
การร้องไห้เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะจัดการกับความซับซ้อนทางอารมณ์ เป็นยาขนานเอกช่วยปลดปล่อยบรรเทาความรู้สึก ความโศกเศร้า ดังนั้น การดูภาพยนตร์โศกนาฏกรรม หรือฟังเพลงเศร้า ๆ เพียงท่อนแรกแล้วบ่อน้ำตาแตก ใครจะหาว่า “เป็นคนใจเสาะจังเลย”
Weekly Mail ฉบับวันที่ 12 ก.ค. 2564 เรื่อง “เสียงหัวเราะ: ยาวิเศษขนานแท้ของความสุข” ได้อ้างคำกล่าวของจอห์น มอร์รีออลล์ (John Morreall) นักปรัชญา ชาวอเมริกัน ที่ว่า “ผู้มีอารมณ์ขัน ไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่บริหารจัดการกับความเครียดได้เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ดีอีกด้วย” แต่ในโลกความเป็นจริง นอกจากเสียงหัวเราะแล้ว ยังมีเสียงที่เป็นยาวิเศษขนานแท้ของมนุษย์อีกลักษณะหนึ่ง คือ “เสียงร้องไห้”
ชาลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) นักธรรมชาติวิทยา ชาวอังกฤษ กล่าวว่า “การร้องไห้เป็นผลพวงจากวิวัฒนาการที่ช่วยหล่อลื่นดวงตาอย่างมีนัยยะ ปลดเปลื้องความทุกข์โศกด้วยการระบายออก”1 ทารกแรกเกิดจะส่งเสียงร้องตั้งแต่วินาทีแรกที่ออกมาจากครรภ์มารดา ไม่ว่าจะเป็นเพราะดีใจหรือเสียใจ
ที่ได้ลืมตาเกิดมาบนโลกมนุษย์ แต่ที่แน่ ๆ คือการร้องไห้ของทารกในช่วง 2-3 เดือนแรก จะทำให้พ่อแม่กังวลสะดุ้งตื่นทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงลูกร้อง โดยถัวเฉลี่ยทารกจะร้องไห้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรืออาจจะถึง 5 ชั่วโมง
ในแต่ละวัน2 เพราะต้องการสื่อสาร เรียกร้องความสนใจ อาจจะเป็นเพราะหิวนม อากาศในห้องผิดปกติ ผ้าอ้อมเปียกสกปรก เสียงร้องจะดังธรรมดา ๆ ไปจนถึงเสียง แผดร้องที่ไม่มีใครทราบว่าเป็นเพราะอะไร น้อยครั้งมากจะเกิดจากการไม่สบายหรือเป็นไข้ที่พ่อแม่วิตกกังวลกันไปเอง

ผมจำไม่ได้ว่าสมัยเด็ก ๆ เป็นนักร้อง (ไห้) แบบมาราธอนหรือเปล่า? แต่เมื่อโตขึ้น ค่อนข้างแน่ใจว่า ไม่เคยตะเบ็งร้องไห้กวนอารมณ์ หรือพยายามบีบน้ำตาให้คนรอบข้างเห็นอกเห็นใจ แม้จะรู้ตัวเองดีว่าเป็นคนค่อนข้างอ่อนไหวต่อความรู้สึก เพราะเมื่อได้รับรู้เรื่องที่ใจผูกพัน น้ำตาก็จะไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เช่น เมื่อดูภาพยนตร์เรื่อง “The Killing Fields” ที่สร้างจากเรื่องจริงในช่วงยุคสมัยการปกครองของเขมรแดง ในฉากสุดท้าย ตอน ดิธ ปราน ล่ามและนักข่าวหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ชาวเขมร หนีรอดเข้ามาในฝั่งไทยได้ โผเข้าสวมกอดซิดนีย์ ชานเบิร์ก นักข่าวอเมริกันที่เคยทำงานมาด้วยกันแต่หนีออกมาได้ก่อนหน้านั้น และพยายามทุกหนทางช่วยเหลือเขา เมื่อเสียงเพลง “Imagine” ของจอห์น เลนนอน ดังกระหึ่มขึ้น ผมจะรู้สึกซาบซึ้งและอินมาก ๆ ดูกี่ครั้ง น้ำตาไหลพรากอาบแก้มทุกครั้ง
โดยธรรมชาติ การร้องไห้กับน้ำตาเป็นของคู่กัน ผู้เชี่ยวชาญแบ่งน้ำตาออกได้เป็น 3 ประเภท น้ำตา
ประเภทแรก เป็นน้ำตาที่ร่างกายผลิตสม่ำเสมอประมาณ 1.2 มิลลิลิตรต่อปี เรียกว่า basal tears หรือน้ำตาหล่อลื่น ให้ความชุ่มชื่นแก่ดวงตา ช่วยปรับปรุงการมองเห็น ทำให้ตาโฟกัสคมชัดขึ้น และจะปกคลุมดวงตาตลอดทั้งวัน
น้ำตาประเภทที่สองคือ reflex tears หรือน้ำตาระคายเคือง เป็นน้ำตาที่ร่างกายผลิตขึ้นจากการถูกกระตุ้นทางกายภาพ เพื่อปกป้องดวงตาจากอันตรายและสิ่งแปลกปลอม เช่น สารเคมีที่ฟุ้งออกมาเวลาซอยหัวหอม เป็นเหมือนยาล้างตาที่คอยล้างสารระคายเคืองตา

น้ำตาประเภทสุดท้ายคือ emotional tears หรือน้ำตาปรับสมดุลทางอารมณ์ เป็นน้ำตาที่เกิดจากความรู้สึกเกี่ยวพันกับความเศร้าโศก ความยินดี และความผูกพัน ชาร์ล ดาร์วิน อธิบายว่า ช้างเป็นสัตว์ที่ร้องไห้ทางอารมณ์ได้ แต่มาร์ค เบคอฟฟ์ (Marc Bekoff) นักชีววิทยา ชาวอเมริกัน ขอคัดค้านโดยยืนยันว่า มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่หลั่งน้ำตาทางอารมณ์ โดยกล่าวว่า “น้ำตาจากมวลสรรพสัตว์ที่ข้าพเจ้าได้ศึกษามา มีเพียงน้ำตาของสัตว์มนุษย์ คือตัวข้าพเจ้าเองนี่แหละที่แน่ใจว่าเป็นของจริงแท้”3
น้ำตาจากอารมณ์ประเภทสุดท้ายนี้ มีความสำคัญมาก เพราะเกิดจากการร้องไห้ระดับเทพ เป็นยาคลายเครียด และยาแก้ปวดโดยธรรมชาติ จากงานวิจัยพบว่า เมื่อรู้สึกโศกเศร้าเหมือนกับหัวใจกำลังจะแตกสลาย น้ำตาจากอารมณ์จะช่วยฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาอยู่ในร่องในรอยอีกครั้ง เพราะการร้องไห้ประเภทนี้ช่วยผ่อนคลายระบบประสาท ช่วยให้เนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างสมดุล ทำให้หัวใจเต้นช้าลง ลดอัตราการหายใจ ลดการบีบตัวของลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ จึงเป็นที่ยอมรับกันว่า หากเมื่อไหร่มนุษย์เผชิญสถานการณ์ยากลำบาก ระบบประสาทจะเรียกร้องให้ร้องไห้ออกมาโดยอัตโนมัติ จากการวิจัยพบว่า ผู้หญิงจะร้องไห้ทางอารมณ์มากกว่าผู้ชายถึงร้อยละ 60 คงเป็นเพราะผู้ชายมีท่อน้ำตาเล็กกว่าหรือเพราะถูกสั่งสอนมาว่า “ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็ง”4
อย่างไรก็ดี น้ำตาทางอารมณ์ได้กลายเป็นเครื่องมือการสื่อสารของมนุษย์ ทั้งด้วยความจริงใจ ด้วยการแสแสร้ง ด้วยมารยา เพื่อประโยชน์ส่วนตน เป็นทั้งการแสดงออก ถูกที่ ถูกเวลา หรืออาจจะผิดเพี้ยน ผิดกาลเทศะ หลั่งน้ำตาจระเข้ ทำเสียงสะอึกสะอื้น ทั้ง ๆ ที่น้ำตากับอารมณ์ไม่ไปด้วยกัน
เชื่อกันว่า ผู้นำประเทศหรือนักการเมืองมักใช้น้ำตาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารพอ ๆ กับคำพูดคำจา เช่น กรณีอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ เสนอร่างกฎหมายควบคุมอาวุธปืนด้วยน้ำตาคลอเบ้า บ่งบอกความสะเทือนใจจากเหตุกราดยิงใส่ฝูงชนบ่อยครั้ง1
ศาสตราจารย์อัด ฟิงเกอร์ฮู้ด (Ut Vingerhoets) ผู้เชี่ยวชาญสาขาน้ำตาวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Tilburg ประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า “น้ำตาถือเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่สุดที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของมนุษย์ เราร้องไห้เพราะต้องการการตอบสนองจากคนรอบข้าง” (Tears are of extreme relevance for human nature. We cry because we need other people.)5 อย่างไรก็ตาม ผู้รับสนองต้องเข้าใจจิตวิทยา ไม่ผลีผลามเข้าไปปลอบโยนผู้มีทุกข์โศกโดยทันที ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพราะจะทำให้คนที่กำลังร้องไห้รู้สึกอ่อนแอ เขินอาย ควรรอให้ผู้นั้นมีเวลาได้อยู่กับตัวเอง ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วจึงเข้าไปให้ความเห็นอกเห็นใจ โดยต้องเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย
กล่าวโดยสรุป การร้องไห้เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะจัดการกับความซับซ้อนทางอารมณ์ เป็นยาขนานเอกช่วยปลดปล่อยบรรเทาความรู้สึก ความโศกเศร้า ดังนั้น การดูภาพยนตร์โศกนาฏกรรม หรือฟังเพลงเศร้า ๆ เพียงท่อนแรกแล้วบ่อน้ำตาแตก ใครจะหาว่า “เป็นคนใจเสาะจังเลย” ผมก็จำยอมล่ะครับ
รณดล นุ่มนนท์
แหล่งที่มา:
1/ The MATTER. 2021. ร้องไห้แล้วได้อะไรขึ้นมา? ค้นพบความหมายของ ‘น้ำตา’ และวาระซ่อนเร้น.
[online] Available at: <https://thematter.co/science-tech/why-are-you-crying-a-hidden-purpose-of-tear/52283> [Accessed 26 September 2021].
2/ Pregnancybirthbaby.org.au. 2021. Crying baby. [online] Available at:
<https://www.pregnancybirthbaby.org.au/crying-baby> [Accessed 26 September 2021].
3/ The MATTER. 2021. ร้องไห้ทำไม? วันศุกร์เมาแล้วใครกำลัง #ร้องไห้หนักมากบ้าง. [online] Available at: <https://thematter.co/social/cry-cry-cry/6600> [Accessed 26 September 2021].
4/ WebMD. 2021. Why We Cry. [online] Available at: <https://www.webmd.com/balance/why-we-cry-tearing-up> [Accessed 26 September 2021].
5/ Time. 2021. The Science of Crying. [online] Available at: <https://time.com/4254089/science-crying/> [Accessed 26 September 2021].

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา