหมาย เป็นบททดสอบที่เราต้องก้าวข้ามไปให้ได้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จต้องเคยผ่านจุดนี้มาแล้วทุกคน”..."
หากกล่าวถึง “สาธารณรัฐมาลาวี” พวกเราอาจจะไม่สามารถชี้ตำแหน่งที่ตั้งของประเทศนี้บนแผนที่โลกได้ เนื่องจากเป็นประเทศเล็ก ๆ ไม่ได้มีความโดดเด่นมากนัก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา ไม่มีดินแดนติดทะเล แต่เป็นที่ตั้งของ “ทะเลสาบนยาซา” (Lake Nyasa) ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของทวีปแอฟริกา และมีความงดงามมาก จนได้รับสมญานามว่า ทะเลสาบแห่งดวงดาว อย่างไรก็ตาม มาลาวีถือเป็นประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุดประเทศหนึ่ง มีปัญหาด้านการศึกษา สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ชาวมาลาวีมีอายุขัยสั้นเฉลี่ยเพียง 50 ปี มีประชากรราว 20 ล้านคน ร้อยละ 80 ประกอบอาชีพเกษตรกร ปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง และมันหวาน ในขณะที่ ระบบสาธารณูปโภคและระบบชลประทานยังไม่พัฒนา ทำให้การเพาะปลูกต้องพึ่งพาน้ำฝนจากธรรมชาติ และในปี 2001 เกิดปัญหาฝนแล้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 50 ปี ทำให้พืชพันธุ์การเกษตรเพาะปลูกไม่ได้ ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารรุนแรง มีการเสียชีวิตจากภาวะอดอยากกลายเป็นภาวะวิกฤติที่มืดมน [1]
ครอบครัวของวิลเลียม คัมแควมบ้า (William Kamkwamba) เด็กชายวัย 14 ปี พ่อแม่เป็นเกษตรกรปลูกข้าวโพด มีพี่น้อง 7 คน อาศัยอยู่ในเมืองคาซังกู ตอนกลางของประเทศ ต้องเผชิญกับวิกฤติฝนแล้งนี้เช่นกัน การรอฝนก็เหมือนรอระเบิดเวลาที่จะปะทุจากความหิวโหย ดังนั้น แทนที่วิลเลียม ลูกชายคนเดียวของครอบครัวจะรอหวังพึ่งปาฏิหาริย์ให้ฝนตก ก้มหน้าก้มตาจับจอบ ช่วยพ่อพรวนดินเหมือนชาวบ้านคนอื่น ๆ วิลเลียมกลับใช้เวลาแอบไปเข้าห้องเรียนวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนมัธยมประจำหมู่บ้าน ซึ่งต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน เนื่องด้วยพ่อแม่ไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน วิลเลียมสนใจด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเครื่องประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า เพราะในหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ และต้องอาศัยตะเกียงน้ำมันในการดำรงชีวิตตอนกลางคืน วิลเลียมชอบแกะอุปกรณ์ภายในวิทยุออกมาศึกษากลไกการทำงาน จนทำให้เขากลายเป็นช่างซ่อมวิทยุประจำหมู่บ้าน นอกจากนั้น เขายังขออาจารย์เข้าห้องสมุดอีกด้วย ซึ่งในห้องสมุดแห่งนั้น ทำให้ได้ค้นพบหนังสือ “Using Energy” ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงชีวิตวิลเลียมตลอดไป [2]
หนังสือเรื่อง Using Energy ทำให้วิลเลียมได้พบกับสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดพลังงาน โดยเฉพาะกังหันลม จนเป็นแรงบันดาลใจให้เขาคิดที่จะทำกังหันลมเล็ก ๆ เพื่อผลิตไฟฟ้าในการปั๊มน้ำขึ้นจากในบ่อ แต่ด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่ไม่พร้อม รวมทั้งขาดทุนทรัพย์ ทำให้วิลเลียมเริ่มต้นด้วยการไปขุดคุ้ยกองขยะข้างโรงเรียน ซึ่งโรงงานทำพรมที่ปิดกิจการได้นำชิ้นส่วนต่าง ๆ มาทิ้งไว้ ทำให้คนในหมู่บ้านนึกว่า ครอบครัวอดอยากถึงกับต้องมาหาเศษอาหารเพื่อประทังชีวิต รวมทั้ง สติอาจจะไม่ดีที่มาเล่นบนกองขยะทั้ง ๆ ที่ควรจะไปช่วยพ่อปลูกข้าวโพด
วิลเลียมนำท่อพีวีซีมาดัดแปลงเป็นใบพัดที่เสริมด้วยโครงไม้ไผ่ ทำโครงใบพัดจากพัดลมเก่า ๆ และใช้ไดนาโมของรถจักรยานมาเป็นตัวปั่นไฟ นำโครงจักรยานของพ่อมาเป็นตัวหมุนกังหันลม ซึ่งตอนแรกพ่อไม่ยินยอมเพราะเป็นพาหนะหลักของครอบครัว ซึ่งกว่าพ่อจะยอมใจอ่อนต้องใช้เวลานานต้องอธิบายว่ากังหันลมที่สร้างขึ้นมานี้จะมีประโยชน์อย่างไร
วิลเลียมใช้เวลากว่า 2 เดือนในประกอบชิ้นส่วนหลายอย่างเข้าด้วยกัน และทำให้กังหันลมนี้กลายเป็นเครื่องปั่นไฟขนาด 12 วัตต์ สร้างแสงสว่างภายในบ้านด้วยหลอดไฟดวงเล็ก ๆ 4 หลอด และที่สำคัญ ทำให้เครื่องสูบน้ำสามารถปั๊มน้ำจากบ่อบาดาลขึ้นมาปลูกข้าวโพดได้ จุดประกายความหวังให้กับครอบครัวและชุมชน การคิดค้นสร้างกังหันลมที่เริ่มจากศูนย์ ทำให้วิลเลียมได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่ African Academy และเข้าเรียนต่อที่ Dartmouth College ในสหรัฐอเมริกาจนจบปริญญาตรีในปี 2014 พร้อมได้รับโอกาสร่วมงานกับสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาพลังงานทดแทนแก้ไขปัญหาพลังงานขาดแคลนให้กับประเทศที่กำลังพัฒนา รวมทั้งยังกลับไปช่วยเหลือชุมชนในหมู่บ้านของเขา ด้วยการพัฒนาระบบชลประทานจนสามารถปลูกพืชได้ 2-3 ครั้งต่อปี และริเริ่มระบบสหกรณ์การเกษตรภายในหมู่บ้านเพื่อตอบโจทย์อย่างครบวงจร [3]
ในปี 2013 นิตยสาร TIME ยกย่องให้วิลเลียม คัมแควมบ้า เป็น 1 ใน 30 คน ที่อายุไม่เกิน 30 ปีแต่สามารถสร้างปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงโลก และเรื่องราวของเขาถูกถ่ายทอดในหนังสือชื่อ The Boy Who Harnessed the Wind และนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อเดียวกันที่กำลังฉายอยู่ทาง Netflix ณ เวลานี้
วิลเลียมได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ TED TALK ตอนหนึ่งว่า “ฉันนอนหลับและฝันถึงอนาคตของประเทศมาลาวีตลอดเวลา แต่ความฝันจะกลายเป็นจริงได้นั้นจะต้องมาจากใจ ผมอยากให้คนอื่น ๆ รู้ว่า ผมทำอย่างไรในสถานการณ์ที่ยากลำบากนั้นมีความท้าทายมากมายและผมได้พิสูจน์ว่า หากเราทุ่มเททำงานอะไรในชีวิต ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ความท้าทายตรงหน้าที่คอยขัดขวางไม่ให้เราไปถึงจุดหมาย เป็นบททดสอบที่เราต้องก้าวข้ามไปให้ได้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จต้องเคยผ่านจุดนี้มาแล้วทุกคน” [1]
แหล่งที่มา:
[1] ผดุงกาญจน์, ก., 2022. วิลเลียม คัมแควมบ้า ผู้สร้างกังหันลมจากขยะให้น้องสาวได้อ่านหนังสือ. [online] The People. Available at: <https://thepeople.co/william-kamkwamba-the-boy-who-harnessed-the-wind/> [Accessed 27 February 2022].
[2] Medium. 2022. The Boy Who Harnessed The Wind. [online] Available at:
<https://medium.com/@Lifes_ChapterTH/the-boy-who-harnessed-the-wind-2e646bffbc79> [Accessed 27 February 2022].
[3] ความสุขประเทศไทย. 2022. ชีวิตเปลี่ยนไปเพราะใฝ่เรียนรู้. [online] Available at:<https://www.happinessisthailand.com> [Accessed 27 February 2022]