"...โลกเมทาเวิร์ส ที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก วาดฝันไว้จึงเป็นความต้องการที่จะเข้าสู่โลกเสมือนจริง รวมกิจวัตรประจำวันตั้งแต่เช้าจรดเย็นเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ดำดิ่งไปกับโลกดิจิทัลได้มากกว่าการนั่งจดจ่ออยู่กับอุปกรณ์สี่เหลี่ยมที่วางอยู่ตรงหน้า เป็นการทำกิจกรรมในโลกเสมือนจริง ตั้งแต่ การทำงาน การประชุม ท่องเที่ยว เล่นเกม ชมคอนเสิร์ต ดูภาพยนตร์ ไปจนถึง การสังสรรค์กับเพื่อน เรียกว่าตอบโจทย์ได้ทุกเรื่อง ทั้ง ๆ ที่อยู่กับบ้านในการใช้ชีวิตยุค new normal..."
ข่าวเทคโนโลยีที่ทั่วโลกกำลังจับตามองเป็นพิเศษคงไม่มีข่าวอะไรลือลั่นเท่าข่าวที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเฟซบุ๊ก เครือข่ายสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เตรียมวางแผนเปลี่ยนชื่อบริษัท ในช่วงการประชุม Connect ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่เทคโนโลยีหลุดโลกที่เรียกว่า เมทาเวิร์ส (metaverse) และจะพัฒนาโครงการให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด การรีแบรนด์ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษ ทำให้โลกในการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียที่เฟซบุ๊กเป็นผู้บุกเบิกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง บริษัทเฟซบุ๊กอาจจะต้องลบภาพความเป็นโซเชียลมีเดีย และต้องมีการตั้งบริษัทแม่เข้ามาครอบ ดึงเฟซบุ๊กไปเป็นบริษัทลูก และการบริการของเฟซบุ๊กก็จะกลายเป็นเหมือนกับ instagram หรือ Whatsapp อย่างไรก็ตาม ชื่อใหม่ของบริษัทถูกปิดเป็นความลับสุดยอด แม้แต่ในหมู่ผู้บริหารระดับสูงก็ยังไม่ได้ระแคะระคาย แนวคิดก้าวกระโดดดังกล่าวของมาร์ก ทำให้บริษัทด้านเทคโนโลยี นักการตลาด และนักวิเคราะห์ตื่นตัวจ้าละหวั่น เพราะเป็นเรื่องล้ำยุคของโลกอนาคต
แต่ยังมีวงการเทคโนโลยีส่วนหนึ่งมองว่า การที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ออกมาให้ข่าวเรื่องรีแบรนด์อาจเป็นเพราะต้องการกลบข่าวเรื่องร้าย ๆ ที่รุมเร้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่น เฟซบุ๊กต้องเผชิญความท้าทายที่จะก้าวข้ามการสื่อสารทางโซเชียลมีเดียในรูปแบบเดิม ๆ ไม่มีฟังก์ชั่นใช้งานเพิ่มขึ้น ทั้งยังต้องทำสื่อผ่านจอสี่เหลี่ยมไม่ว่าจะเป็นจอมือถือหรือจอ คอมพิวเตอร์ เกิดการเรียกร้องจากผู้ใช้งานกว่า 2 พันล้านคน ที่ต้องการบริการเป็นระบบที่ “พึ่งพา” ได้ และหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์แพลตฟอร์มของเฟซบุ๊กทั่วโลกล่มนานกว่า 6 ชั่วโมง ขณะที่ ฟรานเซส เฮาเกน (Frances Haugen) อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊กได้ออกมาเปิดโปงว่า เฟซบุ๊กให้ความสำคัญกับผลกำไร ละเลยการปราบปรามข่าวปลอมและเนื้อหาที่สร้างความเกลียดชัง ความรุนแรง ข้อมูลเท็จความไม่ใส่ใจในกลุ่มเด็กและเยาวชน ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง มาร์ก ให้ความสนใจในนวัตกรรม metaverse มาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ และเฟซบุ๊กได้ตั้งหน่วยงานวิจัยศึกษาเรื่องนี้มายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว[1] ปัจจุบันกำลังระดมจ้างวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ในยุโรปกว่า 10,000 คน เป็นทีมมือฉมังสร้างโลกเสมือนจริง “metaverse”
Metaverse คืออะไร คำนี้มาจากรากศัพท์ 2 คำคือ meta ที่แปลว่า เกินขอบเขต (beyond) และคำว่า verse ที่มาจาก universe หรือจักรวาล เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น metaverse หมายถึงเทคโนโลยีดิจิทัลเสมือนจริงแบบ 3 มิติ เป็นการหลอมเอาพื้นที่ในโลกออนไลน์และออฟไลน์ รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ผู้คนสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ เกิดปฏิสัมพันธ์กับบุคคลภายนอก สร้างกิจกรรมร่วมกัน ทั้งการออกกำลังกาย รับฟังคอนเสิร์ต ประชุมทางไกล เหมือนกับเราอยู่ในสถานที่จริง ทั้ง ๆ ที่เราทำกิจกรรมทั้งหมดในบ้านของตนเอง
เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ แนวคิดการพัฒนา metaverse ประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 อย่างคือ ความเสมือนจริง (Virtual Reality (VR)) ความจริงเสมือน (Augmented Reality (AR)) และอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโลก VR จะถูกนำมาใช้ในการเล่นเกมส์ผ่านแว่นตา 3 มิติ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกราวกับว่า อยู่ภายใต้สถานการณ์จริง ๆ และแม้ว่า AR ที่จำลองวัตถุ 3 มิติเข้ามาสู่โลกจริง เช่น การเล่นเกมส์ โดยจำลองตัวการ์ตูน Pokemon เข้าในจอมือถือที่นิยมเล่นกัน แต่เทคนิคทั้งสองก็ยังไม่เหมือนจริงเพราะแว่นที่ต้องใส่ยังใหญ่เทอะทะไม่เป็นธรรมชาติ แถมยังมีรอยต่อให้เห็นความแตกต่างของโลกจริงและโลกเสมือนจริง[2]
แนวคิดภายใต้สิ่งที่เรียกว่า metaverse ไม่ได้เป็นเรื่องที่พูดถึงกันไม่กี่เดือน ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ แต่เป็นที่พูดถึงในวัฒนธรรมป๊อป ทั้งจากในนิยายวิทยาศาสตร์ของนีล สตีเฟนสัน (Neal Stephenson) ในหนังสือชื่อ Snow Crash ออกจำหน่ายเมื่อปี 1992 ตามมาด้วยนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง Ready Player One ในปี 2011 ก่อนจะถูกพัฒนามาเป็นภาพยนตร์ในอีก 7 ปีต่อมา และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผู้คนถูกล็อกดาวน์อยู่ในบ้าน ทำให้แนวคิดของ metaverse เข้ามาสวมทันได้พอดี
เพราะฉะนั้น metaverse คือโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อให้กลุ่มคนที่มีความชื่นชอบเหมือนกันได้มาอยู่ร่วมกัน ถ้าย้อนกลับไปสมัยก่อน “กระทู้ Pantip” หรือ Discord ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นแหล่งรวมของผู้คนที่ชอบดูหนัง ชอบเล่นเกม หรือชอบเทรดหุ้น แต่ถ้าเป็นเทคโนโลยี metaverse จะทำให้การปฏิสัมพันธ์ของคนกลุ่มนี้สมจริงสมจังมากขึ้นแบบไร้พรมแดน ตัวอย่างเช่น บริษัท Epic Game ค่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในโลก metaverse ได้เคยจำลองการแสดงคอนเสิร์ตแบบ Virtual ในเกม Fortnite ทำให้ผู้เล่นเกมสามารถชมคอนเสิร์ตร่วมกันเหมือนกับว่าได้อยู่ใกล้ชิดกันเป็นหนึ่งเดียว
โลกเมทาเวิร์ส ที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก วาดฝันไว้จึงเป็นความต้องการที่จะเข้าสู่โลกเสมือนจริง รวมกิจวัตรประจำวันตั้งแต่เช้าจรดเย็นเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ดำดิ่งไปกับโลกดิจิทัลได้มากกว่าการนั่งจดจ่ออยู่กับอุปกรณ์สี่เหลี่ยมที่วางอยู่ตรงหน้า เป็นการทำกิจกรรมในโลกเสมือนจริง ตั้งแต่ การทำงาน การประชุม ท่องเที่ยว เล่นเกม ชมคอนเสิร์ต ดูภาพยนตร์ ไปจนถึง การสังสรรค์กับเพื่อน เรียกว่าตอบโจทย์ได้ทุกเรื่อง ทั้ง ๆ ที่อยู่กับบ้านในการใช้ชีวิตยุค new normal
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ให้สัมภาษณ์ผ่าน The Vergecast ว่า “ตั้งแต่วินาทีที่ตื่นนอนจนถึงวินาทีเข้านอน เราสามารถกระโดดเข้าสู่โลก metaverse ได้ เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกตื่นเต้นเพราะจะได้ช่วยให้ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน และคนที่รอบข้างเสมือนกับโลกความเป็นจริง เพราะทุกวันนี้ชีวิตเราติดกับดักอยู่กับโลกอินเทอร์เน็ต ตื่นเช้าต้องหยิบโทรศัพท์ดูจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ผมเบื่อและหวังว่าmetaverse จะตอบโจทย์ให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น”[3]
ปัจจุบันเราพึ่งพาการสื่อสารผ่านอุปกรณ์สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เรืองแสง นั่นไม่ใช่ธรรมชาติ ธรรมชาติของเราอยู่ในห้องที่มีผู้คน มีชีวิตชีวา มีความเป็นมนุษย์ ดังนั้น ถ้าหากเราได้เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงที่มีคนอยู่รอบตัว เราคงจะรู้สึกว่า “มันสุดยอดจริง ๆ” และ metaverse เท่านั้นที่จะตอบโจทย์นี้
หากความฝันเรื่อง metaverse ของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ที่คุยไว้ว่า “บางทีในอีก 5-7 ปีข้างหน้าคนจะมองเฟซบุ๊กในฐานะบริษัท metaverse มากกว่าโมบายอินเทอร์เน็ต” จะขลังสักแค่ไหน ไว้คอยดูกันวันที่ 28 ตุลาคม อีกเพียง 3 วันหรือ 72 ชั่วโมง เท่านั้นนะครับ
แหล่งที่มา:
[1] ประชาชาติธุรกิจ. 2021. ทำไม “เฟซบุ๊ก” ถูกโจมตีอย่างหนัก ?. [online] Available at: <https://www.prachachat.net/world-news/news-777928> [Accessed 24 October 2021].
[2] En.wikipedia.org. 2021. Metaverse - Wikipedia. [online] Available at: <https://en.wikipedia.org/wiki/Metaverse> [Accessed 24 October 2021].
[3] The Verge. 2021. Mark Zuckerberg is betting Facebook’s future on the metaverse. [online] Available at: <https://www.theverge.com/22588022/mark-zuckerberg-facebook-ceo-metaverse-interview> [Accessed 24 October 2021].