"...เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าค้นโรงแรมธาราป่าตองบีชรีสอร์ทแอนด์สปา และเครือข่ายรวม 14 ราย ประกอบด้วยเจ้าของโรงแรม 3 ราย เจ้าของร้านค้า 2 ราย คนกลางผู้รวบรวมสิทธิ์หรือสวมสิทธิ์ 5 ราย ผู้รับจ้างบันทึกข้อมูลจองโรงแรม 4 ราย มีประชาชนร่วมทุจริตรวมกว่า 800 ราย ผลการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหารวม 14 ราย มีพฤติกรรมการทุจริตแตกต่างกันออกไป โดยโรงแรมจะร่วมมือกับผู้จัดทัวร์มีการเชิญชวนว่าหากประชาชนจองห้องพักเต็มสิทธิจะให้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์เป็นจำนวน 3 วัน 2 คืนโดยไม่มีการเข้าพักโรงแรมจริง นอกจากนี้ผู้จัดทัวร์กิจกรรมยังให้ประชาชนชำระค่าบริการในการทำกิจกรรม โดยให้สแกนคูปองที่ได้รับหลังจากการเช็คอินห้องพัก มาสแกนใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตนเองควบคุมไว้ พบรัฐเสียหายจากโรงแรม 18 ล้านบาท และร้านค้าที่ร่วมกระทำผิดจำนวน 2 ร้านค้า ความเสียหาย 3.9 ล้านบาท..."
......................
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำภาพชุดและข้อมูลเกี่ยวกับ โรงแรมณัฐชญา รีสอร์ท ในจังหวัดชัยภูมิ ก่อนที่จะถูก กองปราบปรามฯ เปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 55 จุด ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.ภูเก็ต ทำให้รัฐเสียหายรวมกว่า 122 ล้านบาท โดยใน จ.ชัยภูมิ จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 36 คน และ จ.ภูเก็ต จับได้ 14 คน เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบกันไปแล้ว
(อ่านประกอบ : เปิดภาพชุด รร.ณัฐชญา รีสอร์ท ก่อนโดนทลายทุจริตเราเที่ยวด้วยกัน-ยอดเสียหายพุ่ง 1.7 พันล.)
คราวนี้ มาดูข้อมูลเกี่ยวกับ โรงแรมธาราป่าตองบีชรีสอร์ทแอนด์สปา ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุด ที่ถูกกองปราบปรามฯ เปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกันบ้าง?
โดยข้อมูลพฤติการณ์การกระทำความผิดในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ของ โรงแรมธาราป่าตองบีชรีสอร์ทแอนด์สปา ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าวเป็นทางการ ระบุว่า ที่ จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าค้นโรงแรมธาราป่าตองบีชรีสอร์ทแอนด์สปา และเครือข่ายรวม 14 ราย ประกอบด้วยเจ้าของโรงแรม 3 ราย เจ้าของร้านค้า 2 ราย คนกลางผู้รวบรวมสิทธิ์หรือสวมสิทธิ์ 5 ราย ผู้รับจ้างบันทึกข้อมูลจองโรงแรม 4 ราย มีประชาชนร่วมทุจริตรวมกว่า 800 ราย ผลการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหารวม 14 ราย มีพฤติกรรมการทุจริตแตกต่างกันออกไป โดยโรงแรมจะร่วมมือกับผู้จัดทัวร์มีการเชิญชวนว่าหากประชาชนจองห้องพักเต็มสิทธิจะให้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์เป็นจำนวน 3 วัน 2 คืนโดยไม่มีการเข้าพักโรงแรมจริง นอกจากนี้ผู้จัดทัวร์กิจกรรมยังให้ประชาชนชำระค่าบริการในการทำกิจกรรม โดยให้สแกนคูปองที่ได้รับหลังจากการเช็คอินห้องพัก มาสแกนใช้จ่ายกับร้านค้าที่ตนเองควบคุมไว้ พบรัฐเสียหายจากโรงแรม 18 ล้านบาท และร้านค้าที่ร่วมกระทำผิดจำนวน 2 ร้านค้า ความเสียหาย 3.9 ล้านบาท (ดูภาพประกอบ)
สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลทางธุรกิจของ โรงแรมธาราป่าตองบีชรีสอร์ทแอนด์สปา จากเว็บไซต์โรงแรมฯ พบว่า ตั้งอยู่เลขที่ 170 ถนนทวีวงศ์ ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต (โลโก้โลมาแบบเดียวกับในเอกสารแถลงข่าวของกองปราบฯ )
แจ้งข้อมูลใน agoda ว่า โรงแรมยอดนิยมระดับ 4-ดาว แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นยอดมากมายไว้คอยบริการแก่ลูกค้าภายในห้องพักทั้ง 180 ห้อง แต่ละห้อง ประกอบไปด้วย ห้องปลอดบุหรี่, เครื่องปรับอากาศ, เสื้อคลุมอาบน้ำ, โต๊ะเขียนหนังสือ, เครื่องเป่าผม, ตู้เซฟในห้องพัก นอกจากนี้ โรงแรมแห่งนี้ใน ภูเก็ต ยังมี รูมเซอร์วิส 24 ชั่วโมง, ร้านค้า, ลิฟท์, คอฟฟี่ช็อป, บาร์/ผับ, บริการซักรีด/ซักแห้ง ส่วนผู้เข้าพักที่ต้องการออกกำลังกายหรือพักผ่อนหย่อนใจก็จะได้สนุกไปกับบริการนวด, สระว่ายน้ำ (สำหรับเด็ก), จาคุซซี, ห้องฟิตเนส, ซาวน่า, สปา, สระว่ายน้ำกลางแจ้ง โรงแรมที่มีเสน่ห์แห่งนี้ได้รับความนิยมมายาวนาน ทั้งจากผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวและมาติดต่อธุรกิจในภูเก็ต (ดูภาพประกอบ)
จากการตรวจสอบพบว่า ที่ตั้งเลขที่ 170 ถนนทวีวงศ์ ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ถูกใช้เป็นที่ตั้งบริษัท ธาราป่าตอง จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง 8 พฤษภาคม 2524 ทุน 70 ล้านบาท
แจ้งประกอบธุรกิจโรงแรม ปรากฎชื่อ นาย ปิยะพล คู่อรุณ นาย สุเทพ คู่อรุณ นาย เสถียร คู่อรุณ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และถือหุ้นใหญ่เท่ากัน (ณ 29 เมษายน 2563)
นำส่งงบการเงิน ล่าสุด ณ 31 ธันวาคม 2562 แจ้งว่ามีรายได้รวม 96,865,574.52 บาท รวมรายจ่าย 81,060,937.93 บาท กำไรสุทธิ 4,725,027.83 บาท
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้พยายามติดต่อไปยัง โรงแรมธาราป่าตองบีชรีสอร์ทแอนด์สปา ตามเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 076-340 -135 ในแจ้งไว้ในเว็บไซต์ เพื่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหารโรงแรม แต่ไม่มีผู้รับสาย
จึงทำให้ยังไม่ได้รับทราบคำชี้แจงข้อมูลอีกด้านจากผู้บริหารโรงแรมต่อกรณีนี้
ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า จากรายงานของฝ่ายสืบสวนพบว่าผู้กระทำผิดกว่า 9 พันราย กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งภายในสัปดาห์หน้ากองบังคับการปราบปรามจะส่งประเด็นการสอบสวนไปที่พนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่ เพื่อพิจารณาออกหมายเรียกบุคคลเหล่านั้นมาสอบสวนต่อไป นอกจากนั้นทีมสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยังได้รับข้อมูลจากธนาคารกรุงไทย ว่า พบพิรุธของโรงแรมอีกกว่า 400 แห่ง และร้านค้าอีกกว่า 400 แห่ง ที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศอีกด้วย
นอกจากนี้ เมื่อที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เชิญตำรวจกองบังคับการปราบปราม ไปร่วมประชุมวางแผนอุดช่องโหว่โครงการรัฐ ทั้งนี้การทุจริตโครงการเที่ยวด้วยกันนั้น พบว่าที่ผ่านมา มีตั้งแต่เปิดยอดการจองโรงแรมและใช้สิทธิ์ซื้อของในร้านค้าและร้านอาหาร ทั้งหมดจะมีบริษัทตัวกลางคอยรับทำหน้าที่อีกที โดยเงินที่ได้จากรัฐบาลจะผ่านไปที่ธนาคารก่อนจะไปเข้าบริษัทตัวกลาง เพื่อนำไปกระจายให้ตามโรงแรมร้านค้าร้านอาหารต่างๆ เท่าที่ผ่านมาพบว่า บริษัทตัวกลางไม่มีความสงสัยไม่มีการตรวจสอบว่ามียอดจองโรงแรมเกินจริง ทั้งที่บางโรงแรมมี 10 กว่าห้อง แต่ยอดจองเป็นเป็น 100-1,000 ห้อง ขณะเดียวกันยังพบว่ามีการจองโรงแรมจังหวัดหนึ่ง แต่เดินทางไปรับประทานอาหารหรือซื้อสินค้าอีกจังหวัดหนึ่งด้วย ทั้งหมดนี้บริษัทตัวกลางไม่เคยได้ตรวจสอบ เพราะมีหน้าที่คอยหักค่าเปอร์เซ็นต์จากการเป็นตัวกลางในการจองโรงแรมและซื้อของตามร้านค้าและทานอาหารตามร้านอาหารเท่านั้น
(อ่านประกอบ : เตรียมออกหมายเรียก 9 พันรายเอี่ยวโกง'เราเที่ยวด้วยกัน'แจ้งความอีก 800 ร้านค้า-โรงแรม)
อ่านประกอบ :
ตร.ตามกดดันหนัก! 3 ผู้ต้องหา 'เมีย-สามี-แม่' คดีทุจริตเราเที่ยวด้วยกัน มอบตัวยกครัว
เสียหายแล้ว122ล.!ตร.รวบแก๊งโกง'เราเที่ยวด้วยกัน'ชัยภูมิ-ภูเก็ต รวม 50 ราย
เปิดภาพชุด รร.ณัฐชญา รีสอร์ท ก่อนโดนทลายทุจริตเราเที่ยวด้วยกัน-ยอดเสียหายพุ่ง 1.7 พันล.
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage