"....จากการตรวจสอบพบว่า นายอิทธิพล กฤษณสุวรรณ นางพิมลวรรณ กฤษณสุวรรณ ผู้ริเริ่ม ก่อการตั้งบริษัท เมษานาดี จำกัด ระบุหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อไว้ เบอร์เดียวกับ นายธวัชชัย งามศรีขำ นายโอภาส พันธ์ชนะ ผู้ริเริ่มก่อการตั้งบริษัท ชีนะมงคล จำกัด คือ หมายเลข 086-311-4424...."
.......................
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลความผิดทั้งทางวินัยและอาญา นายสำรวย วิริยะ นายกเทศมนตรีตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และพวก 5 ราย ประกอบไปด้วย 1. นายพิเชษฐ เครือยา วิศวกรโยธา 3 เทศบาลตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด 2. นายอิทธิพล กฤษณสุวรรณ ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท เมษานาดี จำกัด 3. นายคณิศร มนเทียรทอง ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข เทศบาลตำบล ท่าสายลวด 4. บริษัท เมษานาดี จำกัด 5. นายธวัชชัย งามศรีขำ เป็นทางการแล้ว
คือ ความคืบหน้าล่าสุด ในคดีโครงการก่อสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติ เมื่อปี 2555 ของ เทศบาลตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่พบว่า มีปัญหาแก้ไขแบบแปลน และจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ โครงการก่อสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมิชอบ
(อ่านประกอบ : เอกชนโดนฮั้ว! ป.ป.ช.ชี้มูลอาญาอดีตนายกฯ ท่าสายลวด-พวก สร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ มิชอบ)
ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เคยตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกและพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคดีนี้ มาแล้วในช่วงปลายปี 2561 มีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้
@ จุดเริ่มต้น
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2561 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่าสำนักงาน ป.ป.ช. ในขณะนั้น อยู่ระหว่างไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหา นายสำรวย วิริยะ ในช่วงดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542
โดยในช่วงเดือนส.ค.2561 ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาให้บริษัทเอกชน 2 ราย คือ บริษัท เมษานาดี จำกัด และบริษัทชีนะมงคล จำกัด มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ไม่สามารถส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาให้บริษัททั้ง 2 แห่ง มารับทราบข้อกล่าวหา ตามที่อยู่ที่ปรากฎอยู่ตามเอกสารหลักฐานราชการได้ จึงได้มีการปิดประกาศหนังสือส่งบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบโดยเปิดเผย ณ สำนักงาน ป.ป.ช.
ทั้งนี้ ในหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ส่งแจ้งถึงบริษัทเอกชนทั้ง 2 แห่ง ระบุว่า บริษัทได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีโครงการก่อสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติ เมื่อปี 2555
@ แกะรอยความสัมพันธ์ 2 บริษัท
ต่อมาสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นบริษัทเอกชน ทั้ง 2 รายที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท เมษา นาดี จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2554 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 141/12 ถนนพุทธมณฑลสาย 2 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร
แจ้งประกอบธุรกิจจำหน่ายปุ๋ย สารเคมี และให้บริการขนส่ง
ปรากฎชื่อ นาย อิทธิพล กฤษณสุวรรณ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 มิถุนายน 2558 นาย อนุทัศน์ กฤตยาพิพัฒน์ ถือหุ้นใหญ่สุด 50% นาย พิษณุ นาคพร และนางสาว ภิรมย์พร อ่วมจุก ถือหุ้นคนละ 25%
นำส่งข้อมูลงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ณ 31 ธันวาคม 2556 แจ้งว่ามีรายได้รวม 34,994,955.44 บาท รวมรายจ่าย 34,973,835.02 บาท กำไรสุทธิ 16,896.34 บาท
ส่วนบริษัท ชีนะมงคล จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2554 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 364 ถนนประชาอุทิศ แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
แจ้งประกอบธุรกิจให้บริการขนส่ง
ปรากฎชื่อ นาง พรรษา งามศรีขำ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ นาย สมพร ขอประสม เป็นกรรมการ
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 4 กุมภาพันธ์ 2558 นาย สมพร ขอประสม ถือหุ้นใหญ่สุด 99.9% หุ้นที่เหลือกระจายอยู่ในชื่อ นาย พิษณุ นาคพร และนางสาว ภิรมย์พร อ่วมจุก คนละ 0.05%
นำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ณ 31 ธันวาคม 2556 แจ้งว่ามีรายได้รวม 1,411,669.16 บาท รวมรายจ่าย 1,391,193.42 บาท กำไรสุทธิ 20,475.74 บาท
จากข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัททั้ง 2 แห่ง พบข้อสังเกต ใน 3 ประเด็น คือ
1. ทั้ง 2 บริษัท ที่ธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการขนส่ง เหมือนกัน
2. ที่ตั้ง อยู่ในกรุงเทพฯ เหมือนกัน
3. นำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ล่าสุดถึงปี 2558 เหมือนกัน
ต่อมา สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบเอกสารหลักฐานการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัททั้ง 2 แห่ง มีความเชื่อมโยงส่อว่าจะเป็นบริษัทกลุ่มเดียวกัน
กล่าวคือ ในช่วงการแจ้งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเอกชนทั้ง 2 แห่ง เมื่อปี 2554
บริษัท เมษานาดี จำกัด มีผู้ริเริ่ม ก่อการตั้งบริษัท จำนวน 3 ราย คือ นายอิทธิพล กฤษณสุวรรณ ถือหุ้นใหญ่สุด 8,000 หุ้น (ทุน 1 ล้านบาท) นางพิมลวรรณ กฤษณสุวรรณ ถือหุ้นอยู่ 1,000 หุ้น นางจิรวรรณ ฤทธิภาชัย ถืออยู่ 1,000 หุ้น
ส่วน บริษัท ชีนะมงคล จำกัด มีผู้ริเริ่มก่อการตั้งบริษัท จำนวน 3 ราย คือ นางพรรษา งามศรีขำ ถือหุ้นใหญ่สุด 9,000 หุ้น (ทุน 1ล้านบาท) นายธวัชชัย งามศรีขำ ถือหุ้นอยู่ 500 หุ้น นายโอภาส พันธ์ชนะ ถืออยู่ 500 หุ้น
จากการตรวจสอบพบว่า นายอิทธิพล กฤษณสุวรรณ นางพิมลวรรณ กฤษณสุวรรณ ผู้ริเริ่ม ก่อการตั้งบริษัท เมษานาดี จำกัด ระบุหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อไว้ เบอร์เดียวกับ นายธวัชชัย งามศรีขำ นายโอภาส พันธ์ชนะ ผู้ริเริ่มก่อการตั้งบริษัท ชีนะมงคล จำกัด คือ หมายเลข 086-311-4424 (ดูเอกสารประกอบ)
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลสำคัญที่ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงกันระหว่าง 2 บริษัท เพิ่มเติมอีกหลายประเด็น คือ
1.พยานที่ลงลายมือชื่อรับรองการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน คือ น.ส.ศุภลักษณ์ วิชัยดิษฐ และ น.ส.สุกัญญา บุญบรรลุ
2. ผู้รับมอบอำนาจเดินทางไปจดทะเบียนตั้งบริษัท เป็นบุคคลเดียวกัน คือ นายมงกุฎ ณ พัทลุง โดยมี น.ส.ศุภลักษณ์ วิชัยดิษฐ ลงลายมือชื่อเป็นพยาน
3. น.ส.ศุภลักษณ์ วิชัยดิษฐ ปรากฏชื่อเป็นผู้ทำบัญชีให้กับทั้ง 2 บริษัท
4. นายปราไส ถาวร ปรากฏชื่อเป็นพยานลงนาม ในการแจ้งเปลี่ยนแปลงกรรมการ แก้ไขเพิ่มเติมที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ของทั้ง 2 บริษัท ในช่วงปี 2558
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง น.ส.ศุภลักษณ์ วิชัยดิษฐ ที่ปรากฏชื่อเป็นพยาน และผู้ทำบัญชีให้กับทั้ง 2 บริษัท ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ในเอกสารจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะของบริษัทเอกชนทั้ง 2 ราย
เบื้องต้น น.ส.ศุภลักษณ์ ตอบว่า ตนไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย แค่มีฐานะเป็นลูกจ้าง เข้าให้ทำงานให้ก็เท่านั้น และก็ออกมานานแล้ว
เมื่อสำนักข่าวอิศรา ถามว่า บริษัท เมษานาดี จำกัด และ บริษัท ชีนะมงคล จำกัด แท้จริงแล้วเป็นบริษัทกลุ่มเดียวกันหรือไม่ น.ส.ศุภลักษณ์ กล่าวว่า บริษัททั้ง 2 แห่งไม่ใช่นิติบุคคลเดียวกัน
เมื่อถามว่า แต่ทั้ง 2 บริษัทใช้คนทำบัญชี พยาน ผู้รับมอบอำนาจคนเดียวกัน น.ส.ศุภลักษณ์ ตอบว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบริษัททั้ง 2 แห่ง แค่เป็นลูกจ้าง ไปทำงานให้เท่านั้น
จากนั้น น.ส.ศุภลักษณ์ ได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า ผู้สื่อข่าวเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรด้วย จะไปแจ้งให้ ป.ป.ช. มาตรวจสอบตนหรือ
ผู้สื่อข่าวได้ตอบคำถามว่า สื่อมวลชนมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และก็พยายามติดต่อผู้เกี่ยวข้องให้ชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อความเป็นธรรม
เมื่อถามว่า ปัจจุบัน ป.ป.ช. เรียกตัว น.ส.ศุภลักษณ์ ไปให้ปากคำแล้วหรือยัง น.ส.ศุภลักษณ์ ตอบว่า ไม่มี ไม่เคยมีใครมาเรียก ตอนนี้ป่วยรักษาตัวเองอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรทั้งนั้น
เมื่อถามว่า สรุปแล้ว บริษัท เมษานาดี จำกัด และ บริษัท ชีนะมงคล จำกัด เป็นบริษัทกลุ่มเดียวกันหรือไม่ น.ส.ศุภลักษณ์ ตอบว่า ไม่เข้าใจว่านักข่าวจะมายุ่งเรื่องนี้ทำไม เรื่องนี้งบแค่ล้านเดียวเอง วงเงินไม่ได้มากเป็นพันล้าน จะต้องมาติดตามทำไม ทำไมไม่ไปตามเรื่องอื่น งบแค่ล้านเดียว จะเอากันให้เป็นให้ตายเลยหรือ
ผู้สื่อข่าวยืนยันว่า เป็นการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เรื่องนี้ ป.ป.ช. กำลังไต่สวนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเงินหลักล้านบาท หรือพันล้านบาท ก็เป็นเงินภาษีประชาชนเหมือนกัน น.ส.ศุภลักษณ์ ตอบว่า "เอาเถอะนักข่าวอยากทำอะไรก็ทำไป รับไม่ได้ กับพฤติกรรมของนักข่าวแบบนี้"
เมื่อถามย้ำอีกว่า บริษัท เมษานาดี จำกัด และ บริษัท ชีนะมงคล จำกัด เป็นบริษัทกลุ่มเดียวกันหรือไม่ น.ส.ศุภลักษณ์ ตอบว่า นักข่าวทราบกฎหมายเรื่องการทำบัญชีหรือไม่
ผู้สื่อข่าวตอบว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มีข้อห้ามเรื่องการหลีกเลี่ยงการแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรม มีหลายโครงการที่ปรากฏหลักฐานความเชื่อมโยงระหว่างบริษัท ในการใช้ผู้ทำบัญชี พยานผู้รับอำนาจกลุ่มเดียวกัน น.ส.ศุภลักษณ์ ตอบว่า "ตอนนี้ป่วย กำลังเข้ารับการรักษา ไม่อยากยุ่งอะไรด้วย"
จากนั้นสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบเอกสารหลักฐานจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เมษานาดี จำกัด พบข้อมูลอีกว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2558 นายสมพร ขอประสม เคยปรากฏชื่อเข้ามาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริษัทฯ แทนนายพิทยา เจริญตรี ก่อนที่ในช่วงเดือน มิ.ย. 2558 บริษัทฯ จะแจ้งเปลี่ยนตัวกรรมการใหม่ เป็น นายอนุทัศน์ กฤตายาพิพัฒน์ เข้ามาเป็นกรรมการแทน
ขณะที่ นายสมพร ขอประสม ปัจจุบันปรากฏชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท ชีนะมงคล จำกัด โดยเริ่มเข้าไปเป็นกรรมการเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2558 เช่นกัน (ดูตารางประกอบ)
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้เคยติดต่อไปยัง นายสมพร ขอประสม ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ในเอกสารจดทะเบียนบริษัท เมษานาดี จำกัด และ บริษัท ชีนะมงคล จำกัด เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง
เบื้องต้น นายสมพร ระบุว่า ถูกคนรู้จักนำชื่อไปใช้เป็นกรรมการบริษัท ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย
เมื่อถามว่า เข้าไปให้ปากคำต่อ ป.ป.ช. แล้วหรือไม่ นายสมพร ระบุว่า มีหนังสือแจ้งมาให้เข้าไปเป็นพยานหลายครั้งแล้ว ซึ่งตนก็ได้ตอบข้อเท็จจริง ตามที่ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวอิศรานั่นแหละ
เมื่อถามว่า คนรู้จักที่นำชื่อไปใช้เป็นกรรมการ คือ ใคร นายสมพร ตอบว่า "ก็คนรู้จักกัน"
จากนั้นเรื่องนี้ ก็เงียบหายไปจนกระทั่ง ปรากฎเป็นข่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงมติชี้มูลความผิดคดีนี้เป็นทางการแล้ว แต่ไม่มีชื่อ บริษัท ชีนะมงคล จำกัด ถูกชี้มูลความผิดด้วยแต่อย่างใด
ขณะที่ บริษัท เมษา นาดี จำกัด ปัจจุบันมีสถานะเป็นบริษัทร้างและสิ้นสภาพนิติบุคคล ตั้งแต่วันที่นายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนแล้ว ตามความในมาตรา 1273/3 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2562 ที่ผ่านมาแล้ว
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดในชั้น ป.ป.ช. เป็นเพียงกระบวนการขั้นต้น ยังเหลือในชั้นอัยการ และชั้นศาล คดียังไม่ถือว่าสิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด รวมถึงผู้เกี่ยวข้องจึงถือว่าบริสุทธิ์อยู่
อ่านประกอบ :
ป.ป.ช.ไต่สวนอดีตนายกเทศมนตรีท่าสายลวด-2เอกชน คดีทุจริตสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ปี 55
อยู่กทม.แจ้งทำธุรกิจปุ๋ย-ขนส่ง! เปิดตัว2บ.คดีทุจริตสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ท.ท่าสายลวด
โดนสรรพากรไล่บี้สอบภาษี ! สถานะล่าสุด 2บ.คดีทุจริตสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติท.ท่าสายลวด
ผู้ถือหุ้นใช้เบอร์โทรเดียวกัน! หลักฐานมัด2บ.คดีทุจริตซุ้มเฉลิมพระเกียรติท.ท่าสายลวด (1)
ใช้พยาน-คนทำบัญชีเดียวกัน! หลักฐานชุดสองมัด 2บ.คดีทุจริตซุ้มเฉลิมพระเกียรติท.ท่าสายลวด (2)
เปิดตัวผู้ทำบัญชี 2 บ.คดีทุจริตท่าสายลวด โวยสื่องบแค่ล.เดียวจะเอากันให้ตายเลยหรือ(3)
พบหลักฐานมัด 2 บ.คดีทุจริตคดีทุจริตท่าสายลวด 'กก.เดียวกัน'-เจ้าตัวยันถูกยืมชื่อไปใช้ (4)
6สัญญา51ล.! ตามรอย ‘เมษานาดี-ชีนะมงคล’ คว้างานรัฐ -ก่อนป.ป.ช.ไต่สวนคดีทุจริตท่าสายลวด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage